“แล้วทำไมต้องรีบให้อินแต่งงานด้วยวะ”
กมลถามขึ้น เขาอยากรู้เต็มทีแล้ว รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งอย่างกมลชนะกับเขาสักครั้งก็น่าจะดี เขารู้ว่าผู้ใหญ่ของศศิธิดาไม่ชอบให้เพื่อนชายวัยเดียวกันมาเกาะแกะกับหลานของท่าน กมลจึงรักษาสถานะเพื่อนอย่างนี้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะอยากขยับเป็นคนรู้ใจมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้เสียที
“ท่านกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลเราไง ขนาดพ่อกับแม่เรา...เขายังไม่อยากจะเลี้ยงเราเลย นายก็รู้นี่กมล” ศศิธิดาพูดออกมาแบบนี้ ก็ทำให้กมลอ้าปากค้าง ใจหล่นไปที่ตาตุ่มวูบ รับรู้ได้จากน้ำเสียงว่าหญิงสาวข้างกายกำลังเข้าโหมดเศร้าในแบบที่ตนเองไม่ชอบใจเลยสักครั้ง
“เออ...นี่นี่ แล้วอินเจอหรือยังล่ะคนที่จะมาดูแลน่ะ ถ้าไม่เจอใคร เราว่างน่ะอิน” กมลเปลี่ยนเรื่องพลัน เอาความจริงในใจมาเย้าเล่นแบบนี้ ก็ให้ตื่นเต้นตุ้มๆต่อมๆกลัวหลุดพิรุจออกมาให้เห็นนัก ได้แต่ทำหน้าทะเล้นกลบเกลื่อน
“หยุดพูดเลยกมล ไม่มีใครทั้งนั้น ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมาจับฉันแต่งงานกับใคร” ศศิธิดาตอกกลับ ก่อนย้อนถาม “แล้วนายน่ะทำไมทำตัวเหลวไหลนักกมล ขาดสอบตั้งหลายวิชา เป็นไงล่ะทีนี้ อดรับปริญญาพร้อมเราเลย”
“นั่นสิ อินจบก่อนหน้าเราจนได้สิน่า”
กมลบอกอย่างอายๆ ช่วงนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวโดนทาบทามให้ฝ่ายชายหลายคนมาดูตัว กมลเองเลยพลอยไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งสิ้น พานให้ตัวเองทำตัวไม่มีความรับผิดชอบจนขาดสอบไปหลายวิชา สุดท้ายจึงจบไม่ทันเพื่อน แต่เป้าหมายของกมลต่างจากศศิธิดา เขาเลือกที่นี่เพราะจะได้อยู่ใกล้ชิดเธอ หากว่าอีกฝ่ายเรียนจบไปก่อนหน้า เขาก็ว่าจะไม่มาเรียนแล้ว ไปหาเตร่แถวบ้านสาวเจ้าเอาดีกว่า
แล้วหาเรื่องชวนคุยต่อ
“เออ...ปิดเทอมนี้ เห็นพวกนั้นมันว่าจะไปออกค่ายอาสาที่สวนผึ้ง อินจะไปด้วยกันหรือเปล่า”
“คงไม่ได้ไปหรอกกมล เราว่าจะช่วยงานพ่อจ๋าในไร่ แต่ที่สุดท้ายเราไปได้นะ ที่ประจวบฯน่ะ” ศศิธิดาบอก ทั้งยังนึกเสียดายที่จะไม่ได้ไปออกค่ายกับเพื่อนในรอบนี้
“น่าเสียดายจัง เราไม่น่าลงชื่อไปก่อนอินเลย ไม่อย่างนั้นเราจะได้ไปช่วยอินกับพ่อจ๋าที่สวนด้วย” กมลบอกเสียงอ่อย คิดไปว่าถ้าศศิธิดาไม่ไป เขาจะไปทำไมกัน
ศศิธิดาแกล้งเบ้ปาก ย้อนกลับ “เหรอ? ถามฉันก่อนหรือยังว่าอนุญาตไหม”
“แหม แม่อิน แม่นางฟ้านางสวรรค์ แม่คนใจดี มีรึจะไม่ให้เราไป ใช่ไหม” กมลอ้อนต่อ เพราะรู้ว่าหญิงสาวแกล้งเย้าไปอย่างนั้นเอง เธอทำเสียงว่าเพื่อนรู้ทางอีกจนได้แล้วว่า
“เฮอะ! นายนี่ละน้า”
“สรุป...เสาร์นี้พวกเราไปฉลองได้ใช่ไหม พ่อกับแม่อินไม่ว่าอะไรใช่หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราเลี้ยงเอง” กมลถามอีกเรื่อง พร้อมอาสาเป็นเจ้ามือด้วย
“แต่นายยังไม่จบนะเว้ย” เพื่อนในกลุ่มนั่งทางหลังทั้งคู่ตะโกนแย้งออกมาขัด ชวนให้คนอื่นขำครืนตามๆกันไป
“เถอะน่า เราอยากไปนั่งดูสาวๆที่ร้านพี่ปูนน่ะ ตกลงว่าอินไปได้ใช่ไหม” กมลโบกมือไล่พวกชอบสอด เขาต้องใช้ไม้นี้แทบทุกครั้งที่ชวนเธอออกไปนั่งร้านพี่ปูน ศศิธิดาถึงยอมไปด้วย
พอดีกับที่อาจารย์เข้ามาพร้อมฝ่ายบุคคลจากหลายบริษัท บทสนทนาจึงจบลงเพียงเท่านั้น กมลรีบเร้นกายออกไปก่อนที่อาจารย์จะเห็นและไล่ออกไปจากห้องให้ได้อายคนอื่นเอาเปล่าๆ
ศศิธิดานอนค้างที่หอของเธอต่ออีกสามวัน เพื่อความสะดวกในหลายเรื่อง ไหนจะยื่นเอกสารให้ทางคณะและจัดการเรื่องจบให้เสร็จไปเลยทีเดียว ไหนจะเก็บของที่ค้างคา ชิ้นไหนไม่ใช้ทยอยให้น้องที่มาเอ่ยปากขอตั้งแต่หลายเดือนก่อนจนทุกอย่างเรียบร้อยในที่สุด และแล้วคืนนี้ก็เป็นคืนที่นัดกับกมลและเพื่อนคนอื่นว่าจะไปฉลองเรียนจบด้วยกันที่ร้านของพี่ปูน
วางสายรายงายตัวกับทางบ้านแล้ว ศศิธิดาจึงออกมานั่งดื่มกับบรรดาเพื่อนที่ร้านที่ว่านั่น
เจ้าของร้านเป็นรุ่นพี่ปีแปดที่กำลังจะจบพร้อมเธอ ปกติแล้วหญิงสาวมักมานั่งดื่มร้านนี้หากต้องมา เนื่องจากคนไม่เยอะจนอึดอัด แต่พอมีบ้างไม่ร้างราเหมือนป่าดงดิบ ทั้งยังอาศัยว่าสนิทกับเจ้าของร้าน ทำให้สบายใจปลอดภัยหายห่วงทุกครั้งที่มา
ศศิธิดาเดินเข้ามาในร้าน พลางสอดส่ายสายตาหาเจ้าของ ด้วยว่าอยากทักทายเสียหน่อย เพราะไม่เจอกันนาน แต่รุ่นพี่เจ้าของร้านกำลังนั่งคุยกับชายคนหนึ่งอยู่ขณะนั้น เธอไม่เคยคุ้นหน้าตาชายคนที่นั่งคู่กับพี่ปูนมาก่อน
แต่ทำไมสายตาใต้แว่นของเขามีบางสิ่งในนั้น อาจเป็นความคิดตำหนิเธอก็เป็นได้ ไหนจะรอยยิ้มบนใบหน้าที่แสนเรียบเฉยนั่นอีก ท่าทางอย่างกับพวกอาจารย์จบใหม่ ไม่ก็...พวกด๊อกเตอร์ คงแก่เรียน
ใช่แน่ๆ
ต้องคิดตำหนิเธออยู่ในใจแน่นอน ที่เห็นเข้ามาในร้านของพี่ปูน นี่มันร้านเหล้านี่นา ไม่ใช่ร้านเบเกอรี่ขายนมขายขนม แต่ใครจะสนกันเล่า หญิงสาวเลือกนั่งที่โต๊ะประจำของกลุ่ม ไม่ได้ให้ราคากับชายคนนั้นอีกต่อไป
เริ่มดึก คนเริ่มเยอะ และศศิธิดาก็ดื่มเข้าไปมากกว่าทุกครั้ง เพื่อนมารวมกลุ่มเยอะขึ้น ยิ่งสนุกก็ยิ่งดื่ม จนรู้ว่าตนเองกำลังเมาได้ที่ในนาทีนี้เอง จึงเลือกที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกรองน้ำวักล้างหน้าสวยหวานที่ใสไร้เครื่องสำอางจนสาวๆหลายคนในร้านต้องอาย ก่อนเงยหน้ามองสำรวจตนเองอีกทีที่หน้ากระจกเงา แล้วเดินเข้าไปล้วงคออ้วกในห้องน้ำด้านใน คาดหวังว่าเอาแอลกอฮอล์ที่ดื่มลงท้องไปนั่นออกมาเสียบ้าง เผื่อว่าอาการจะดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่กลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้นสักเท่าไรเลย จึงเดินออกมาด้านนอก ให้เพื่อนขับรถไปส่งที่บ้านเสียตอนนี้
แต่แล้วเธอก็ชนเข้ากับใครบางคน คนที่สูงกว่าเธอพอควร จนต้องแหงนหน้ามองคอตั้งบ่า ค่อยประสานเข้ากับแววตาใต้แว่น คู่ที่มีแววตำหนิเธอเหมือนกับตอนที่เห็นในช่วงที่เข้ามาในนี้ ชั่วโมงก่อนหน้า
“เป็นเด็กริดื่มเหล้า”