อีกด้าน
ทางด้านเขตแดนหลังจากกลับจากงานศพของนายชัย สามีของแก้วตาลูกน้องเก่าจึงได้ชวนพรมแดนไปที่เรือนจำนั่นอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เขาขอติดตามไปด้วย
@เรือนจำxxxxx
พรมแดนยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกรอกเสียงลงไป สวัสดีนายเชิด มีอะไรจะสารภาพกับผมมั๊ย
เชิด: นายกำลังจะบอกอะไรผมหรือครับ
พรมแดน: นายพอจะรู้จักคนชื่อนายชัย เลิศปิติสุขบ้างมั๊ย
เชิด: เงียบ
พรมแดน: คงไม่รู้จักซินะ ผมเห็นว่านามสกุลเดียวกันน่าจะรู้จักกันแต่คงเป็นความบังเอิญมากกว่า พอดีเมื่อสามสี่วันก่อนผมไปงานศพของคนรู้จักที่ภูเก็ตมา เป็นหลอดเลือดสมองแตกน่ะ เห็นหมอบอกสูบบุหรี่จัดก่อนจะหมดสติไปเลยทำให้การช่วยเหลือยากลำบากยิ่งขึ้น สุดท้ายก็ไม่รอด เห็นว่าลูกน้องร้องไห้กันระงมเลย แกคงเป็นคนดีได้ใจลูกน้องแหละ แกทำอู่ซ่อมรถน่ะ
เชิด: ไม่จริงใช่มั๊ยครับนาย นายแกล้งหลอกผมใช่มั๊ยครับ
พรมแดน: นี่ใบมรณะบัตร นายเชิดพอจะคุ้นชื่อนี้นามสกุลนี้มั๊ย
เชิด: นาย…..ฮึ่ก.. ผมขอโทษที่ผมโกหกนาย นายปราบไม่ได้สั่งฆ่าเพื่อนของนาย แต่เป็นคนอื่นที่ใช้ความมุทะลุของนายปราบให้เป็นประโยชน์ต่างหาก ส่วนผมได้รับค่าจ้างพร้อมอาวุธมาแล้วเอาไปให้น้องอีกที แต่มารู้อีกทีก็รู้ว่าเป็นนายพัฒน์เพื่อนรุ่นน้องที่มีน้ำใจของมันที่มารับกระสุนแทน มันเองก็เสียใจและรู้สึกผิดอยู่มาก จากนั้นผมก็รับโทษแทนมันแล้วบอกให้มันหนีไปให้ไกลไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จน..จนผมได้ข่าวมันวันนี้..ฮึ่ก..ผมขอโทษครับนาย พวกนายไม่ผิดอะไรเลย ทางด้านเขตแดนที่ฟังอยู่จึงขอให้พรมแดนถอยออกมาแล้วเข้าไปคุยเสียเอง
เขตแดน: แล้วนายรู้มั๊ยว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าฉั๊น ถ้านายอยากให้ผิดบาปในใจมันลดลงช่วยบอกพวกเราให้กระจ่างทีเถอะ อย่าให้ใครบาดเจ็บหรือล้มตายอีกเลย
เชิด: นั่นเป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุดครับ ผมกลัวว่ามันจะกลับมาแว้งกัดผม หรือครอบครัวผมครับ ลำพังผมไม่เป็นไร ผมไม่เสียดายชีวิต แต่ลูกกับเมียเค้าไม่รู้เรื่องด้วย แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเป็นใคร เพราะผมรับงานมาอีกทอด ทุกคนเรียกมันว่านายเท่านั้นครับ รู้แต่ว่ามันคงเคียดแค้นชิงชังคุณมาก มันสั่งให้พวกผมโยนความผิดให้นายและนายปราบเพื่อนของนายครับ
เขตแดน: เคียดแค้นชิงชังงั้นเหรอ ขอบใจมาก รับรองว่าฉั๊นและนายเดียวจะดูแลครอบครัวของนายเป็นอย่างดี ไม่ต้องกังวลไป แล้วยื่นหูโทรศัพท์ให้อีกคน
พรมแดน: นายเชิดทำใจให้สบายเถอะ ผมฝากค่าใช้จ่ายและของเยี่ยมไว้กับผู้คุมแล้ว ผมลาตรงนี้เลยละกัน ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล
เชิด: ครับนาย ผมก็จะอธิษฐานจิตสวดมนต์ให้ไอ้ชัยมันเหมือนกัน ผมฝากดูแลแม่มันด้วยนะครับ (หมายถึงภรรยาที่ป่วยหลอดเลือดสมองตีบ)
พรมแดน: ได้ซิ อย่าห่วงเลย อาการของพี่แกดีขึ้นนะ เริ่มเดินได้คล่องบ้างแล้ว สงบจิตสงบใจเถอะ ผมลานะ
เชิด: ครับ เดินทางปลอดภัยครับนาย
ก่อนกลับออกมาจากเรือนจำเขตแดนได้เข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับผู้คุมและได้แลกช่องทางการติดต่อกันไว้และจึงกลับออกมาอย่างเงียบ ๆ ส่วนพรมแดนเองก็พอจะเข้าในเหตุผลของคนพี่เช่นกัน
อีกด้านในเงามืด
ฮึ่..ในที่สุดฉั๊นก็หาแกจนเจอ ไอ้เชิด ไอ้พยานปากเอก มึงจะไม่มีปากได้พูดอีกต่อไป กุจะทำให้ทุกคนที่รักมึงเกลียดมึงกันทุกคน กุทำมึงไม่ได้ก็ระวังคนข้าง ๆ มึงละกัน ไอ้เขต คนในมุมมืดงึมงำอยู่ในลำคอ
หลังจากเขตแดนและพรมแดนกลับออกมาจากเรือนจำทั้งสองได้กลับมาพี่บ้านพักของเขตแดนและเข้าไปนั่งปรึกษากันที่ห้องทำงานของเขตแดนและปิดประตูแน่นหนา ทำเอาธิดารัตน์อดแปลกใจไม่ได้ เพราะปกติสามีเธอจะชอบเปิดประตูห้องทำงานไว้และเปิดหน้าต่างทุกบานรับลมเย็น ๆ และกลิ่นดอกไม้หอม ๆ จากในสวนที่โชยมาเสียมากกว่า
"คืนนี้นายนอนนี่ดีมั๊ย เฮียเป็นห่วงนายยังไงก็ไม่รู้" เขตแดนกล่าวขึ้นลอย ๆ หลังจากที่เงียบอยู่เป็นนานสองนาน
"ผมไม่กลัวครับเฮีย ผมห่วงพี่เพียงกับรุ้งครับ มีแต่ผู้หญิงกับคนแก่อยู่บ้านกันแค่สองคน" พรมแดนพูดไปตามที่คิด
"งั้นให้คนของเฮียตามไปอารักขาจนกว่าจะถึงฟาร์มสวัสดิรักษ์ นายอย่าประมาณนะ ศัตรูอาจจะอยู่ใกล้ตัวเราก็ได้ ถ้าจริงอย่างที่นานเชิดพูด มันต้องเป็นคนที่เฮียเคยไปขัดผลประโยชน์ของมัน และมันต้องรู้จักนายและนายปราบซึ่งเฮียนึกไม่ออกจริง ๆ ว่ามันจะเป็นใครได้บ้าง" เขตแดนพูดออกมาเนือย ๆ
"ครับเฮีย ผมจะระวังตัว ผมมีปืนครับ" พรมแดนกล่าว
"ไอ้ลำพังซึ่ง ๆ หน้าน่ะเฮียรู้ว่านายก็คนจริงคนนึง แต่ถ้ามันลอบกัดนี่ซิ หนูปลายไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเมียนายนะ เฮียกลัวลูกสาวนายจะบาดเจ็บทางใจอีกรอบนะซี" เขตแดนกล่าวต่อ
"ครับเฮีย ผมจะระวังครับ ผมจะบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนที่ฟาร์มสวัสดิรักษ์รู้ตัวไว้ รุ้งเองก็ยิงปืนเป็น ส่วนพี่เพียงเห็นแบบนั้นบทจะเด็ดเดี่ยวขึ้นมาผู้ชายอย่างผมยังอายเลยนะครับ" พรมแดนกล่าว
"อืองั้นรีบเดินทางก่อนจะมืดค่ำ เฮียโทรสั่งลูกน้องมือดีที่ไว้ใจได้ก่อน"
"ขอบคุณมากครับเฮียงั้นผมลาตรงนี้เลยละกัน สวัสดีครับ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้องทำงานของคนพี่แล้วเดินไปที่รถยนต์ส่วนตัวที่มีมือขวาและมือซ้ายจอดรถคอยอยู่่ก่อนแล้ว หลังจากรถเคลื่อนไปได้สักพัก รถยนต์กระบะสมรรถนะดี 1 คัน และรถจักรยานยนต์ชนิดเครื่องแรงก็ขับตามออกไปอีก 2 คัน
อีกด้านของผู้สังเกตการณ์รู้ได้ทันทีว่าเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลกับสามีและคนที่เกี่ยวข้องกับสามีของเธอเสียแล้ว
"เกิดเรื่องอะไรหรือคะเฮีย หน้าเครียดเชียว ร้ายแรงมั๊ยคะ หมวยเป็นห่วง" ธิดารัตน์เอ่ยขึ้นอย่างห่วง ๆ
"หมวยเล็กมานี่ซินั่งลง เฮียจะเล่าอะไรให้ฟัง" จากนั้นเขตแดนก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ภรรยาคู่ชีวิตฟังอย่างไม่ปิดบัง
"หมวยได้ยินแบบนี้แล้วหมวยกลัวมั๊ย เฮียจะส่งหมวย กับหมวยน้อยและสามีไปอยู่ต่างประเทศสักพักดีมั๊ย"
"เฮีย..ไม่ค่ะ หมวยไม่ไปไหนทั้งนั้น หมวยจะอยู่กับเฮียอยู่ใกล้ ๆ ลูก ลูกกับต้นข้าวเองก็คงไม่อยากจากไปไหนเหมือนกัน ตายเป็นตายซิคะ ก็แค่ตาย อย่าคิดว่าสวย ๆ อย่างนี้จะยิงปืนไม่เป็นบู้ไม่เป็นนะคะ เฮียก็รู้ว่าหนูลูกใคร" ธิดารัตน์พูดขึงขังทำเอาอีกคนถึงกับหัวเราะร่วน