bc

ล้างแค้นด้วยรัก (พิทยา-ปารดี)

book_age18+
59
ติดตาม
1.0K
อ่าน
แนวดาร์ก
ครอบครัว
จบสุข
รักเพื่อน
คลุมถุงชน
เกรียน
พ่อเลี้ยง
แม่เลี้ยงเดี่ยว
ผู้สืบทอด
ดราม่า
โศกนาฏกรรม
หวาน
ชายจีบหญิง
ตึงเครียด
ฉลาด
ขี้แพ้
วิทยาลัย
เมือง
ออฟฟิศ/ที่ทำงาน
ปิ๊งรักวัยเด็ก
ความลับ
love at the first sight
addiction
like
intro-logo
คำนิยม

"คุณพ่อไม่เข้าใจกูว่ะ จะให้กูบอกรักน้องให้ได้...อึ่ก..เอิ่ก..ก็น้องพึ่งเรียนจบยังทำงานได้ไม่กี่เดือนเลย จะให้กุรีบบอกไปไหน..อึ่ก..พอกุไปบอกแม่น้องขอคบอย่างเป็นทางการก็ถามกุว่าบอกรักน้องรึยัง ก็น้องเพิ่งออกเวรดึก นอนหลับอุตุ แถมยังละเมอเย็บแผลอิก น้องจะมีกะใจฟังกุอยู่เหรอ เหนื่อยขนาดนั้น หาเวลาจะนอนยังยากเลย เอิ่ก ก็ว่ากู ไม่ได้เรื่อง ไล่กูให้ไปพ้น ๆ หน้า กุเสียใจน๊ะเว้ย อุตส่าห์ดูแล พาไปหาหมอทุกนัด พาไปหาน้อง ส่งข้าวส่งน้ำจนรู้จักสนิทกันเนี่ยะ ไม่รู้หรอกว่ากูเนี่ยเป็นคนกลางรับรู้ เอิ่ก..เข้าใจทั้งสองฝ่ายเลย.." .....ฟื่บ.....

‡เธอใช้ความแค้นหล่อเลี้ยงชีวิตเพื่อรอวันที่จะเข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้ง แต่ใครคนหนึ่งบอกให้เธอเดินออกมาจากกองเพลิงที่สุมนั่น เขาใช้รักแท้ช่วยดับเพลิงแค้น แต่เธอกลับปฏิเสธหัวใจตนเอง...

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
1.สู้ชีวิต
ปารดี หรือปริม เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนัยตาหวานซึ้งจนดูเศร้าใบหน้ารูปไข่ จมูกเชิดรั้นตอนปลาย ริมฝีปากบางได้รูป ผมหยักศกเป็นรอนสวยคล้ายดัดเป็นเกลียวแต่หาใช่ไม่เธอไม่ได้เติมแต่งอะไรเลย ผิวขาวใส รูปร่างกะทัดรัด ความสูงที่ 165 เซนติเมตร แต่ค่อนข้างผอมบางเพราะน้ำหนักเธอเพียง 43-44 กิโลกรัมเท่านั้น เด็กสาวได้เติบโตมาด้วยโดยไม่รู้เลยว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร มีเพียงแม่และป้าเท่านั้นที่ดูแลเธอมาส่งเสียให้เรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัยแม้ชีวิตจะไม่ได้สวยหรูโรยด้วยกลีบกุหลาบแต่เธอก็ไม่ได้ลำบากอะไร เธอและแม่อาศัยอยู่กับป้าที่ภูเก็ต ป้าและลุงเขยเองก็รักเธอเหมือนลูกแท้ ๆ เพราะลูกของพวกท่าน ซึ่งก็คือพี่ชายของเธอเสียชีวิตไปนานแล้วตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ด้วยโรคไข้เลือดออก เธอจึงเป็นที่รักของป้าและลุงตลอดมา "ปริมเอ๊ย ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ให้รู้จักระวังตัวนะลูกนะอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ แม่ดวงใจก็เหมือนกัน ดูแลลูกสาวเราให้ดีล่ะ อยู่ที่นู่นไม่เหมือนบ้านเรานะ" แก้วตาพูดเสียยืดยาว ด้วยความเป็นห่วงหลานสาวและน้องสาวที่กำลังจะย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เนื่องจากหลานสาวทำคะแนนได้ดีจึงสามารถเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐที่กรุงเทพฯ ได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ "จ้าพี่แก้ว หนูกับลูกจะไม่นอกลู่นอกทางค่า ไม่ต้องห่วงนะค๊า/หึหึหึ" ดวงใจรับคำพี่สาวแต่ลูกสาวแอบขำแม่กับป้าซ๊ะงั้น "เนี่ยพี่ว่าจะลางานเจ้านายสัก 2-3 วัน ก็บังเอิ๊นมีประชุมสำคัญเข้ามาอีก เห็นว่าจะให้ลูกชายมาบริหารแทนแบบเต็มตัวก็เลยลาไม่ได้ ลุงแกก็ติดงานลูกค้าเอารถมาให้ซ่อมกันยกใหญ่ ต้องช่วยลูกน้อง มันทำไม่ทันกัน โอ๊ยหัวจะปวดห่วงน้องห่วงหลานก็ห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้" หญิงวัยกลางคนบ่นกระปอดกระแปดอย่างขัดใจ "ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะพี่เดี๋ยวหนูดูลูกเอง หนูจะไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วพี่เชื่อใจหนูนะ" ดวงใจพูดอย่างมีนัยยะให้รู้กันสองคนพี่น้อง "อือ เคลียร์งานได้แล้วพี่จะตามขึ้นไปนะ อะนี่เงินเก็บของพี่เอาบัตรนี้ไปนะ ขาดเหลืออะไรก็ให้บอก แล้วไม่ต้องไปหางานทำล่ะ ฉั๊นจ้างให้เธอดูแลหลานฉั๊น เข้าใจมั๊ย" แก้วตาทำเสียงเข้ม "จ้า..คุณแม่.." ดวงใจกระเซ้าพี่สาวเพราะเธอและพี่สาวอายุห่างกันมากกว่าหนึ่งรอบทำให้แก้วตายิ่งรักและดูแลเธอเหมือนลูกสาวก็ไม่ปานเธอซื้อคอนโดขนาดกลาง ๆ พออยู่ได้สบายที่กรุงเทพฯ ไว้ให้น้องสาวและหลานสาวทันที่ที่รู้ว่าหลานสาวสอบติดแพทย์ @คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยJ เด็กสาววัยใสในชุดนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งเดินก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยด้วยความมั่นใจ วันนี้เป็นวันแรกที่เธอเข้าชั้นเรียนได้พบเพื่อน ๆ มากหน้าหลายตาทั้งหญิงและชาย แปะแปะแปะ นักศึกษาทุกคน อาจารย์อยากให้พวกเรารู้จักกันเสียก่อน มาแนะนำตัวกันก่อนดีมั๊ย อาจารย์ชื่อปรัชญา พิบูลผล เอ้าที่นี้นักศึกษาแนะนำตัวบ้างเริ่มจากโต๊ะหน้าทางซ้ายมือเลยอาจารย์เลยละกัน ทุกสายตาจ้องมองมาที่ปารดีหมด "อ่ะ เอ่อ สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อปารดี สุธาลัย "สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อดาริกา เปรมอนันต์ค่ะ "สวัสดีครับ ผมชื่อนายกวิน กิตติไพศาลครับ "สวัสดีครับ บรา บรา บรา..... หลังจากแนะนำตัวจนครับแล้วอาจารย์จึงให้ค้นคว้าอิสระและทำความรู้จักกันและเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องตามลำดับ อ้าวหลังจากแนะนำตัวกันแล้วให้ดูสื่อไปก่อนนะครับ ในปีหนึ่งสำหรับนักศึกษาแพทย์ยังไม่มีอะไรหนักหน่วงเท่าไร เมื่อหมดคาบปารดีเลือกที่จะนั่งเล่นที่สวนหย่อมข้าง ๆ คณะฯ และอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อย มีทั้งหนังสือวิชาการบ้าง การ์ตูณบ้าง แฟชั่นบ้างแล้วแต่เพื่อที่จะเดินมาขึ้นรถประจำทางกลับคอนโดซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ชีวิตวนหรูบแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนขึ้นปีสองของการเป็นนักศึกษาแพทย์ ปารดียังคงมุ่งมั่นกับการเรียนอยู่เหมือนเดิม อีกด้าน พิทยา หนุ่มใหญ่ รูปร่างสูงโปร่งแต่ดูมีกล้ามร่างกายกำยำ ผิวขาวเหลือง ความสูงเกือบร้อยเก้าสิบ ซม. นายตำรวจเก่าที่ลาออกจากราชการมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว เดินประคองผู้เป็นบิดาในวัยหกสิบปลาย ๆ ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและต้องพบแพทย์ต่อเนื่อง "คุณพ่อนั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวผมไปยื่นบัตรก่อน" "อือ ไปเถอะ" ปากบอกลูกชาย สายตาก็สอดส่ายไปเห็นเด็กหญิงใส่ชุดนักศึกษาหน้าตาน่ารักเดินหอบหนังสือกระเป๋ารวมทั้งขนมของกินต่าง ๆ นานากำลังนั่งกินขนมและทำท่าเหมือนกำลังทบทวนตำราเรียนเพราะเธอเปิดกระเป๋าใบใหญ่ออกมาแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาปรากฎว่าเป็นโมเดลโครงกระดูกแล้วดูหนังสือสลับกับดูโครงกระดูกสลับกับกินขนม ชายชรานั่งมองเด็กน้อยแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู ด้านพิทยาที่เดินเข้ามาพอดีเห็นผู้เป็นบิดานั่งอมยิ้มอารมณ์ดีจึงมองตามสายตาบิดาพบนักศึกษาแพทย์หน้าตาน่ารักกำลังเก็บของคล้ายเตรียมตัวจะไปจากตรงนั้น หิ้วโมเดลโครงกระดูก ถือแท็บเล็ตหิ้วของเยอะแยะจนน่าสงสาร "เอ้า ไปซ๊ะล๊ะ โอ อาหารเช้าเป็นขนมถุง มันจะไปมีสารอาหารอะไร๊ เด็กหนอเด็ก พ่อแม่อยู่ไหนกันไม่เตรียมอาหารให้ลูกบ้างรึไง" ชายชราบ่นพึมพำ "บ่นอะไรครับคุณพัฒนา สนใจเด็กคนนั้นเหรอ" "สงสารน่ะ ท่าทางอายุอานามน่าจะเท่าหลานชายแกนะ ถ้าพ่อมีหลานสาวอีกสักคนก็คงจะดี" "บอกพี่ภัทราซิครับว่าให้ทำหลานสาวให้หน่อย"

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook