1.สู้ชีวิต
ปารดี หรือปริม เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนัยตาหวานซึ้งจนดูเศร้าใบหน้ารูปไข่ จมูกเชิดรั้นตอนปลาย ริมฝีปากบางได้รูป ผมหยักศกเป็นรอนสวยคล้ายดัดเป็นเกลียวแต่หาใช่ไม่เธอไม่ได้เติมแต่งอะไรเลย ผิวขาวใส รูปร่างกะทัดรัด ความสูงที่ 165 เซนติเมตร แต่ค่อนข้างผอมบางเพราะน้ำหนักเธอเพียง 43-44 กิโลกรัมเท่านั้น เด็กสาวได้เติบโตมาด้วยโดยไม่รู้เลยว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร มีเพียงแม่และป้าเท่านั้นที่ดูแลเธอมาส่งเสียให้เรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัยแม้ชีวิตจะไม่ได้สวยหรูโรยด้วยกลีบกุหลาบแต่เธอก็ไม่ได้ลำบากอะไร เธอและแม่อาศัยอยู่กับป้าที่ภูเก็ต ป้าและลุงเขยเองก็รักเธอเหมือนลูกแท้ ๆ เพราะลูกของพวกท่าน ซึ่งก็คือพี่ชายของเธอเสียชีวิตไปนานแล้วตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ด้วยโรคไข้เลือดออก เธอจึงเป็นที่รักของป้าและลุงตลอดมา
"ปริมเอ๊ย ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ให้รู้จักระวังตัวนะลูกนะอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ แม่ดวงใจก็เหมือนกัน ดูแลลูกสาวเราให้ดีล่ะ อยู่ที่นู่นไม่เหมือนบ้านเรานะ" แก้วตาพูดเสียยืดยาว ด้วยความเป็นห่วงหลานสาวและน้องสาวที่กำลังจะย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เนื่องจากหลานสาวทำคะแนนได้ดีจึงสามารถเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐที่กรุงเทพฯ ได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้
"จ้าพี่แก้ว หนูกับลูกจะไม่นอกลู่นอกทางค่า ไม่ต้องห่วงนะค๊า/หึหึหึ" ดวงใจรับคำพี่สาวแต่ลูกสาวแอบขำแม่กับป้าซ๊ะงั้น
"เนี่ยพี่ว่าจะลางานเจ้านายสัก 2-3 วัน ก็บังเอิ๊นมีประชุมสำคัญเข้ามาอีก เห็นว่าจะให้ลูกชายมาบริหารแทนแบบเต็มตัวก็เลยลาไม่ได้ ลุงแกก็ติดงานลูกค้าเอารถมาให้ซ่อมกันยกใหญ่ ต้องช่วยลูกน้อง มันทำไม่ทันกัน โอ๊ยหัวจะปวดห่วงน้องห่วงหลานก็ห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้" หญิงวัยกลางคนบ่นกระปอดกระแปดอย่างขัดใจ
"ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะพี่เดี๋ยวหนูดูลูกเอง หนูจะไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วพี่เชื่อใจหนูนะ" ดวงใจพูดอย่างมีนัยยะให้รู้กันสองคนพี่น้อง
"อือ เคลียร์งานได้แล้วพี่จะตามขึ้นไปนะ อะนี่เงินเก็บของพี่เอาบัตรนี้ไปนะ ขาดเหลืออะไรก็ให้บอก แล้วไม่ต้องไปหางานทำล่ะ ฉั๊นจ้างให้เธอดูแลหลานฉั๊น เข้าใจมั๊ย" แก้วตาทำเสียงเข้ม
"จ้า..คุณแม่.." ดวงใจกระเซ้าพี่สาวเพราะเธอและพี่สาวอายุห่างกันมากกว่าหนึ่งรอบทำให้แก้วตายิ่งรักและดูแลเธอเหมือนลูกสาวก็ไม่ปานเธอซื้อคอนโดขนาดกลาง ๆ พออยู่ได้สบายที่กรุงเทพฯ ไว้ให้น้องสาวและหลานสาวทันที่ที่รู้ว่าหลานสาวสอบติดแพทย์
@คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยJ
เด็กสาววัยใสในชุดนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งเดินก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยด้วยความมั่นใจ
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอเข้าชั้นเรียนได้พบเพื่อน ๆ มากหน้าหลายตาทั้งหญิงและชาย
แปะแปะแปะ นักศึกษาทุกคน อาจารย์อยากให้พวกเรารู้จักกันเสียก่อน มาแนะนำตัวกันก่อนดีมั๊ย
อาจารย์ชื่อปรัชญา พิบูลผล
เอ้าที่นี้นักศึกษาแนะนำตัวบ้างเริ่มจากโต๊ะหน้าทางซ้ายมือเลยอาจารย์เลยละกัน
ทุกสายตาจ้องมองมาที่ปารดีหมด
"อ่ะ เอ่อ สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อปารดี สุธาลัย
"สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อดาริกา เปรมอนันต์ค่ะ
"สวัสดีครับ ผมชื่อนายกวิน กิตติไพศาลครับ
"สวัสดีครับ บรา บรา บรา.....
หลังจากแนะนำตัวจนครับแล้วอาจารย์จึงให้ค้นคว้าอิสระและทำความรู้จักกันและเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องตามลำดับ
อ้าวหลังจากแนะนำตัวกันแล้วให้ดูสื่อไปก่อนนะครับ
ในปีหนึ่งสำหรับนักศึกษาแพทย์ยังไม่มีอะไรหนักหน่วงเท่าไร เมื่อหมดคาบปารดีเลือกที่จะนั่งเล่นที่สวนหย่อมข้าง ๆ คณะฯ และอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อย มีทั้งหนังสือวิชาการบ้าง การ์ตูณบ้าง แฟชั่นบ้างแล้วแต่เพื่อที่จะเดินมาขึ้นรถประจำทางกลับคอนโดซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ชีวิตวนหรูบแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนขึ้นปีสองของการเป็นนักศึกษาแพทย์ ปารดียังคงมุ่งมั่นกับการเรียนอยู่เหมือนเดิม
อีกด้าน
พิทยา หนุ่มใหญ่ รูปร่างสูงโปร่งแต่ดูมีกล้ามร่างกายกำยำ ผิวขาวเหลือง ความสูงเกือบร้อยเก้าสิบ ซม. นายตำรวจเก่าที่ลาออกจากราชการมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว เดินประคองผู้เป็นบิดาในวัยหกสิบปลาย ๆ ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและต้องพบแพทย์ต่อเนื่อง
"คุณพ่อนั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวผมไปยื่นบัตรก่อน"
"อือ ไปเถอะ" ปากบอกลูกชาย สายตาก็สอดส่ายไปเห็นเด็กหญิงใส่ชุดนักศึกษาหน้าตาน่ารักเดินหอบหนังสือกระเป๋ารวมทั้งขนมของกินต่าง ๆ นานากำลังนั่งกินขนมและทำท่าเหมือนกำลังทบทวนตำราเรียนเพราะเธอเปิดกระเป๋าใบใหญ่ออกมาแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาปรากฎว่าเป็นโมเดลโครงกระดูกแล้วดูหนังสือสลับกับดูโครงกระดูกสลับกับกินขนม ชายชรานั่งมองเด็กน้อยแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู
ด้านพิทยาที่เดินเข้ามาพอดีเห็นผู้เป็นบิดานั่งอมยิ้มอารมณ์ดีจึงมองตามสายตาบิดาพบนักศึกษาแพทย์หน้าตาน่ารักกำลังเก็บของคล้ายเตรียมตัวจะไปจากตรงนั้น หิ้วโมเดลโครงกระดูก ถือแท็บเล็ตหิ้วของเยอะแยะจนน่าสงสาร
"เอ้า ไปซ๊ะล๊ะ โอ อาหารเช้าเป็นขนมถุง มันจะไปมีสารอาหารอะไร๊ เด็กหนอเด็ก พ่อแม่อยู่ไหนกันไม่เตรียมอาหารให้ลูกบ้างรึไง" ชายชราบ่นพึมพำ
"บ่นอะไรครับคุณพัฒนา สนใจเด็กคนนั้นเหรอ"
"สงสารน่ะ ท่าทางอายุอานามน่าจะเท่าหลานชายแกนะ ถ้าพ่อมีหลานสาวอีกสักคนก็คงจะดี"
"บอกพี่ภัทราซิครับว่าให้ทำหลานสาวให้หน่อย"