"รู้คร้าบว่าหนูเป็นลูกสาวคนเล็กของนายหัวธาดาผู้ยิ่งใหญ่และดุดันคร้าบ" เขตแดนแกล้งเย้าภรรยา
"ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลย ดาบก็แกว่ง เปลก็ไกวนะจะบอกให้"
"อืม ขอบใจมากที่รัก เฮียรักเธอกับลูกนะ ตั้งแต่นี้ต่อไปห้ามประมาท จะออกไปไหนให้ระวังตัวนะ"
"หนูก็รักเฮียกับลูกค่ะ เราจะอยู่ด้วยกันจนหลาน ๆ ของเราโตเลยนะคะ"
"อืม..มะเฮียขอกอดหน่อย" ..พรึ่บ..สองสามีภรรรยากอดเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
ตัดมาที่แก้วตาและดวงใจที่ภูเก็ตสองพี่น้องช่วยกันเก็บข้าวของจัดบ้านให้เข้าที่หลังจากเสร็จจากงานศพของนายชัย
"ดวงใจ พี่มีอะไรจะสารภาพ" แก้วตาเอ่ยขึ้นลอย ๆ "อะไรหรือคะพี่แก้ว" ดวงใจเอ่ยถามอย่างสงสัย
"พี่ชัยแกเคยฆ่าคนและคน ๆ นั้นคือคนดีมีน้ำใจกับพี่ชัยมาก แกเสียใจอยู่ทุกวันนี้ ที่แกตายอาจเพราะคิดไม่ตก พี่แกคงชดใช้กรรมของแกแล้วหละ" แก้วตาเล่าปนสะอื้น
"ยังไงเสียพี่ชัยก็ตายไปแล้ว อย่ารื้อฟื้นอีกเลยค่ะพี่แก้ว ทำใจให้สบายเถอะค่ะ" ดวงใจกล่าวขึ้นอย่างเห็นใจและสงสารพี่สาวเป็นที่สุด
"แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะซิ คนที่มันสั่งฆ่านายใหญ่มันสั่งให้พวกนั้นโยนความผิดให้คุณพรมแดนเพื่อนรุ่นน้องของนายใหญ่ นายปราบเพื่อนของคุณพรมแดนอีกทีนี่ซิ ที่สำคัญคุณพรมแดนยืนยันว่า นายปราบไม่ได้ยิงปืนใส่เขา แต่เป็นคนอื่นซึ่งคุณพรมแดนก็ไม่สามารถรู้ได้เพราะกระสุนถูกจุดสำคัญและหมดสติไปแล้ว" แก้วตาอธิบายยืดยาว
"แล้วพี่แก้วจะมาบอกหนูทำไมคะในเมื่อเรื่องของหนูกับเค้ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วเค้าก็ตายไปแล้ว หนูไม่ติดใจอะไรแล้ว" ดวงใจแย้ง
"เกี่ยวซิ ในเมื่อหนูปริมเป็นลูกของนายปราบ หลานพี่ต้องภูมิใจในชาติกำเนิดของตัวเอง อย่างน้อยก็ควรให้หลานได้รับรู้ว่าพ่อของตัวเองไม่ใช่ฆาตกรไง" แก้วตาพูดขึงขังขึ้นมาบ้าง
"หนูไม่อยากรื้อฟื้นให้ลูกเสียใจอีกแล้วค่ะ จะภูมิใจไปทำไมในเมื่อตอนมีชีวิตพ่อเค้าก็ไม่ได้สนใจไยดีอยู่แล้ว นี่ตายไปจะสนใจไปทำไมว่าดีหรือชั่ว จริงมั๊ยคะ หนูพูดถูกมั๊ย" ดวงใจค้านเสียงแข็ง
"เอาเถอะพี่คงเปลี่ยนใจเธอไม่ได้ แต่พี่อยากจะบอกเธอว่าพี่จะบวช พี่พอแล้ว เงินทองหามากองก็เท่านั้นมันไม่สามารถซื้ออะไร ๆ ให้กลับคืนมาได้เลย พี่อยากจะยกบ้านหลังนี้ให้เธอและลูก ส่วนอู่ซ่อมรถพี่จะยกให้ลูกน้องของพี่ชัย ใครที่ดูแลได้ก็ดูแลกันไป พี่มีเรื่องจะบอกเธอแค่นี้แหละ วันพรุ่งนี้พี่จะไปยื่นใบลาออกกับเจ้านาย" แก้วตากล่าวราบเรียบ
"พี่แก้วคิดดีแล้วหรือคะ" คนน้องถามราบเรียบ
"อืม คิดดีแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง น้องปริมก็เรียนจบแล้ว ส่วนเธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้วรู้ผิดชอบชั่วดีทุกอย่าง จะเลือกดำเนินชีวิตไปในทางไหนก็แล้วแต่เถอะ อีกอย่างพี่เชื่อว่าเธอเข้มแข็งพอ"
"ค่ะพี่ ถ้ายัยหนูแต่งงานไปแล้ว หนูก็จะบวชกับพี่ด้วย"
"อย่ามาพูดดีเอาใจพี่เลย อนาคตยังมาไม่ถึง เอาไว้ให้ถึงวันนั้นเสียก่อนเถอะแล้วค่อยมาพูดแบบนี้กับพี่" แก้วตาพูดยิิ้ม ๆ
____________________
ตัดมาที่พิทยาหลังจากได้พาปารดีมาอยู่ที่บ้านของตัวเองรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่งอย่างน้อยเด็กน้อยของเขาก็อยู่ในสายตาและปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะเขาได้จ้างการ์ดคอยดูแลรอบ ๆ บ้าน และมีลูกน้องคอยดูแลคนตัวเล็กห่าง ๆ เพราะสายรายงานมาว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น และอีกอย่างบิดาของเขาได้เล่าให้ฟังเรื่องที่เขตแดนและพรมแดนพยายามสืบเสาะเกี่ยวกับคดีการการของพีรพัฒน์และปราบเพิ่มเติม ซึ่งกำลังไปค้นหาความจริงจากนายเชิดอีกครั้งที่เรือนจำอยู่ เขาคิดในใจว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเซฟคนตัวเล็กเสียแล้ว
@บ้านบริรักษ์คุณากร
หลังจากไปส่งคนตัวเล็กที่โรงพยาบาลพิทยาได้ส่งข้อความไปบอกเลขาที่บริษัทว่าจะเข้าไปสายและเลือกที่จะกลับเข้าบ้านอีกครั้ง เขาตัดสินใจที่จะขอคนตัวเล็กแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีเพราะไม่อยากเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงหรือรับบทพี่ชายที่แสนดีอีกต่อไปแล้วจึงคิดนำเรื่องนี้ไปปรึกษาบิดามารดา
"คุณพ่อครับคุณแม่ครับ ผมมีเรื่องอยากปรึกษา" พิทยาเอ่ยขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในบ้าน
"อืม นั่งก่อนซิเจ้าพิท มีเรื่องอะไรก็ว่ามา พ่อกับแม่จะได้ช่วยคิด" คุณพัฒนากล่าวขึ้น
"ผมอยากขอน้องปริมแต่งงานครับ ผมอยากให้น้องอยู่ที่นี่ ผมรู้สึกว่าน้องกำลังไม่ปลอดภัยครับคุณพ่อคุณแม่จะว่ายังไงครับ" พิทยาพูดอ้อมแอ้มอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ กังวลไปหมด
"เพิ่งจะคิดได้เหรอเจ้าพิท ฉั๊นคิดว่าแกจะคิดไม่ได้เสียอีก" คุณพัฒนากล่าวอย่างนึกหมั่นไส้ (มานานแล้ว) ส่วนคุณนายพิชญาได้แต่พยักเพยิดเห็นด้วยกับสามี
"ผมไม่กล้ารบเร้าน้องครับ เห็นน้องเครียดเรื่องงาน ไหนจะเรื่องพ่อก็เลย….."
"ลูกเอ้ย ฟังแม่นะลูก ผู้หญิงเราน่ะจะรู้สึกอบอุ่นเสมอถ้ามีใครกางปีกปกป้อง และถ้าไม่รักก็จะไม่ยอมอยู่ใกล้ให้เทียวรับเทียวส่งขนาดนี้หรอก เป็นเพราะลูกเองที่ไม่ยอมพูดเองต่างหาก กล้า ๆ หน่อยซิคะลูกชาย" เป็นคุณนายพิชญาที่เอ่ยแทรกหลังจากที่เงียบไม่มีปากไม่มีเสียงมานาน แม่ขอพูดสักครั้งเถอะ (คุณนายพิชญาคิดในใจ)
"หึหึ วันนี้คุณนายพิชญาพูดถูกใจผมจังเลย มิเสียแรงที่ได้รางวัลเทพีขันน้ำพานรองนะ" คุณพัฒนาแกล้งเย้า
"มันเกี่ยวกันตรงไหนละพ่อ" คุณนายพิชญาแย้งขึ้น
"เกี่ยวซิ ไม่ใช่สวยอย่างเดียว แต่ต้องมีสมองด้วยมันถึงจะครบเครื่อง หึหึ"
"อ้อ เหรอคะ/ดูพ่อเค้าพูดเข้านะตาพิท ร้ายกาจมาก"
"หึหึ ครับ ร้ายกาจจริงครับ ผมเห็นด้วย" พิทยาเออออกับมารดา
"อย่ามัวแต่พูดเล่นกัน มาช่วยกันคิดว่าจะบอกทางนั้นยังไง เพราะว่าสามีของป้าหนูปริมเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่เท่าไหร่ คงต้องอีกสักระยะดีมั๊ย แต่พ่อจะโทรไปทาบทามไว้ก่อนเพื่อให้ทางนั้นสบายใจว่าลูกสาวเค้าอยู่กับเราไม่เสียหาย และปลอดภัยซึ่งสถานการณ์ช่วงนี้ก็น่าเป็นห่วงอยู่ แต่ในวิกฤตมันก็มีโอกาสจะเจ้าพิท" คุณพัฒนาพูดจบก็หันไปมองหน้าลูกชายอย่างบอกความใน
"ครับพ่อ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากครับที่อยู่ข้างผมตลอด" ส่วนสองสามีภรรยาได้แต่ยิ้มอย่างเมตตาส่วนลึกก็รู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นที่จะได้รับขวัญลูกสะใภ้กับเค้าเสียที แทบจะจุดพลุฉลองอยู่แล้ว มีแต่ลูกเขยมันไม่อิน