ตอนที่ 10
ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ที่ปภาวรินทร์มาเริ่มงานเป็นเลขาฯ และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีทั้งเนื้องานและคุณภาพของงานที่เธอทำ ปภาวรินทร์สามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานเป็นเลขาฯ ได้เป็นอย่างดี และก็มาถึงเวลาที่หญิงสาวควรจะต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกในอดีตอีกครั้ง เมื่อนรภัฏกำลังจะพาเธอไปดูงานที่เมืองนอก และครั้งนี้เธอก็ต้องเดินทางไปกับเขาแค่สองคน ส่วนเจ้านายของเธออย่างภีรดาประธานบริษัทนั้น เธอไม่ได้ตั้งใจจะเดินทางไปด้วยตั้งแต่แรกแล้ว
“หนักใจอะไรหรือเปล่าคะ..คุณฝ้าย” ภีรดาถามเลขาฯ ส่วนตัว หลังจากวันนี้เธอได้เข้ามาประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงเช้า
“ไม่ได้หนักใจอะไรเลยค่ะ...คุณพริม” หญิงสาวตอบเจ้านายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ยังไง พริมจะให้พี่นุช่วยแวะไปดูคุณยายให้นะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ”
“แต่ว่า...คุณพริมคะ!!!”
“อะไรเหรอคะ...คุณฝ้าย”
“เหมือนพี่ชายของคุณพริมยังผูกใจอาฆาตฝ้ายเรื่องในอดีตอยู่เลยนะคะ”
“ของแบบนี้มันก็ต้องใช้เวลาสิคะ เวลาและความจริงใจเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ เชื่อพริมนะคะ..คุณฝ้าย” หญิงสาวพยายามปลอบปภาวรินทร์
“ขอบคุณค่ะ ที่คุณพริมให้โอกาสฝ้าย”
“อย่าคิดมากสิคะ พริมอยากทำเพื่อพี่ชายอีกครั้ง พริมไม่อยากเห็นเค้าหนีไปไหนไกล ๆ อีกแล้ว”
“ฝ้ายจะทำให้เต็มที่ค่ะ”
“ดีแล้วค่ะ คุณฝ้าย ไม่ต้องเป็นห่วงงานทางนี้นะคะ จากนี้คนดูแลบริษัทก็จะเป็นพริมและคุณวิชชุดา แต่หลัก ๆ ก็จะเป็นวิชชุดานั่นแหละค่ะ” เธอพูดปนเสียงหัวเราะ
วันนี้นรภัฏหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ เพราะหญิงสาวที่อยู่ห้องทำงานเดียวกันกับเขา เธอไปทำหน้าที่เป็นเลขาฯ ให้กับภีรดาเสียแล้ว แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะไปหาเธอ แต่คนอย่างนรภัฏมีหรือจะเดินไปบอกว่าตัวเขาเองอยากไปหาเธอเพราะเพียงอยากเห็นหน้าเธอเท่านั้น มันก็ต้องหาข้ออ้างกันหน่อย
“งั้นเอาเป็นว่าวันนี้พริมอยากเจอคุณยาย ขออนุญาตไปส่งคุณฝ้ายที่ตลาดเลยได้มั้ยคะ” ภีรดาเอ่ยขึ้น หลังจากเห็นพี่ชายเดินมา และเธอก็แกล้งพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติด
“อืมจะดีเหรอคะ” หญิงสาวที่ยังไม่รู้ตัวว่ามีคนเดินมาข้างหลัง จึงพูดไปตามปกติ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกกับเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นจากด้านหลังของเธอ
“พี่ไปส่งคุณปภาวรินทร์ให้เองดีกว่า..ยัยพริม พอดีว่าพี่เองก็มีเรื่องงานจะคุยกับคุณปภาวรินทร์เหมือนกัน เรื่องที่จะต้องไปดูงานเมืองนอก”
“อืม..งั้นก็ดีเลยค่ะ พี่ภัฏ งั้นพริมขอตัวไปดูลูกก่อนนะคะ ป่านนี้คงงอแงแย่แล้ว”
“ตามสบาย ทางนี้เอาไว้เป็นหน้าที่ของพี่จะดีกว่า จริงมั้ยครับ คุณปภาวรินทร์” เขาเอ่ยชื่อเต็มของเธออย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่น้องสาวจะรีบเอ่ยขึ้นเพราะไม่อยากอยู่เวลาที่ทั้งสองกำลังจะเปิดศึกกัน
“ไปก่อนนะคะคุณฝ้าย”
“สวัสดีค่ะคุณพริม” พอเจ้านายเธอคล้อยหลังไปแล้ว ปภาวรินทร์ก็หันมาประจันหน้ากับโจทก์เก่าอย่างนรภัฏเต็มประตู ก่อนจะคิดในใจว่าถ้าเขารุกเธอขึ้นมาจริง ๆ เธอจะทำอย่างไรดี ในสถานะเจ้านายเขามีอำนาจอันล้นเหลืออยู่แล้ว จะพูดอะไรไปตอนนี้ เขาก็คงจะบอกว่าเธอนั้นต่อต้านเขาเสียมากกว่า มันคงจะไม่ดีแน่ ยิ่งตอนนี้เขายึดความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่อยู่ด้วย ความคิดของเขาถูกเสมอ แต่ถ้าหมายถึงในเรื่องงานเธอไม่ปฏิเสธเพราะเขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม แต่การใช้อำนาจของเขาในการจ้องจะเล่นงานเธอนั่นเป็นสิ่งที่ปภาวรินทร์กังวล
ในเรื่องงานเขาให้โอกาสเธอในการเสนอความคิดเห็น และไม่ได้กดขี่อะไร แต่ถ้าหน้าที่การงานของเธอมีอันต้องสะดุดด้วยเรื่องอื่นก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างที่สุด ดังนั้นเธอจำเป็นต้องอดทนกับเขาให้มากที่สุด เธอเคยคิดเรื่องนี้เอาไว้อยู่แล้ว หลังจากตัดสินใจมาเป็นเลขาฯ ให้กับภีรดา น้องสาวของนรภัฏ
สิ่งที่เธอต้องการที่สุดในตอนนี้คือความมั่นคงในหน้าที่การงาน เธอต้องพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ที่อาจมาถึงในไม่ช้า
“ขออนุญาตคุณยายหรือยัง เพราะงานนี้ เธออาจจะต้องไปหลายวัน” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นพร้อมยิ้มมุมปาก ดวงตาพราวระยับมองใบหน้าคมก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของเจ้านาย
“ยังค่ะ ดิฉันกะว่าจะบอกคุณยายเย็นนี้” ปภาวรินทร์ตอบเสียงสั่นเล็กน้อย เพราะยังอึ้งกับการเดินเข้ามาหาเธออย่างเงียบ ๆ ของนรภัฏ
“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ ผมไปส่ง จะได้เรียนให้คุณยายทราบด้วยเลย” นรภัฏไม่รอคำอนุญาตจากหญิงสาว เพราะถือว่าปภาวรินทร์ได้ยินได้ฟังไปเมื่อสักครู่นี้แล้ว
“ค่ะ” เมื่อคำตอบของเธอเป็นที่พอใจของชายหนุ่มแล้ว เขาก็หมุนตัวเดินไปทางห้องทำงานของตัวเองทันที
“เผด็จการชะมัด!!!” หญิงสาวบ่นตามหลัง