ตอนที่ 9
“ตำแหน่งเลขาฯ ของคุณภีรดา เดิมคุณภีรดาต้องพบปะลูกค้าที่ต่างจังหวัด ไปประชุมนอกสถานที่ทั้งในและต่างประเทศ ฉันเห็นว่าเธออยู่กับยายเพียงแค่สองคน แล้วงานนี้เธอจะไหวเหรอ” หญิงสาวได้ฟังนรภัฏอธิบายซะยืดยาวก็อึ้งไปเล็กน้อย นึกถึงสถานการณ์และความรับผิดชอบในปัจจุบัน เธอยังมีคุณยายที่ต้องดูแล
“คุณภีรดาได้บอกให้เธอทราบถึงเรื่องนี้หรือเปล่า”
“ไม่ทราบมาก่อนค่ะ”
“ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ”
“ไม่ค่ะ ดิฉันสามารถเดินทางได้ ถ้าเป็นทริปสั้นๆ ” นรภัฏพยักหน้ารับทราบ และน่าจะถึงเวลาถามในสิ่งที่เขาอยากรู้แล้ว
“ห้าปีที่แล้ว สรุปเธอได้หมั้นกับเจ้าสัวปรเมศวร์หรือเปล่า” นรภัฏสังเกตสีหน้าของหญิงสาว และเห็นได้ชัดว่าแววตาสุกใสนั้นหม่น ลงเล็กน้อย...แน่ละว่าคำถามนี้ไม่เกินความคาดหมายของเธอ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสะดวกใจเล่ารายละเอียด
“คุณอยากรู้ไปทำไมคะ”
“ถ้าเธอคิดจะทำงานที่นี่ ก็ควรแจ้งประวัติส่วนตัวที่ผ่านมา ให้ฉันรู้ทุกเรื่องสิ”
“ดิฉันไม่ได้หมั้นกับเจ้าสัวปรเมศวร์ค่ะ” หญิงสาวบอกตัวเองว่าเธอไม่ได้โกหก แค่ตอบตามความจริงเท่าที่เขาควรรับทราบเท่านั้น ก็เธอไม่ได้หมั้นกับเขาจริง ๆ สิ่งที่นรภัฏได้ยินทำให้เขาอึ้งไปเล็กน้อย....ในตอนนั้นเขาทนไม่ได้จึงลาออกจากงานและหนีไปเมืองนอก
“เพราะอะไร”
“ในตอนนั้นคุณยายของฉันเป็นหนี้เจ้าสัวปรเมศวร์ค่ะ”
“แล้วยังไงต่อ”
“ในตอนแรกเจ้าสัวปรเมศวร์ต้องการจะให้ดิฉันรับหมั้น แต่ภายหลังท่านไม่ต้องการ แล้วก็ยกหนี้ให้ค่ะ ก็เลยไม่มีการหมั้น หรืองานแต่งเกิดขึ้น”
“เธอจะพูดว่าเจ้าสัวปรเมศวร์เอ็นดูเธอ ก็เลยยกหนี้ให้อย่างนั้นเหรอ”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ” นรภัฏยังไม่ปักใจเชื่อสักทีเดียว แต่เขาเป็นฝ่ายหมดคำถามเสียเอง
การสนทนาของคนทั้งคู่จบลง หลังจากที่นรภัฏ สั่งงานให้ปภาวรินทร์นั่งตรวจเอกสารและจัดโต๊ะทำงานของเขาให้เรียบร้อย
พักกลางวัน
เสียงเคาะกระจกพาร์ทิชันทำให้ปภาวรินทร์เงยหน้าขึ้นมอง เธอนั่งประจำ ที่โต๊ะนี้ชั่วคราวเพราะนรภัฏสั่งให้คนจัดโต๊ะให้เธอภายในห้องทำงานของเขา
“คุณนุมีอะไรจะเรียกใช้ดิฉันรึเปล่าคะ” หญิงสาวยิ้มให้คนที่เดินเข้ามาหา
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่จะแวะมาถามเพราะไม่เห็นคุณฝ้ายลงไปทานข้าว แล้วท่านรองรังได้รังแกอะไรคุณฝ้ายหรือเปล่าครับ”
น้ำเสียงนั้นเมตตาเหมือนพี่ชายใจดี ทำให้ปภาวรินทร์ยิ้มรับ
“ไม่ได้รังแกอะไรหรอกค่ะ แล้วฝ้ายก็เอาข้าวมาทานเอง” หญิงสาวตอบ เพราะตอนกลางวันปภาวรินทร์ตั้งใจว่าอยากรีบศึกษางานไปด้วยเลย เพราะตอนเย็นเธอต้องไปรอขึ้นรถเมล์อาจจะถึงบ้านช้าและกลัวคุณยายเป็นห่วง
หลังจากภาณุวัฒน์ออกไปได้สักครู่ ปภาวรินทร์ก็รีบเคลียร์งานที่นรภัฏสั่ง พอเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็ลงมือทานข้าวที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และสาเหตุที่นรภัฏสั่งให้คนเข้ามาจัดสถานที่ให้ปภาวรินทร์นั่งทำงานอยู่ภายในห้องเดียวกันกับเขาก็เพราะอยากอยู่ใกล้ ๆ เธอ แต่เขานั้นอ้างเหตุผลอื่น ซึ่งภาณุวัฒน์ก็รู้สึกว่ามันดูแปลก ๆ จึงรายงานเรื่องนี้ให้ภีรดาทราบเรื่องที่นรภัฏจะเป็นคนสอนงานให้กับปภาวรินทร์ด้วยตัวเองโดยเขาอ้างว่าไม่ไว้ใจปภาวรินทร์ ระหว่างโต๊ะทำงานของปภาวรินทร์และนรภัฏมีเพียงแค่พาร์ทิชั่นกระจกกั้นเท่านั้น พอหญิงสาวลงมือทานมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อย วิชชุดาก็เปิดประตูและเดินเข้ามาหาเธอเป็นรายต่อไป
“เดี๋ยวบ่ายนี้ท่านประธานจะเข้ามาประชุมกับลูกค้ารายใหม่ เป็นบริษัทที่เพิ่งเข้ามาเป็นดิลเลอร์ของบริษัทเราเร็ว ๆ นี้ ยังไงน้องฝ้ายก็เตรียมตัวเข้าประชุมด้วยละกันนะ เพราะอีกหน่อยคุณภีรดาต้องให้น้องฝ้ายเป็นฝ่ายดีลกับลูกค้ารายนี้ด้วยตัวเอง” วิชชุดายื่นแฟ้มให้เลขาฯ คนใหม่ศึกษาถึงหัวข้อ และรายละเอียดต่าง ๆ
“ได้เลยค่ะ..พี่วิ” ปภาวรินทร์รับข้อมูลมาแล้วเปิดอ่านข้อมูลคร่าวๆ
“งั้นเอาไว้เจอกันที่ประชุมนะคะ..พี่วิ”
“ค่ะ งั้นพี่ไปก่อนนะ เอ่อ คุณภีรดาฝากพี่มาถามว่า น้องฝ้ายอึดอัดหรือเปล่า เห็นว่าต้องเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกับท่านรอง”
“ก็ไม่นะคะ”
“โอเคจ้ะ”
13.00 น.
ร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มโดดเด่นเป็นศูนย์รวมของสายตาพนักงานออฟฟิศสาว ๆ หลายต่อหลายคน ปภาวรินทร์เดินเลี่ยงออกไปหลังจากที่เดินตามเขาเข้ามาในห้องประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
วิชชุดาที่มาพร้อมกันแจ้งกับบริษัทลูกค้าว่า ภีรดาประธานบริษัทติดธุระไม่สามารถมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ได้ และเธอก็มอบหมายงานทั้งหมดมาให้กับปภาวรินทร์ ซึ่งเธอนำเสนอรายละเอียดกับบริษัทรายใหม่ได้เป็นอย่างดีในส่วนที่เธอรับผิดชอบ ก่อนจะส่งให้นรภัฏและวิชชุดา นำเสนอผลประกอบการและความน่าเชื่อถือของบริษัทต่อไป