ตอนที่ 8
ในสถานการณ์เช่นนี้ ปภาวรินทร์ถึงกับวางตัวไม่ถูก เพราะตั้งแต่เธอบอกเลิกเขาในอดีต เธอก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย จะเจอบ้างก็แค่เพื่อน ๆ ของเขาซึ่งเธอก็ไม่กล้าบอกอะไร มีอยู่ครั้งหนึ่งปภาวรินทร์เคยไปหาเขาที่บ้าน แต่ปรากฏว่าเขาก็ไม่อยู่เสียแล้ว และนั่นก็ทำให้เธอได้อยู่จักกับภีรดาน้องสาวของนรภัฏ วันนี้เธอถูกเขาต้อนจนมุมไปหลายครา แต่ก็หาวิธีเอาตัวรอดมาจนได้
“เอ่อ....” หญิงสาวกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างเพื่อทำลายความเงียบ แต่นรภัฏก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ได้ข่าวว่านุ เป็นคนรับเธอเข้ามาทำงานงั้นรึ” เมื่ออยู่กันสองต่อสองอีกครั้ง นรภัฏจึงเอ่ยถามด้วยเสียงเข้มเพื่อเริ่มต้นบทสนทนา ชายหนุ่มกวาดตาอ่านประวัติการเรียนคร่าวๆ ของปภาวรินทร์อีกครั้ง ก่อนจะเห็นว่าเธอนั้นเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีและก็ได้เกียรตินิยม
“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้น ๆ
“คุณยายเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีมั้ย” นรภัฏเลือกหัวข้อคำถามได้ดี เพราะดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นเป็นประกายวับยามเธอเล่าเรื่องของคุณยายของเธอ
“สบายดีค่ะ แต่คุณยายอายุมากขึ้นทุกวัน ฝ้ายว่าจะให้ท่านเลิกขายขนมหวานแล้ว” หญิงสาวลืมตัวเลยแทนชื่อเล่นของเธอกับเขาไป นรภัฏก็ได้่แต่ยิ้ม ๆ ก่อนจะถามเธอต่อไปอีก
“เอกบัญชีจุฬา เรียนหนักมั้ย”
“เอาจริงๆ ก็หนักอยู่ค่ะ ด้วยเนื้อหาวิชาที่มันต้องละเอียดมากๆ แล้วก็ใช้คณิตกับภาษาอังกฤษแทบจะตลอด 4 ปีเลย เทอมแรกต้องเรียนแคล แต่ก็ไม่ได้ยากมาก ส่วนวิชาอื่นๆ ก็พอเอาอยู่ค่ะ”
“เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คงไม่เรียกว่าแค่เอาอยู่หรอกมั่ง” เขาเอ่ยแซว ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่าหญิงสาวถ่อมตัวมากไปหน่อย
“แล้วตลอดเวลาที่เรียน กู้เงินเรียน หรือว่ามีใครส่งเสีย”
“กู้เรียนค่ะ ไม่มีใครส่งเสีย” หญิงสาวตอบทันควัน
“จบบัญชี คิดยังไงถึงมาเป็นเลขาฯ” เขาถามต่อไปอีก เหมือนเธอถูกเข้าสัมภาษณ์เข้างานยังไงยังงั้น เขายิ้มบางๆ และขยับนั่งในท่าที่สบายๆ พิงพนักเก้าอี้แล้วก็กอดอก ทำให้เธอเกร็งเล็กน้อย
“ก็ตำแหน่งมันว่างตรงไหน ดิฉันก็รีบคว้าเอาไว้ก่อน ดีกว่าไม่มีงานค่ะ” นรภัฏลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะมาหาเธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
“เมื่อกี้เธอยังแทนตัวเอง ด้วยชื่อเล่นอยู่เลย” เขาพูดอยู่ข้างหลังเธอ
“ดิฉันขอโทษค่ะ” หญิงสาวพูดโดยไม่มองเขา นรภัฏยื่นหน้ามาใกล้เธอจากทางด้านหลังแล้วพูดขึ้น ข้าง ๆ ใบหู
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ต่อไปนี้เวลาเธออยู่กับฉัน เธอต้องแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น เข้าใจมั้ย!!!”
เขาเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ทิ้งตัวลงไปกับพนักพิง แล้วซักถามเธอต่อ
“แล้วเธอไปสนิทกับคุณภีรดาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“น่าจะช่วงตอนปีสีค่ะ ตอนนั้นฝ้ายไปฝึกงานอยู่บริษัทของแฟนเธอ และพอฝึกเสร็จคุณพริมก็ชวนมาเป็นเลขาฯ” ปภาวรินทร์จำใจต้องพูดความจริงกับเขา ถึงแม้ภีรดาจะสั่งห้ามเธอก็ตาม
“สรุปว่าเธอก็เป็นเด็กเส้นสินะ”
“แต่ดิฉัน!!!..” หญิงสาวหยุดทันที
“แต่ฝ้ายก็ไปเขียนไปสมัครที่ฝ่ายบุคคลแล้ว”
“ประธานบริษัท รับรองซะขนาดนั้น หัวหน้าฝ่ายบุคคลคงจะกล้าตรวจสอบหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ให้เขาตรวจสอบดิฉันใหม่ก็ได้นี่คะ” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นรภัฏไม่พอใจที่เธอไม่ยอมแทนตัวเองว่าฝ้ายเหมือนในอดีต จึงลุกขึ้นมาหาเธอ และเดินเข้ามาประชิด
“ดี!!! ถ้างั้นระหว่างนี้ฉันจะเป็นฝ่ายตรวจสอบเธอเอง”
“ค่ะ” ปภาวรินทร์ใจเต้นรัวเมื่อเขาลุกมาประชิดร่างของเธอ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ ก่อนที่จะเห็นเขากลับไปนั่ง หญิงสาวจึงค่อยโล่งอก