“หึ อวดเก่งสินะ” หมับ!!
“จะพาหนูไปไหน?” เขาเข้ามาและอุ้มฉันขึ้นจากพื้น
“โรงพยาบาล”
“ไม่ได้นะ!!” ฉันพยายามดิ้นทันทีเพราะว่าถ้าไปยุ่งแน่หมอ...ถ้าเกิดตรวจเลือดของฉันก็ต้องเจอความผิดปกติแน่นอนเพราะงั้นฉันจะไปไม่ได้เด็ดขาด
“ทำไม?”
“ไม่ไปหนูไม่ไป ฮือออออ” ฉันร้องไห้ออกมาเลยอย่างหวาดกลัว
“ฉันไม่เข้าใจเธอแบบโคตร ๆ เลยวะนามิ...” เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินไปห้องนอนของฉัน
“หนู...”
“ถ้าเธอรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองก็บอกฉัน ฉันจะได้จัดการถูกถ้าเธอไม่พูดฉันก็ไม่มีทางเลือกที่ต้องไล่เธอออกไป...” พรึ่บ!! เขาวางฉันลงที่เตียงนอนส่วนตัวฉันก็กอดเขาเอาไว้ทันทีฉันไม่มีที่ไปแต่ถ้าบอกไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นละ?
“กอดทำไม?”
“ยะอย่าไล่หนูเลยนะคะ ฮึก!! หนูไม่มีทางเลือกจริง ๆ”
“...” เขานิ่งไม่ได้โวยวายหรือผลักไสออกไป
“หนู...ไม่ปกติ” ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะบอก
“ยังไง?” เขาดันตัวของฉันออกก่อนจะถาม
“ถ้าหนูไม่สบายเลือดในตัวจะร้อนเหมือนเวลาร่างกายร้อนนั่นแหละ ถ้าไม่เอาออกจะทำให้ร่างกายของหนูทรมานขึ้นเพราะงั้นเลยต้องทำแบบนั้นเพื่อเอาเลือดออก”
“ไม่เข้าใจวะ”
“...” ฉันก้มหน้ามองพื้น
“ฉันจะทำแผลให้ก่อนและวันพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่เริ่มใหม่ทั้งหมดที่เธอรู้เกี่ยวกับตัวเอง”
เวลาต่อมา....
“นอนซะและพรุ่งนี้ฉันจะมาถามทุกอย่างจากเธอ”
“...” จะให้บอกทุกอย่างสินะ
“คิดเอาแล้วกันว่าจะโกหกหรือพูดความจริง ถ้าเธอโกหกละก็ทำให้เนียนแล้วกันเพราะถ้าฉันรู้ความจริงเองเมื่อไหร่ตอนนั้นเธอต้องออกไปที่นี่อย่างไม่มีข้อแม้” เขาบอกแค่แค่นั้นก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลและเดินออกไป
ปัง!
“เฮ้อออ~” ตอนนี้อากาศของฉันดีขึ้นบางแล้วละเพราะเลือดออกไปแล้ว เลือดใหม่ก็สร้างขึ้นมาวันนี้พรุ่งนี้ฉันคงต้องบอกเขาจริง ๆ ฉันเองที่ไม่อยากบอกเพราะว่าตั้งใจจะไปจากที่นี่เมื่อครบสามเดือนจริง ๆ ฉันไม่อยากให้เขามาเดือดร้อนด้วย เอาจริงจนตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณเซนเป็นใครรู้แค่ว่าเขาต้องเป็นคนรวยแค่นั้นเอง เพราะงั้นฉันเลยกลัวว่าถ้าเขาไม่มีอำนาจมากพออาจจะทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายได้ เขาเป็นผู้มีบุญคุณนะฉันไม่อยากให้เขาต้องเป็นอะไรไป หรือถ้าฉันคิดแย่กว่านั้นก็คือฉันกลัวว่าถ้าเขารับรู้แล้วว่าฉันเป็นอะไรเขาอาจจะเอาตัวฉันไปส่งองค์กรก็ได้ เรื่องแบบนี้มันไม่สามารถเชื่อใจใครได้
“ได้ถ้าไม่บอกก็รู้ว่าเขาพร้อมจะเอาจริง...” ถ้าไม่บอกความจริงเขาเองก็อาจจะไล่ฉันไปโดยที่ฉันยังไม่พร้อมก็ได้
“เอาว่ะ!!” บอกก็บอกเพราะฉันเชื่อว่าเขาคงไม่ใช่คนเลวอะไรหรอกเพราะไม่อย่างนั้นเขาก็ทิ้งฉันเอาที่โรงพยาบาลแล้วละ จ่ายเงินรับผิดชอบที่ขับรถชนฉันและจากไปก็ได้แต่เขากลับเอาฉันที่ไม่รู้แม้กระทั่งตัวตนมาอยู่ด้วย นั่นหมายความว่าเขาเองก็คงเป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกันสินะ
“จะเป็นยังไงก็คงต้องเป็นกันสินะ”
เช้าวันต่อมา
วันนี้เป็นวันที่ฉันจะต้องบอกความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองเป็นการวัดใจว่าเขาจะให้ฉันอยู่ต่อหรือว่าจะส่งตัวฉันไปให้องค์กร
กึก! ฉันเดินออกมาจากห้องนอนก็พบว่าคุณเซนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“จะยืนอีกนานไหมมานั่ง” เขาไม่ได้หันมองแต่ก็รับรู้ว่าฉันมาแล้ว
ฉันไม่ได้ตอบอะไรก้มหน้าและเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัวข้าง ๆ เขา คุณเซนนิ่งมากแต่ปกติก็นิ่งอยู่แล้วนั่นแหละแต่ว่าวันนี้บรรยากาศมันเย็น ๆ กว่าทุกวันเลยน่ะสิ
“....”
“จะพูดตอนไหน?” เขาเอ่ยขึ้นมันฉันไม่ยอมพูดอะไรสักที
“เลือดกรุ๊ป X คุณเซนคือได้ยินไหมคะ?” ฉันเริ่มต้นด้วยการถามชื่อของกรุ๊ปเลือดของฉัน มันเป็นเลือดที่หายากและคนทั่วไปไม่รู้จักต้องอยู่ในแวงวงวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์เท่านั้นที่จะเคยได้ยินมาก่อนแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เจอกันง่าย ๆ
“เคยเลือดพิเศษที่หนึ่งพันล้านคนจะเจอหนึ่งคน นั่นหมายความว่าในโลกหนึ่งมี 7 คนเท่านั้น มันเป็นเลือดร้อนสำหรับมนุษย์ทั่วไปน้อยคนที่มีเลือดกรุ๊ปนั้นและจะชีวิตรอด” เขารู้มันอย่างละเอียด
“เก่งจังนะคะมันไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะรู้สักหน่อย....”
“พ่อฉันเป็นนักวิจัยวิทยาศาสตร์ แม่เป็นแฮกเกอร์ พี่น้องก็เป็นหมอ นักวิทย์ และโปรแกรมเมอร์”
นะนี่มันครอบครัวอะไรกันเนี่ยและฉันก็ไม่รู้สึกว่าเขากำลังอวยหรืออะไรด้วย
“ละแล้วคุณเซน..”
“ฉันเป็นนักบริหารมากกว่า” อ่อ เก่งทั้งบ้านสินะ
“เพราะแบบนั้นเลยรู้เรื่องเลือดกรุ๊ป X สินะคะ” ฉันพูดกับเขา
“อืมเพราะบริษัทของฉันก็เคยสนใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเพราะนั่นหมายความว่าเรื่องจะต้องทดลองกับมนุษย์ยังไงละและแน่นอนว่าฉันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน การเอาชีวิตของใครสักหน่อยมาทดลองมันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเท่าไหร่” เขาอธิบายรายละเอียดแม้ว่าตอนแรกฉันจะตกใจที่เขาบอกว่าสนใจเรื่องนี้เหมือนกันแต่ก็เปลี่ยนใจนั่นหมายความว่าเขาเองก็เป็นคนดีเหมือนกัน
“เฮ้อ!!” โล่งหน่อย
“แล้วถามทำไม?”
“ถ้ามีคนเลือดกรุ๊ปนั้นอยู่ตรงหน้าคุณเซนละคะ คุณจะยังไม่สนใจอยู่หรือเปล่า?” ฉันทำใจกล้าถามออกไป
“แล้วยังไงละฉันไม่ได้สนใจอยู่แล้ว”
“จริงเหรอคะ?” ฉันถามไปอย่างดีใจแปลก ๆ
“เธอมีเลือดกรุ๊ปนั่นสินะ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า
“แต่ยังอยู่มาได้จนโตขนาดนี้” ฉันพยักหน้าตามที่เขาพูดอย่างที่เคยบอกไปคนนเลือดกรุ๊ป X จะมีชีวิตได้สั้น
“ค่ะ...เพราะงั้นตอนนี้เลยมีคนจากองค์กรกำลังตามหาหนูอยู่ค่ะ”
“องค์กรชื่อ?”
“E..N”
“อ่อ” เขาพูดออกมาเบา ๆ
“คุณเซนรู้จักเหรอคะ?” ฉันถามเพราะว่าเขาทำหน้าเหมือนรู้จัก
“เคยได้ยินไม่ใช่องค์ที่ดีเท่าไหร่” อย่างที่พูดนั่นแหละ
“ค่ะ พ่อแม่ของหนูทำงานเป็นนักวิจัยในนั้นมาก่อนค่ะ แต่พอมีหนูและรู้ว่ามีเลือดพิเศษที่เกิดจากทดลองในองค์ที่ตอนแรกคิดว่าล้มเหลวไปแล้ว พ่อแม่ก็เลยพาหนีมาที่ไทยค่ะ”
“ตอนนี้เธอจำเรื่องทุกอย่างได้แล้วใช่ไหมหรือว่าความจริง...ไม่ลืมกันแน่” เขาจ้องมองฉันด้วยสายตากดดัน
“คะคือว่าหนู...”
“ต่อให้เธอไม่พูดฉันก็พอเดาได้ว่าเธอน่าจะเป็นอย่างหลัง หึ”
“นะหนูขอโทษค่ะแต่หนูไม่มีที่ไปจริง ๆ นะคะ” สุดท้ายแล้วก็ทนความกดดันไม่ไหวแล้วคุณเซนน่ากลัวจริง ๆ
“เลยโกหกสินะ ดีนิเก่งดี”
“หนูขอโทษ...” ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมหรืออะไรทั้งนั้นฉันเพียงแค่ต้องการที่อยู่อาศัยชั่วคราวเท่านั้นและก็ไม่มีใครที่สามารถไปอยู่ด้วยได้นอกจากเขาแล้วในเวลานั้น
“อายุเท่าไหร่ ชื่อจริงของเธอและบอกมาว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิตหลังจากนี้?” เขาถามยาว
“อายุ 17 ค่ะอีก 7 วัน 18 ชื่ออาร์ ส่วนชีวิต...หนูตั้งใจจะทำงานและออกไปคุณเซนหลังจากครรบสามเดือนค่ะ” ฉันบอกแผนตัวเองที่คิดเอาไว้
“เด็ก...เด็กฉิบหาย” เสียงของเขาบ่นกับตัวเองแต่ฉันได้ยินด้วยไง
“ทะทำไมเหรอคะ?”
“คิดว่าพอมีเงินแล้วเธอจะสามารถใช้ชีวิตปกติได้เหรอ?” เขาถามฉัน
“ไม่รู้ค่ะ...” ใช่...ฉันมันไม่มีตัวตนหรือประวัติอะไรทั้งนั้นถึงจะทำงานอะไรได้แต่ถ้าต้องทำธุรกรรมต่าง ๆ ก็ต้องใช้หลักฐานยืนยันอยู่ดีแต่ฉันไม่มีของพวกนั้น
“เฮ้ออ!!นามิ!”
“งั้นคุณเซนก็เลี้ยงหนูสิ!!” ไม่อะไรทำให้ฉันพูดออกไปแบบนั้นก็ถ้าไม่มีที่ให้ไปก็ต้องเกาะเขานี่แหละ
“ว่าไงนะ?”
“เลี้ยงหนูไง...”
“เลี้ยงเธอแล้วฉันจะได้อะไร?” เขาถามกลับ
“เอ่อ ได้...ได้” ฉันไม่มีอะไรให้เขาเลยแหะนอกจาก
“ได้?”
“ตัวหนูไง ^0^” ฉันบอกกลับไป
“ไม่เอา-_-”
“งะ T^T” งั้นก็ไม่มีอะไรให้แล้วววววว