วันต่อมา
ปึก
“อะไรเหรอคะ?”ยัยลูกหมาเงยหน้าถามเมื่อผมวางเอกสารตรงหน้าของเธอ
“อยากทำไม่ใช่หรือไง?”
“ค่ะ” ยัยนั่นตอบพร้อมทำตาโตอยู่เฉยๆก็พอแล้วจะหาเรื่องให้ตัวเองเหนื่อยทำไมก็ไม่รู้
“ลองอ่านและทำดู”ก็ยังดีที่คิดจะทำอะไรบ้างละนะ
“งานแปล ... ภาษา?” เธออ่านเอกสารและเงยหน้ามองผมหน้าผมมันมีอะไรน่ามองนักหรือไง?
“อืมก็อ่านและทำซะ”
“งานนี้หนูทำได้เหรอคะ?”
“ถ้าทำไม่ได้ฉันจะเอามาให้เพื่ออะไร” ทำไมชอบถามอะไรโง่ๆนักนะและไม่ได้แกล้งโง่ด้วยของจริงเลยละ เหอะ!!
“ก็หนูไม่มีอะไรไงวุฒิการ...”
“แค่อ่านออก เขียนได้ก็พอแล้วไหมบางงานเขาไม่ได้ต้องวุฒิอะไรนั้นหรอกเพราะงั้นอ่านรายละเอียดซะ ฉันจะไปเรียนแล้ว” ผมบอกและเดินไปใส่รองเท้าและหยิบกุญแจรถเพื่อไปเรียน
“คุณเซน!!!” เธอเรียกผมและวิ่งมาหาขาก็สั้น เฮ้อ!!
“...?” ผมไม่ได้ตอบอะไรไป
“ขะขอบคุณนะคะทั้งเรื่องงานและก็เรื่องที่ช่วยเหลือ”
“อืม” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกมาจากห้องและไปมหาวิทยาลัย เรื่องของนามิมันน่าสงสัยมากจนผมไม่รู้ว่าควรเก็บเธอไว้กับตัวก่อน หรือรีบไล่ไปดี เธอไม่มีข้อมูลอะไรเลยมีสองอย่างคือตั้งใจเข้าหาผม หรืออีกอย่างเธอเป็นใครสักคนที่ต้องไม่มีประวัติในโลกนี้หรือกำลังโดนตามล่าจากใคร
“เฮ้ออ!!ยัยลูกหมาเธอเอาปัญหามาให้ฉันวะ!!”
NAMI
หมับ!
เมื่อคุณเซนออกไปแล้วฉันก็เกี่ยวกับงานที่ต้องทำมันเป็นงานแปลภาษาซึ่งฉันค่อนข้างแข็งแรงเลยละ มีทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ที่ฉันถนัด งานก็ไม่มีอะไรมากแค่แปลเอกสารหรือนวนิยายของต่างประเทศ แต่ว่าไม่มีคอมอ่ะสงสัยต้องยืมเงินของคุณเซนจริง ๆ สินะ
“แค่ก ๆ” ฉันไอนิดหน่อยเพราะว่าเมื่อวานโดนฝนและไม่ได้กินยาอาบน้ำเสร็จก็นอนเลยไม่ได้กินยาตามที่คุณเซนบอก ถ้ารู้ได้โดนด่าเลยยัยนามิ
“แค่ก ๆ ๆ” เมื่อไอมากขึ้นฉันก็เดินไปตู้ยาเพื่อหายากินเพื่อว่าอาการมันจะดีขึ้นก่อนคุณเซนกลับมา เมื่อได้ยาแล้วฉันก็กินและไปอ่านรายละเอียดที่ฉันต้องทำว่ามีอะไรบ้างแปลครบรับเงินก้อนเลย ดีฝุด ๆ แบบนี้ฉันต้องรีบแปลเยอะ ๆ เพื่อจะไปมีเงินสักที จะได้เลิกพึ่งพาเขาและไปจากที่นี่...
“หาววว!!” พอกินยาไปแล้วก็ง่วงเลยแหะ แต่ว่าวันนี้ยังไม่ได้ทำงานหรอกต้องไปซื้อคอมก่อน
“งั้นนอนก่อนดีกว่า” เมื่อว่าจะหลับก็หลับไปเลยทันที....
จึ้ก! จึ้ก!
“อือออ!!ครายยยย!!!” ฉันตื่นขึ้นมาเมื่อมีคนมาสะกิดฉันและเมื่อลืมตาก็พบว่าคุณเซนกลับมาแล้ว ฉันก็เด้งตัวลุกจากโซฟาทันที
พรึ่บ!!
“อ๊ะ!!” ฉันหน้ามืดเพราะว่ายืนกะหันทัน
ตุบ!! และร่วงไปกองที่พื้นทันที่โดยคุณเซนไม่มีท่าทีว่าจะช่วยแต่อย่างใดเลยด้วยซ้ำเจ็บนะ!!
“ยัยโง่...” ฉันเบะปากจะร้องไห้
“ปวดหัว ฮึก!” ฉันบอกกับเขาและมองหน้า
“เฮ้อ! งานว่ายังไงบ้าง?” ใจร้ายควรถามอาการหน่อยสิ
“ขะเขาให้แปลเอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ ฮึก! ให้เป็นภาษาไทย คุณเซนหนูปวดหัว...”
“ไม่ได้กินยาไงดื้อด้าน!!”เขาดูระรู้ได้ยังไงอ่ะ?
“นะหนู...”
“ไปนอนซะ”
“หนูอยากได้คอมทำงาน ฮึก! งานต้องใช้คอมและอินเตอร์เน็ตเพื่อส่งงานพาไปซื้อหน่อย” ฉันบอกกับเขาไม่ฟังเรื่องที่เขาบอกให้ไปนอน
“คอมตรงนั้นใช้ได้..” เขาบอกและชี้ไปที่คอมในห้องทำงานของเขา
“หนูอยากได้ใหม่ หนูไม่ได้ขอให้ซื้อให้ฟรีนะยืมตังหน่อยสัญญาจะคืน” ฉันบอกกับเขาฉันไม่อยากใช้คอมร่วมกับเขาอันตราย....
“เธอนี่สัญญาเก่งจะนะแล้วทำได้หรือเปล่าละสัญญานั่นหน่ะ?”เขาพูดเสียงเรียบ
“ทะทำได้”
“สัญญาแรกบอกว่าจะไม่ดื้อเชื่อฟังแต่ตอนนี้เธอกำลังดื้อนามิ ไม่ฟังที่ฉันพูดและยังเถียงอยากโดนไล่ออกไปวันนี้ไหม?” เขามองหน้าของฉัน
“มะไม่ค่ะ!” ฉันรีบตอบเสียงสั่นเครือ
“หนูใช้คอมห้องคุณเซนก่อนก็ได้ งั้นหนูไปนอนแล้วค่ะ ขอโทษค่ะที่ดื้อ” ฉันก้มหัวและเดินผ่านเขาเพื่อไปห้องนอนของตัวเอง
“อย่าให้ฉันพูดซ้ำนะนามิ ความอดทนฉันไม่ได้มากขนาดนั้น”
“ค่ะ...” ฉันรู้ความจริงแล้วเขาควรรับผิดชอบแค่โรงพยาบาลแล้วจบการที่ฉันความจำเสื่อมมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเลย มันเป็นเพราะตัวของฉันเอง
กลางดึก
“แค่ก ๆ แค่ก ๆ อือออ!!!” ฉันนอนไม่หลับเท่าไหร่เพราะเหมือนว่าอาการป่วยจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิมฉันนอนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ แม้ว่าแอร์จะเย็นแค่ไหนก็ไม่สามารถห้ามความร้อนในตัวของฉันได้เลย
“พ่อ...แม่...”
‘คุณลูกตัวร้อนมากเลย!!’
‘ยาก็เอาไม่อยู่ด้วยสิเพราะงั้นต้องปล่อยเลือดออก’
‘แบบนั้นลูกจะเจ็บนะคะ’ เสียงของใครบางคนคุยกันในหัวของฉันเลือดต้องเอาเลือดออกงั้นเหรอ...
พรึ่บ!
‘แต่ถ้าไม่ทำ...เลือดในร่างกายจะร้อนจนลูกทนไม่ไหวนะ’
‘ฮึก!!ลูกแม่ ฮืออออ’ ถ้าเอาเลือดออกจะทำให้ฉันหายป่วยงั้นเหรอ?
ฉันลงจากเตียงด้วยร่างกายเหนื่อยล้าเปิดประตูและเดินไปที่ห้องครัว เสียงในหัวนั้นคือความทรงจำของฉันเอง พ่อแม่ที่เป็นด็อกเตอร์เอาฉันออกมาจากองค์กร EN เพราะฉันมีเลือดพิเศษที่หนึ่งพันคนในโลกจะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้น และน้อยคนที่จะรอดมาได้จนอายุขนาดนี้เลือดบัดซบที่เกิดขึ้นเพราะทดลองของพ่อแม่ฉันเอง
หมับ! ฉันมองมีดในมือกำลังลังเลว่าจะทำยังไงกับมันดีถ้าปล่อยให้ป่วยฉันอาจจะตายและไม่ต้องทรมานแบบนี้ก็ได้ คุณเซนก็จะไม่เดือดร้อนเพราะฉันอีกต่อไป
‘ไม่ตายตอนนี้สักวันก็ต้องตายอยู่ดี’
‘ไม่รู้ว่าจะเกิดมาทำไมเนอะ?’ นั่นเป็นเสียงของแม่บ้านในบ้านฉันเองพวกเธอรู้ความลับของฉันเพราะเป็นคนขององค์กรเหมือนกัน
“ฉัน...ยังไม่อยากตายสักหน่อย”
“ยังตายไม่ได้” ฉันพูดกับตัวเองก่อนจะมองข้อมือตัวเองฉันต้องปล่อยเลือดนั่นออกมาเพื่อให้เลือดสร้างขึ้นใหม่ฉันถึงจะหายป่วย
ฉึก!!!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันลงมือทำเองเพราะปกติจะเป็นพ่อและพวกเขาก็จะไม่ปล่อยให้ฉันป่วยบ่อย ๆ ด้วยดีที่ตอนหนีคนพวกนั้นมาและโดนรถชนฉันไม่ได้ป่วยไม่งั้นคนคงรู้เรื่องของฉันแน่ คนขององค์กรมีไปทั่วโลกนั้นแหละ
แหมะ! แหมะ! หยดเลือดค่อย ๆ ไหลลงพื้นมันเริ่มไหลออกมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับร่างกายที่เริ่มสงบลง แปลกเนอะร่างกายฉัน เหอะ!!!
“เกิดมาทำไมก็ไม่รู้แหะ...” ถ้าฉันกดมีดลึกกว่านี้อีกหน่อยก็คงจะตายไปเลยสินะ
หมับ!!
“รู้ไหม...นอกจากเด็กที่ไม่เชื่อฟังฉันเกลียดอะไรมากที่สุด?” มือหนาของคุณเซนจับเอาไว้เขาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมฉันไม่รู้ตัวเลย
“...”
“ฉันเกลียดกลิ่นของเลือด ถ้าจะตายก็ไปตายที่อื่น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติสุด ๆ ถ้าฉันตายที่นี่เขาคงจะเดือดร้อนสินะ
“ขอโทษค่ะแต่ถ้าหนูไม่ทำแบบนี้หนูก็จะตายเหมือนกัน...” สมองเริ่มหนักและพูดอะไรบางอย่างออกไป
“เธอ...เป็นใครกันนามิ?” สายตาของเขาที่มองมามันมีแต่ความสงสัยก็นะจู่ ๆ ฉันก็โพล่งมาและพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ แต่เขากลับไม่รู้อะไรเลยกับฉัน
“อย่ารู้เลยค่ะคุณเซน”
“ทำไม?”
“เพราะว่าต่อให้หนูรู้ว่าตัวเองเป็นใคร...หนูก็ไม่บอกหรอก” สิ่งที่อันตรายก็คือเรื่องราวของตัวฉันเอง...