1 เดือนต่อมา
ฉันอยู่ที่มา 1 เดือนแล้วตลอดเวลาที่อยู่ก็พยายามทำตัวให้เหมือนไม่มีตัวตนที่สุดซึ่งมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นักเขาออกไปเรียนฉันก็ค่อยออกจากห้องนอน เขากลับมาฉันก็กลับห้องตัวเองเป็นแบบนี้มาตลอด 1 เดือน ฉันออกไปหาอะไรกินในตู้เย็นมีแต่ของอร่อย แต่ฉันก็ไม่ได้อยู่ฟรี ๆ นะ เพราะฉันเองก็พยายามช่วยทำความสะอาดนู้นนั่นนี่ยกเว้นห้องนอนของเขาเพราะว่าล็อกเอาไว้ ไม่รู้จะหวงอะไร
และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่คุณเซนออกไปเรียนฉันเองก็อยากเรียนเหมือนกันนะเพราะงั้นว่าง ๆ ฉันเลยจะเอาหนังสือของเขามาอ่านเสมออย่างน้อยก็แก้เหงาได้ ทีวีก็ไม่รู้จะดูอะไรน่าเบื่อเพราะงั้นอ่านหนังสือนี่แหละได้ประโยชน์สุดแล้ว แต่อ่านไปอ่านมามันก็เริ่มง่วงเหมือนกัน
สุดท้ายก็หลับคาหนังสือไปแค่ตื่นมาก่อนคุณเซนกลับมาก็พอแล้ว...
คร่อม...
กุกกัก! ก๊องแก๊ง!
“ฟุด ๆ กลิ่นอะไรนะ?” ฉันได้กลิ่นบางอย่างก่อนจะหลับตาขึ้นนอกจากกลิ่นหอม ๆ แล้วยังมีเสียงบางอย่างดังอยู่ในครัวด้วย
“เสียง?!” พรึ่บ! ฉันเด้งตัวลุกขึ้นมาจากโซฟาทันทีก่อนจะหันไปมองที่ครัวก็พบว่าคุณเซนกำลังยืนทำอาหารอยู่
แย่แล้ว!!เมื่อเห็นอย่างนั้นฉันก็พยายามตัวให้เงียบที่สุดและเงียบหนังสือก่อนจะค่อย ๆ เดินย่องกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
“จะไปไหน?” กึก! ฉันชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงของเขาที่ไม่ได้ยินมาเดือนนึงแล้ว
“เอ่อ คือว่าหนูจะกลับห้องค่ะ >.0.เช้าวันต่อมา...
ปัง!!
“คุณเซนขา!!หนูขออ่านหนังสือนะ!” เกือบไม่ทันแหนะ!! วันนี้เขาต้องไปเรียนแต่เช้าและฉันเกือบตื่นไม่ทันขออนุญาตอ่านหนังสือของเขาดีที่เขายังไม่ไปเรียน
“อืม” ตอบแค่นั้นและก็ไปเลย...
คนอุตส่าห์รีบแทบตายตอบแค่เนี๊ย?
ก็ยังดีวะ...ฉันกลับเข้ามาในห้องก่อนจะไปอาบน้ำเพื่อไปหาอะไรและจากนั้นก็ไม่อ่านหนังสือแล้วฉันก็เป็นแบบนั้นอยู่หลายวัน
วันต่อมา...
“คุณเซนนามิขออ่านหนังสืบนะ!”
“อืม”
วันต่อมา
“นามิขออ่านหนังสือเล่มนี้นะคะ” ขอพร้อมโชว์หนังสือให้ดู
“อืม”
และอีกหลายวันต่อมา...
“นะหนูขออ่านหนังสือด้วยสิ” ฉันเดินมาข้างเขาที่กำลังทำงานอยู่น่าจะเกี่ยวกับการเรียนวันนี้เป็นวันหยุดของเขานั่นเอง ส่วนฉันหลายวันที่ผ่านก็เหน็ดเหนื่อยกับการพยายามเข้าไปขออ่านหนังสือมาก เฮ้ออ!!!
“...” ไม่พูดงั้นนั่งด้วย
พรึ่บ!
“แฮะ^^” เขาหันมามองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันพยายามทำตัวให้เงียบบบที่สุดและเปิดหนังสืออ่าน
“เหมือนว่าเธอจะเก่งนะ” อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา
“คะ?”
“ก็เธออ่านหนังสือของระดับปริญญาเอกทั้งหมดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ” เขาพูดและมองหน้าของฉัน
“ก็ไม่ได้ทั้งหมดนะคะ...”
“ห้องนี้มันมีกล้องอยู่เพราะงั้นฉันรับรู้ทุกความเคลื่อนไหวของเธอ...เธอรู้อะไรบ้างแล้วใช่ไหม?” เขาถามฉัน
“มะไม่นิคะ หนูไม่ได้รู้อะไรรู้เพียงแค่ว่าตัวเองสามารถอ่านออกเขียนได้ทั้งภาษาไทยและอักฤกษรวมทั้งญี่ปุ่น ฝรั่งเศษนิดหน่อย” ฉันบอกออกไป
“งั้นเธออาจจะเป็นคนเก่งที่ซื่อบื่อสินะ” เหมือนจะชมแต่ก็ไม่ งงวะ?
“คุณเซนหนูถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”มันเป็นเรื่องที่ฉันสงสัยมาตั้งแต่วันแรกแล้ว
“อะไร?”
“ทำไมคุณเซนถึงตั้งชื่อหนูว่านามิเหรอคะ?” ฉันถามและมองเขาอย่างลุ้นมันจะมีความหมายอะไรเปล่านะ?
“อ่อ...”
“*0*” ฉันรอฟังอย่างตั้งใจ
“มันเป็นชื่อหมาจรจัดที่ฉันเคยเก็บมาเลี้ยงแต่ตอนนี้มันตายไปแล้วแหละ-_-”
“มะหมา...” แถมยังจรจัดอีก
“ทำไมมีปัญหาอะไร?”
“ไม่มี๊!!แค่จะบอกว่าชื่อน่ารักดีนะคะ เหอะ ๆ” ฉันยิ้มแห้งจะว่าไปเขาก็เก่งเรื่องตั้งชื่อเหมือนกันแหะฉันชอบชื่อนี้นะแม้ว่ามันจะเป็นชื่อของหมามาก่อนก็ตามเถอะ =_=