เลขาสาวถามเจ้านายสุดเนี้ยบที่พยักหน้าแทนคำพูด เนื่องจากเวลานี้ส้มตำรสอร่อยอยู่ในปากของนฤเบศร์ เขาจึงไม่สามารถตอบเธอได้ด้วยคำพูด
“ถ้าอย่างนั้นลองทานตำมั่วดูนะคะ ถึงจะมั่วสมชื่อแต่ก็อร่อย”
ตำมั่วที่อทิตยาแนะนำให้นฤเบศร์ทานก็คล้ายกับส้มตำทั่วไป ในแต่ละร้านก็ทำไม่เหมือนกัน สูตรตำมั่วร้านอุบลแซบอีหลีใส่มะละกอ ขนมจีน หมูยอ แคบหมู ปูม้ามีเส้นหมี่ลวกโรยด้วยกระเทียมเจียวไว้ข้างจาน
“อืม อร่อยดีนะ” นฤเบศร์ชมอาหารเมื่อได้ลิ้มลองตำมั่ว
“ลินตักให้คุณอาเหมือนกับที่โรสตักให้เบสบ้างสิ คุณอางอนลินแล้วนะที่ไม่เอาใจคุณอา”
เอ็นริโกมองเห็นอทิตยาตักอาหารให้เพื่อนสนิทก็อยากให้นลินธาราทำแบบนั้นกับตนบ้าง ชายหนุ่มร่างโตจึงกลายร่างเป็นเด็กขี้อ้อน ที่มองยังไงก็พาลให้หมั่นไส้มากกว่าน่ารัก
“นายไม่มีมือหรือไง ถึงได้ให้ลินมาเอาใจ” นฤเบศร์แซวเพื่อนทันที
“มี แต่อยากให้ลินทำให้” เอ็นริโกพูดโต้กลับ
“ได้ค่ะคุณอา คุณอาทานลาบหมูนะคะ รับรองจะต้องติดใจ” นลินธารารีบทำตามที่เอ็นริโกต้องการ ตักลาบหมูใส่จานคุณอาสุดหล่อ แล้วหันมาหยิบผักสดไปวางลงบนจาน “ทานกับผักเครื่องเคียงนะคะ นี่คะ”
เอ็นริโกยิ้มอย่างสมใจ ตักอาหารใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะพบเจออะไรบางอย่างที่อยู่ในจานส้มตำปลาร้า เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นมันมาก่อน อาจเป็นเพราะเส้นมะละกอมันบดบัง
“นี่ตัวอะไรน่ะลิน มันเหมือนปลาเลยนะ” เอ็นริโกถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย
“เขาเรียกว่า ปลาร้าค่ะ เป็นปลากระดี่ที่เอามาหมักตามสูตรของร้านลิน ทานได้นะคะ”
จบคำตอบของนลินธารา เอ็นริโกได้ตักปลาร้าที่มีรูปร่างเล็กและแบนจากจานส้มตำ มองดูอยู่อึดใจเดียวก็นำปลาร้าใส่ปาก บุคคลที่นั่งทานร่วมกันกับเขาต่างมองเอ็นริโกเป็นตาเดียว เพราะไม่คิดว่ามาเฟียหนุ่มจะกล้าทานปลาร้าแล้วเคี้ยวอย่างมีความสุข
“ไอ้ปลาตัวนี้รสชาติแปลกๆ มีกลิ่นนิดๆ แต่อร่อยดีแฮะ” พูดจบ เอ็นริโกก็รีบตักปลาร้าอีกตัวใส่ปาก ทานอย่างเอร็ดอร่อย “นายลองกินสิเบส อร่อยนะ ฉันชอบ”
“ไม่เอาหรอก จานนั้นฉันขอบาย ฉันกินอย่างอื่นดีกว่า” นฤเบศร์ปฏิเสธทันควัน ส่ายหัวดิก ก่อนจะรีบตักส้มตำปูม้าใส่ปาก
อทิตยามองเห็นท่าทางของนฤเบศร์แล้วขำ น่าแปลกที่ว่า เอ็นริโกเป็นคนต่างชาติกลับถูกอกถูกใจรสชาติของปลาร้า แต่เจ้านายเธอเป็นคนไทยเต็มร้อยกลับหลีกเลี่ยงที่จะทาน ทว่าเธอก็เข้าใจเนื่องจากอาหารชนิดนี้ มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่โปรดปราน ซึ่งบางคนถึงขนาดเพียงแค่ได้กลิ่นก็ปิดจมูกเดินหนีไปเลย
การรับประทานอาหารอีสานมื้อแรกของเอ็นริโกผ่านพ้นไปด้วยดี เขาทานอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นต้มแซบซี่โครงหมูอ่อน น้ำตกคอหมูย่าง ซุปหน่อไม้ ไก่ย่าง ข้าวเหนียวและอีกหลายอย่างจนครบทุกจาน ซึ่งแต่ละจานก็ถูกใจ ถูกปากเอ็นริโกยิ่งนัก โดยเฉพาะส้มตำปลาร้ารสจัดที่เขาสั่งเพิ่มมาอีกหนึ่งจาน แถมยังทานคนเดียวไม่แบ่งใครอีกด้วย
และระหว่างที่ทานอาหาร เอ็นริโกไม่ได้สนใจแต่อาหารบนโต๊ะเท่านั้น เอ็นริโกเอาอกเอาใจนลินธารา ตักอาหารจานนั้นจานนี้ให้เธอบ่อยครั้ง มิหนำซ้ำยังส่งสายตาหวาน ที่เปี่ยมไปด้วยความหมายให้เธอต่อเนื่อง แล้วยังจะพูดจาหวานใส่อีกด้วย แน่นอนที่หัวใจสาวจะเต้นถี่แรง เต้นไม่เป็นจังหวะ ความเขินอายไหลเวียนไม่ขาดสาย
ส่วนนฤเบศร์ก็ไม่ได้แกล้งวนาธรนอกเหนือจากที่ลากเก้าอี้มานั่งหัวโต๊ะ เนื่องจากเขาเริ่มจะถูกใจอาหารอีสานขึ้นมา นั่งทานอาหารบนโต๊ะครบทุกจาน ยกเว้นส้มตำปลาร้าที่เอ็นริโกเหมาทานคนเดียว ส่งผลให้อาหารมื้อนี้มีความอร่อยมากยิ่งขึ้น
อทิตยากลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบสามทุ่มครึ่ง ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวเข้าไปด้านใน เสียงเอ็ดตะโรของดิเรก พ่อเลี้ยงของเธอก็ดังลั่นบ้าน ก่อนที่เสียงของนงคราญ มารดาของตนจะดังตามมา เป็นเสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด ส่งผลให้เท้าเล็กของเธอจากเดินกลายเป็นวิ่งทันที
“ลุงนพ หยุดนะ อย่าทำแม่ของยุงนะ หยุดนะลุงนพ”
อทิตยาไม่เพียงแค่ร้องห้าม เธอยังใจกล้าเดินเข้าไปผลักร่างของพ่อเลี้ยงให้ออกห่างร่างของนงคราญที่เวลานี้ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากการที่ถูกดิเรกใช้มือจิกหัว ใบหน้ามีรอยฝ่ามือดิเรกเป็นปื้น
“อียุง มึงถอยไป กูจะเอาเลือดหัวแม่มึงออก กูขอเงินแค่นี้ก็ไม่ได้ ต้องให้ลงไม้ลงมือ”
ดิเรกตะเบ็งเสียงใส่ ทำท่าจะเดินเข้าไปหานงคราญ อทิตยาจึงนำร่างมาขวางร่างของผู้เป็นแม่ ไม่ให้พ่อเลี้ยงเข้าถึงตัวได้ตามตั้งใจ รู้ทั้งรู้ว่าไม่เคยขวางทางดิเรกได้เลยสักครั้ง แต่อทิตยาก็ไม่เกรงกลัว เธอจะปกป้องมารดาให้ถึงที่สุด
“ที่แม่ไม่ให้เงินลุงนพเพราะลุงนพเอาเงินไปละลายในบ่อน แม่ให้จนไม่มีจะให้แล้ว ถ้าอยากได้ก็ทำงานสิ ทำงานหาเงินเองไม่ใช่มาแบมือของแม่แบบนี้ อย่างนี้เขาเรียกว่าเกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินชัดๆ”
อทิตยาอดรนทนไม่ไหว เธอยอมเสียมารยาทต่อว่าดิเรกด้วยถ้อยคำที่ไม่มีความเคารพ ทั้งที่เขามีฐานะเป็นพ่อเลี้ยง เพราะเธอทนไม่ได้ที่เห็นนงคราญถูกทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นมาตลอดระยะเวลาสิบห้าปี อีกทั้งดิเรกไม่ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง ทำงานที่ไหนก็ไม่ทนสักที่ ทำนาก็ทำไม่ไหว บ่นว่าเหนื่อยบ้าง ร้อนบ้าง ซ้ำร้ายคงศักดิ์ลูกติดของดิเรกยังมีนิสัยเหมือนพ่อไม่มีผิด อายุสามสิบแล้วยังเกาะพ่อแม่กิน ไม่ทำงานทำการ ที่ร้ายที่สุด สองคนพ่อลูกยังถูกผีพนันเข้าสิงอีกด้วย
“มึงอย่ามาปากดีนะอียุง กูขอเงินแม่มึงไม่ได้ขอเงินมึง เพราะฉะนั้นมึงอย่าแส่” ดิเรกตวาดใส่
“เออใช่ พ่อกูขอเงินแม่มึงไม่ได้ขอเงินมึงสักหน่อย อย่าเสือก”
คงศักดิ์พูดเสริม เพราะเขาก็ต้องการเงินไปเล่นการพนันเช่นกัน หากบิดาได้เงินก็เท่ากับว่าเขาได้ด้วย
“จะไม่ยุ่งได้ไงก็คนที่ลุงนพตบตีคือแม่ของฉัน ไปเลยนะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย เลิกเกาะแม่ของฉันเป็นแมงดาเสียที ไปทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะ”
อทิตยาไล่อย่าเหลืออด คนที่ถูกต่อว่าก็ทนไม่ไหวเช่นกันที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแมงดา แม้ว่าในความเป็นจริงจะใช่ก็ตาม