14

1391 คำ
“มึงกล้าว่ากูเป็นแมงดาเหรอ อีนี่มันวอนโดนตบซะแล้ว” พ่อเลี้ยงพูดจบก็เดินปรี่ไปยังร่างของอทิตยา ก่อนจะกระชากร่างของลูกเลี้ยงอย่างแรงจนแขนของเธอแทบจะหลุดออกจากหัวไหล่ อทิตยาพยายามสะบัดตังแต่ด้วยแรงของดิเรกที่มีมากกว่าทำให้เธอไม่อาจจะหลุดพ้นจากมือกร้านของพ่อเลี้ยงได้ มิหนำซ้ำยังถูกตบที่ใบหน้าสองครั้งติด “พี่นพอย่าทำยุง พี่นพพอแล้ว” นงคราญเมื่อเห็นลูกสาวถูกทำร้าย นางก็ร้องห้ามเสียงหลง น้ำตาไหลพราก “พี่นพอย่าทำยุง พี่นพฉันขอร้องล่ะ อย่าทำยุงมันเลยพี่...ฮือ” “ถ้ามึงไม่อยากให้ลูกมึงโดนตบ มึงรีบไปหยิบเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้...เพี้ยะ” ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มของอทิตยาอีกหนึ่งครั้งเป็นการข่มขู่ “เร็วสิ ไปหยิบเงินมา ถ้าไม่เอาเงินมาให้กู กูจะตบอียุ่งให้หน้าบวมเลยคอยดู” “แม่ไม่ต้องให้มัน ไม่ต้องให้ไอ้แมงดาตัวนี้ ยุงทนได้แม่” อทิตยาทนเจ็บได้ แม้ว่าจะถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เธอไม่พูดเปล่ายังใช้มืออีกข้างทุบไปตามร่างกายของดิเรก ส่งผลให้เธอถูกพ่อเลี้ยงฟาดฝ่ามือลงบนแก้มอีกครั้ง แก้มซีกนั้นบวมขึ้นมาทันใดเนื่องจากถูกตบไปถึงสี่ครั้ง “มึงหยุดพูดไปเลยนะอียุง เดี๋ยวกูตบคว่ำ” “จ้ะพี่นพ ฉันไปหยิบเงินให้เดี๋ยวนี้แหละ” ความที่ไม่อยากเห็นลูกสาวโดนทำร้าย นางจึงหมุนตัววิ่งไปยังตู้เสื้อผ้า รีบหยิบเงินที่ซ่อนไว้มาให้สามีทันที “นี่จ้ะพี่เงิน ฉันมีเท่านี้ ฉันให้พี่หมดเลย” “เออ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ต้องให้ลงไม้ลงมือกันด้วย” ดิเรกผลักร่างของอทิตยาจนล้มลง เอื้อมมือไปคว้าเงินที่ภรรยาส่งให้ “มึงจำไว้นะอียุง แม่มึงคือเมียกู มึงไม่มีสิทธิ์มาไล่กู คนที่ไล่กูได้คือแม่ของมึงเท่านั้น ซึ่งกูก็รู้ดีว่า แม่มึงไม่มีวันทำอย่างนั้น” ดิเรกพูดเยาะเย้ยใส่หน้าอทิตยาที่เวลานี้น้ำตาอาบใบหน้า แก้มขาวช้ำไปด้วยรอยฝ่ามือของพ่อเลี้ยง จากนั้นสองพ่อลูกก็พากันเดินออกไปจากบ้าน หลังจากที่ได้ทุนไปเล่นไฮโล คล้อยหลังร่างของสามีและลูกเลี้ยง นงคราญก็รีบโผเข้ากอดร่างของลูกสาวทันที “เป็นไงบ้างยุง ไม่น่ามาขวางเลย ดูสิถูกตบไปตั้งหลายที หน้าเป็นปื้นเลย” นงคราญมองแก้มของอทิตยาด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่อาจปกป้องลูกของตนเองได้ กอดร่างบุตรสาวทั้งน้ำตา “แม่ไปอยู่กับยุงที่กรุงเทพเถอะนะแม่ อยู่ที่นี่ก็ถูกไอ้สองพ่อลูกมันสูบเงินไปเล่นการพนันหมด ยุงไม่อยากให้แม่ถูกตบถูกตีถูกไถเงิน นะแม่นะ ไปอยู่กับยุงนะ” ตั้งแต่อทิตยาเรียนจบมหาวิทยาลัยและมีงานทำ เธอชักชวนให้นงคราญไปอยู่กับตนหลายครั้ง แม้ว่าที่พักของเธอจะเป็นเพียงอพาร์ตเมนต์เล็กๆ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่ ถูกรีดไถและถูกทำร้ายไม่เว้นแต่ละวัน เงินที่หามาได้ก็ถูกสองพ่อลูกสูบไปจนหมด แทบจะไม่ได้ใช้เลยก็ว่าได้ ไปอยู่กับเธอที่กรุงเทพยังจะดีเสียกว่า “ไม่ได้หรอกลูก แม่ไปอยู่กับยุงแล้วใครจะดูที่นี่ล่ะ ไหนจะที่นาและบ้านหลังนี้อีก วัวควายอีกล่ะแม่กลัวว่าสองพ่อลูกจะเอาไปขาย เอาเงินไปเล่นการพนัน อีกอย่างถ้าแม่ขึ้นไปอยู่กับยุ่ง ภาระส่งเสียนุชก็จะตกอยู่กับยุ่งคนเดียว ถ้าแม่อยู่ที่นี่ก็ยังช่วยหาเงินส่งไปให้นุชได้” นงคราญอยากจะตอบรับคำชวนของบุตรสาว หากไม่ติดว่า นงนุชลูกสาวคนสุดท้องที่เวลานี้เรียนอยู่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เป็นความหวังและความฝันที่จะได้เห็นลูกสาวเป็นหมอในอนาคต นางจึงกัดฟันทำงานหนัก ทั้งทำนาของตนเองและรับจ้างทำนาของบุคคลอื่น เพื่อนำเงินส่งให้นงนุชเรียน แม้ว่าลูกสาวคนเล็กจะได้รับทุนการศึกษาจนจบก็ตาม แต่ก็มีค่าใช่จ่ายส่วนอื่นที่ต้องใช้ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินในแต่ละวัน รวมถึงค่าตำราเรียนเพิ่มเติม และไม่ใช่ว่านงคราญจะส่งให้นงนุชเพียงคนเดียว อทิตยาก็ส่งให้น้องสาวเป็นเดือนๆ ละหนึ่งหมื่นบาท ทั้งที่เธอเองก็มีภาระที่จะต้องจ่ายและใช้ในชีวิตประจำวัน แต่อทิตยาก็มองเห็นอนาคตของนงนุชมากกว่า ด้วยภาระนี้เองที่ทำให้อทิตยาอยากจะผ่านช่วงทดลองงานในบริษัทที่ตนทำอยู่ เพราะมันหมายถึงความมั่นคงของหน้าที่การงาน ที่ส่งผลถึงการส่งเสียน้องสาวได้ร่ำเรียนจนจบอีกด้วย รวมถึงความฝันที่เธอกับนงนุชคิดไว้ว่า ภายภาคหน้าจะช่วยกันผ่อนบ้านสักหลัง เป็นบ้านที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงและอยู่ด้วยกันสามคน มีเธอ มีนงนุชและนงคราญ “ยุงทนได้นะแม่ ยุงจะหางานพิเศษทำอีกสักอย่าง อาจจะหาขายของทางออนไลน์เพราะกำลังเป็นที่นิยม จะได้เงินเพิ่ม ยุงทนเหนื่อยได้ แต่ยุงทนเห็นแม่ถูกลุงนพตบตีไม่ได้” ใครบ้างที่ทนเห็นบุพการีทำร้าย เธอคนหนึ่งที่ทนไม่ได้และไม่ยอมทนด้วย “รอให้นุชเรียนจบก่อนนะยุง แล้วแม่จะไปอยู่กับยุง ตอนนี้แม่ต้องอยู่ที่นี่ก่อน อีกอย่างแม่เลือกเอง แม่ก็ต้องรับกรรมในสิ่งที่แม่เลือก” นงคราญยอมรับสภาพของตัวเอง เพราะเมื่อสิบห้าปีก่อนนางเลือกดิเรกมาเป็นคู่ชีวิต ทั้งที่ตอนนั้นมารดาของนางยังมีชีวิตอยู่ได้คัดค้านเรื่องที่นงคราญจะแต่งงานใหม่กับดิเรก ทว่าเวลานั้นด้วยความรักที่มีต่อดิเรกมีมากกว่าคำพูดของผู้เป็นแม่ สุดท้ายคำเตือนของมารดาเป็นจริงทุกอย่าง นึกได้ก็สายเกินไปเสียแล้ว อทิตยารู้ดีกว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่นงคราญไม่ไปอยู่กรุงเทพกับตน เป็นเพราะความรักที่มารดามีต่อดิเรกที่มากกว่าเกินจะตัดใจ ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจว่า คนอย่างดิเรก นงคราญรักไปได้อย่างไร ทั้งเล่นการพนัน หนักไม่เอาเบาไม่สู้ พอเมาก็ตบตี ไม่มีเงินก็รีดไถ เธอเป็นลูกยังทนไม่ได้ ข้อนี้อทิตยาก็อยากรู้คำตอบ ทว่าไม่กล้าถาม “ยุงจะรอวันที่แม่จะไปอยู่กับยุง แต่แม่อยู่ที่นี่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะแม่” “จ้ะลูก ถึงแม้ว่าลุงนพจะตบตีแม่ แต่เขาก็ไม่ทำร้ายแม่ถึงตายหรอกเพราะถ้าแม่ตาย ใครจะหาเลี้ยงมันกับลูก ยุงไม่ต้องห่วงแม่นะลูก แม่ทนได้” นางพูดขณะที่ประคองลูกสาวลุกขึ้นยืน “ไปพักเถอะลูก ดึกแล้ว แม่ก็จะนอนเหมือนกัน” “นอนกับยุงนะแม่ เพราะไม่รู้ว่ายุงจะกลับมาบ้านอีกเมื่อไหร่ ยังไม่ผ่านโปรด้วยคงอีกนาน” “ได้สิลูก” นางรับคำตามความต้องการของลูกสาว จากนั้นก็พากันเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน ทั้งคู่นอนคุยกันจนดึกดื่นกว่าจะได้นอน ความทุกข์ของอทิตยาที่มากกว่าเรื่องใดๆ คือเรื่องของผู้เป็นแม่ เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยแก้ไขได้เลย แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปี เธอหวังว่าสักวันหนึ่งจะทำให้นงคราญหลุดพ้นจากดิเรก พ่อเลี้ยงนิสัยเลวให้จงได้ แม้ว่าความหวังจะมีน้อยก็ตามที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม