Best friend 3

1853 คำ
#ช่วงเช้าของวัน ครืดดดด เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ฉันก็สะดุ้งตื่น แต่เมื่อกำลังจะเอื้อมมือไปกดรับสายมันก็ตัดไปก่อนแล้ว ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “เชี่ย สายแล้วไหมล่ะ” ฉันรีบดันตัวลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่สมองยังหนักอึ้งจากอาการเมาค้างยังไม่หาย @มหาลัย ตอนนี้แรงมีเท่าไหร่ฉันใส่ไม่ยั้ง วิ่งสับตีนแตกบนรองเท้าผ้าใบสีขาว ตึก ตึก จนกระทั่งถึงห้องเรียน แต่ก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าอาจารย์ยังไม่มา “แฮ่กๆ” ฉันเดินเหนื่อยหอบไปทิ้งตัวนั่งลงข้างโซน ไม่รู้ว่าตัวเองรีบแค่ไหน ผมเผ้าตอนนี้ก็ยังไม่แห้ง หน้าก็ไม่ได้แต่งเลยคิดเอาเถอะ ฉันหยิบหวีขึ้นมาหวีผมและเหลือบมองไอ้โซนที่นั่งเล่นเกมอยู่ด้านข้าง “เกือบพากูสายไหมละมึง ดีนะกูตัดสินใจมาก่อน ถ้าขืนอยู่รอมึง กูคงได้สายไปด้วยแน่ๆ” เพราะปกติเรามามหาลัยด้วยกัน แต่เมื่อเช้ามันโทรมาแล้ว แต่รับไม่ทัน “เออดิ” ฉันพูดพร้อมกับหวีผมไปด้วยท่าทีปกติ ก่อนที่มันจะละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์หันมามองหน้าฉัน คิ้วหนาขมวดขึ้นและขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วจับหัวฉันดึงเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะ.....ดม “มึงเปลี่ยนยาสระผมใหม่เหรอ?” “ทำไมมึงรู้” “ก็ปกติมึงไม่ได้ใช้กลิ่นนี้” “หอมไหม” “อืม หอมดี” มันตอบพร้อมหันกลับไปเล่นเกมต่อเหมือนเดิม เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของตัวเอง แต่มันไม่รู้เลยว่าการกระทำและคำพูดของมันเมื่อกี้ทำให้ใบหน้าฉันเห่อแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย... #ช่วงเที่ยงของวัน “กินไรดีวะ” เจถามขึ้น เมื่อเรากำลังจะเดินไปที่โรงอาหาร “ไม่รู้วะ แล้วนี่ไอ้เชี่ยเกมไปไหนของมันวะ” ฉันหันไปมองตามไอ้คิว แต่ก็ไม่เห็นไอ้เกมแล้ว ไม่รู้มันหายไปไหนของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ “แสดงว่าพวกมึงไม่ฟังอะไรกันเลยดิ” โซนที่ยืนอยู่ข้างฉันพูดขึ้น “ทำไมวะ?” “ก็มันบอกว่ามันจะไปหาน้องมันแป๊บหนึ่ง” อย่าว่าแต่คนอื่นเลยฉันยังไม่รู้เลยว่ามันพูดตอนไหน “เอ้า ใครจะไปรู้ไอ้ห่า” จากนั้นพวกเราก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะประจำกลุ่มของเรา ก่อนที่จะพากันแยกย้ายไปซื้อข้าว แต่ฉันก็นั่งรอที่โต๊ะเหมือนเดิมเพราะ.... “มึงกินไร?” “เหมือนเดิม” ซึ่งมันก็คือข้าวผัดกุ้ง “เหมือนกู?” “เออ” ใช่ ฉันกินเหมือนไอ้โซน.... “ไม่เบื่อเหรอวะ” “รอมึงเบื่อก่อนกูค่อยเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นกูก็ไม่มีใครให้ฝากซื้อดิ” ฉันยกยิ้มด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ส่งไปให้มัน “ถึงมึงจะกินอย่างอื่นกูก็ซื้อให้ได้ไหมวะ พูดเหมือนเกินใจกูเลย” มันบ่นขึ้นเบาๆ แล้วก็เดินออกไป เนี่ยทำตัวยิ่งกว่าผัว แล้วกูจะไปอยากมีทำไมวะผัว ......มีเพื่อนที่ทำตัวเหมือนผัวอย่างมึงไม่ดีกว่าเหรอ ขณะที่ฉันนั่งรอข้าวอยู่ที่โต๊ะคนเดียวนั้น ไอ้เกมก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทีหัวเสีย “เป็นห่าอะไร?” “หงุดหงิด” “ก่อนมากินข้าวกูยังเห็นมึงดีๆ อยู่เลย” ไอ้เกมถอนหายใจออกมาเสียงดังและพูดขึ้น “ก็เออดิ แต่พอไปหาน้องกูเท่านั้นแหละ แม่งอารมณ์เสียเลย” “ทำไมวะ?” “ก็เพื่อนไอ้กัสดิ.....” กัสคือน้องสาวของไอ้เกมเธออยู่ปีหนึ่งซึ่งฉันก็รู้จักดี “แม่งเจอหน้ากูทีไรจ้องแต่จะขอเบอร์ไอ้โซนกับกูให้ได้ แม่งรำคาญฉิบหาย” “เพื่อนน้องมึงชอบมันเหรอ?” “เออดิ” เมื่อไอ้เกมพูดจบฉันก็มองไปที่โต๊ะของกัส พวกเธอนั่งอยู่กันสามคนฉันพยายามสังเกตว่าคนไหนที่ชอบโซน แต่มันก็มองออกไม่ยากเลย เพราะมีอยู่คนเดียวที่ตอนนี้กำลังมองไอ้โซนยืนซื้อข้าวอยู่ “กูเลยตัดจบแบบไม่มีสานต่อ บอกน้องมันว่ามึงเป็นเมียไอ้โซนไปเลย” “ไอ้เชี่ยเกมมึงไปตอบน้องมันแบบนั้นได้ยังไงวะ” ฉันยกมือขึ้นเตรียมจะฟาดลงกลางกระบาลของมัน แต่โชคยังดี ที่มันจับแขนฉันเอาไว้ก่อน ไม่งั้นโดนเต็มๆ “ก็แม่งน่ารำคาญอะ มึงก็ช่วยๆเพื่อนหน่อยเถอะ” “แล้วไอ้โซนมันไม่ให้เบอร์น้องมันหรือไง?” “ถ้ายอมให้ น้องมันคงไม่ตามขออยู่แบบนี้หรอกไหมวะ” ไอ้ห่านี่หล่อแล้ว ยังเสือกเล่นตัวอีก แต่มันก็ทำได้ดีมาก ฉันยิ้มในใจอย่างผู้ชนะ อิอิ.... เอาละ! อย่างน้อยเป็นแค่เพื่อนก็ยังมีอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นละวะ “เออๆ ก็ตามนั้นถือว่าช่วยเพื่อน” ช่วยเพื่อนหรือช่วยตัวเองไม่รู้เออออไปก่อน... ขณะที่เรานั่งคุยกัน โซนก็เดินถือข้าวมานั่งลงด้านข้างฉัน และไม่นานเจกับคิวก็เดินกลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทีตื่นเต้น “ไอ้สัส เมื่อกี้กูไปเจอพี่เอ็มรุ่นพี่คณะเรา” คิวพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น พยักหน้าไปที่ไอ้เจ ก่อนที่เจจะหยิบบัตรคอนเสิร์ตขึ้นมาห้าใบ “อะไรวะ” “ตั๋วรถไฟมั้งไอ้เหี้ยเกม ถามโง่ๆ” “แล้วกูจะรู้ไหมไอ้สัสคิว.....” “บัตรคอนเสิร์ตเหรอวะ” ฉันที่เงียบอยู่นานถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย เพราะมันดูคุ้นๆ เหมือนบัตรคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นที่เขาใหญ่ “ใช่” เจตอบพร้อมกับยื่นบัตรคอนเสิร์ตมาให้ฉัน ซึ่งมันก็ใช่อย่างที่ฉันคิด “มึงไปเอามาจากไหนวะ?” “ก็พี่เอ็มคณะเรา เขาจะไปเล่นดนตรีที่นั่นเลยให้บัตรฟรีมา” “ดีว่ะ ไม่ต้องเสียตังซื้อเลยปีนี้” เพราะเราไปคอนเสิร์ตนั้นทุกปี “มึงต้องยกความดีความชอบให้กูนะ เพราะกูเดินไปคุยกับพี่เขาก่อนทำให้ได้บัตรมา” “จริงเหรอไอ้เจ” เพราะฉันไม่เชื่อคำพูดของไอ้คิวหรอก นอกจากเพื่อนจะบอก “จริง” “ของจริงว่ะ” ฉันพูดพร้อมยกยิ้มให้เพื่อนด้วยสีหน้ากวนๆ กระทั่งได้ยินเสียงคนด้านข้างที่นั่งเงียบอยู่ตั้งนานพูดขึ้น “ขอดูหน่อยดิ” ฉันยื่นบัตรคอนเสิร์ตไปให้โซน จากนั้นก็หันมาสนใจบทสนทนาของไอ้เพื่อนสามตัวนั้น #เวลาต่อมา “กูไปสูบบุหรี่แป๊บ” โซนลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไปสูบบุหรี่ที่หลังห้องน้ำที่ประจำของพวกมัน “กูไปด้วย” “เออ รอกูด้วย” ไอ้เกมกับไอ้คิวก็รีบเดินตามไป ทิ้งฉันนั่งอยู่กับไอ้เจสองคน “ยังไง มึงไม่ไปเติมมะเร็งเข้าปอดเหมือนพวกมันหน่อยเหรอ” เจที่กำลังนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ไม่สนใจโลกหันมามองหน้าฉัน “ไม่อะ กูพึ่งสูบมา” ก็คิดว่ามันจะตอบว่า กูกำลังจะเลิกงี้ แต่เปล่าเลย.. “เออ งั้นไปรอพวกมันที่ตึก B กัน” “ไปดิ” ฉันเดินออกมาจากโรงอาหารกับเจ แต่ขณะที่กำลังจะเดินสวนทางกับกัสฉันก็ส่งยิ้มให้น้องมันตามประสาคนรู้จักกัน “คนสวยของกัสจะไปไหนเหรอคะ?” ฉันหยุดชะงักเมื่อกัสถามขึ้น “ตึกB” “อ๋อ แล้วพี่ชายตัวดีของกัสไปไหน” “เติมมะเร็งเข้าปอดจ่ะ” ฉันตอบกัสแต่สายตากลับเหลือบมองผู้หญิงด้านข้าง ที่เธอก็มองฉันอยู่เหมือนกัน ก่อนเธอจะเบะปากขึ้นเหลือบมองไปทางอื่น ท่าทีของเธอทำเอาฉันไม่พอใจพอสมควร เอาล่ะ....สงสัยจะมีศัตรูเพิ่มแล้วกู ในขณะที่ฉันยืนคุยกับกัสอยู่ เพื่อนกัสก็กอดอก มองหน้าฉันด้วยสายตาเหยียดๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยคำพูดที่ได้ยินแล้วอยากจะประทับรอยฝ่ามือลงที่หน้าขาวๆ ของเธอ “คนนี้เหรอเมียพี่โซน ก็งั้นๆ ไม่เห็นจะเหมาะสมกับพี่โซนเลย” “ว่าไงนะ?” ฉันหันไปถามเธอเสียงแข็งด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้คำตอบเพราะเด็กนั่นเดินออกไปก่อน ถึงเธอจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ฉันกับกัสก็ได้ยินมันเต็มสองรูหู “เอ่อ หนูขอโทษพี่เดียร์แทนเพื่อนด้วยนะ อีฝนมันปากดีไปแบบนั้นแหละพี่เดียร์อย่าไปถือสามันเลยนะ” “เด็กมันยังไม่โตพี่ไม่ได้ถือสาอะไรหรอก” ถึงปากจะบอกไปแบบนั้น แต่ในใจอยากเดินไปกระชากหัวดึงมาตบ แล้วบอกมันไปชัดๆ ว่า เออกูนี่แหละเมียไอ้โซน.... แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริงไง..... “ว่าแต่พี่กับพี่โซนตั้งแต่ตอนไหนคะเนี่ย” กัสพูดพร้อมส่งยิ้มด้วยสีหน้าเหมือนกำลังแซวฉันอยู่ ฉันไม่ได้ตอบกลับไปทันควัน สายตาเหลือบมองไอ้เจที่มันก็เงยหน้ามองฉันครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงเล่นโทรศัพท์ในมือต่อด้วยท่าทีไม่สนใจอะไร “ไม่มีอะไรหรอก เพื่อนกันไอ้เกมมันกวนส้นตีนไปงั้นแหละ” “อ้าว หนูก็ดีใจเก้อเลยสิ” “หึ งั้นพี่ไปก่อนนะ” “ค่ะ” เมื่อเราแยกย้ายกันแล้วเจก็ถามขึ้น “มีเรื่องอะไรกันวะเห็นกัสขอโทษมึงแทนเพื่อน” “เปล่าหรอก” แต่คนที่ไม่ชอบเซ้าซี้อย่างเจ มันก็เลือกที่จะเงียบไม่ถามต่อ ซึ่งมันก็ดีสำหรับคนอย่างฉันเพราะฉันก็ขี้เกียจเล่าให้ฟังเหมือนกัน #ช่วงเย็นของวัน “ไปไหนกันต่อวะ” คิวถามขึ้น “กูไม่ไปนะ ง่วงนอนมาก” ฉันหันไปบอกพวกมันที่กำลังยืนตกลงกันอยู่ ฉันก็ยังกลับไม่ได้เพราะยังไงก็ต้องรอโซนอยู่แล้ว “แต่กูยังไม่อยากกลับห้องเลยวะ คืนนี้ไปนอนห้องมึงดีกว่า” เจพูดพร้อมเดินมากอดคอฉัน พวกเราสนิทกันมากจึงไม่มีใครคิดเรื่องชู้สาวกันหรอก ซึ่งไม่รู้ที่ไม่คิดเพราะว่าพวกมันยังเห็นฉันเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่า “กูด้วย” เกมที่ยืนกดโทรศัพท์พิมพ์ยิกๆ พูดขึ้น “ไปก็ไป แล้วมึงละไอ้โซน” คิวหันไปถามโซน “กูก็ต้องไปอยู่แล้วไหม คอนโดกูอยู่ทางนั้น” “เออไอ้ห่า ตอบไปก็จบอ้อมเพื่อ” จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายไปขึ้นรถตัวเอง มีแค่ฉันที่เดินไปขึ้นรถของโซน Next spoil>> “มึงเป็นผู้หญิงไหมวะ นั่งให้มันดีๆ หน่อย กูเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” “แล้วถึงไหนอะ?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม