หลังจากกดรับสาย เบ็นก็แอบยิ้มนิดหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “เฮ้”
เขารู้อยู่แล้วว่าจอยจะต้องโทร. มา
แต่พอได้ยินสิ่งที่จอยพูดอีกอึดใจหนึ่ง เขาก็รู้สึกไม่พอใจ
หลังจากตื่นนอน จอยมานั่งริมหน้าต่างและอยู่ในอาการหมกมุ่นครุ่นคิด ไม่นานหญิงสาวก็ตระหนักว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปในชีวิตปัจจุบันของเธอ
ตัวอย่างเช่น การที่เบ็นมาตามหาเธอที่บ้านคุณปู่บิลลี่
เธอจำได้อย่างแจ่มชัดว่า เบ็นไม่ใช่คนที่รับมือด้วยยากในชีวิตเก่าของเธอ
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลกลใด จอยก็รู้สึกว่า พวกเขาทั้งสองจะปล่อยให้เรื่องราวเลยเถิดต่อไปแบบนี้ไม่ได้
“เบ็น ฉันอยากคุยกับคุณค่ะ”
"ได้สิ ว่ามาเลย"
“คุณเลิกยุ่งกับฉันจะได้ไหม”
จอยโพล่งออกไป รู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นชื้นขณะที่เธอพูดอย่างนั้นกับเบ็น แต่ในเมื่อหลุดปากออกไปแล้ว เธอก็คงต้องพูดให้รู้เรื่องกันไปเลย
เธอไม่อยากเสียเวลาในชีวิตที่สองของเธอเพราะผู้ชายคนหนึ่ง
โดยเฉพาะผู้ชายที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้อย่างเบ็น
เธอคาดการณ์ได้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากอยู่กับเบ็นไปสักพัก เธอมีแต่จะเสียกับเสียเท่านั้นเอง!
ฉะนั้น ก่อนจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง จะเป็นการดีกว่าถ้าจอยพูดจากับเขาให้ชัดเจนเสียตั้งแต่ตอนนี้
หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่ง เมื่อจอยคิดว่าเบ็นคงเห็นด้วยกับความคิดนั้น เธอก็ได้ยินเขาเอ่ยถามมาจากปลายสาย
"ทำไม?"
เบ็นพยายามควบคุมความโกรธอย่างหนัก แต่น้ำเสียงของเขาเปิดเผยอารมณ์อย่างชัดเจน
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังงุนงงกับความจริงที่ว่า ระยะหลังมานี้จอยทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนไปหมด ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเป็นแค่คู่นอนชั่วคืน
ปกติแล้วเขามีสองวิธีสำหรับจัดการเรื่องทำนองนี้
วิธีแรกคือ ทำให้หญิงสาวหายตัวไป
ด้วยตัวตนและสถานะทางสังคมของเขา เบ็นจะยอมให้ใครมาป่วนชีวิตเขาไม่ได้
วิธีที่สองคือ ปกป้องหญิงสาว
แน่นอนว่าเบ็นมีอำนาจมากพอที่จะปกป้องผู้หญิงสักคนหนึ่ง แต่ก่อนอื่น เธอต้องมีค่ามากพอที่เขาจะปกป้อง
เขาควรจะปล่อยให้เธอหายไปดีไหม?
เบ็นถามตัวเองและพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำเช่นนั้น อย่างน้อยก็สำหรับตอนนี้
ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันยิ่งยากเข้าไปอีกเมื่อเขานึกถึงความช่างพูด ท่าทีตื่นกลัว และอาการออดอ้อนของเธอ
แค่คิดถึงสิ่งเหล่านี้ เบ็นก็อมยิ้ม ก่อนที่จอยจะได้พูดอะไร
อย่างไรก็ตาม จอยตัดสินใจไปแล้ว เธอจึงพูดต่อจนจบทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเบ็นจะต้องอารมณ์เสีย
“ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ฉันแค่อยากจะบอกคุณว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายหรอกนะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด เบ็นก็ยิ้มกว้างขึ้นอีก และถามต่อทันทีว่า "โอเค มีอะไรอีก"
จังหวะนั้นจอยได้ยินเสียงคล้าย ๆ กับเบ็นกำลังหัวเราะขำจากปลายสาย
นี่เขาอารมณ์ดีขึ้นงั้นเหรอ?
จอยรู้สึกสับสน ก่อนจะพูดต่อว่า
“อีกอย่างก็คือฉันยังอายุน้อย แล้วตอนนี้ฉันยังไม่อยากคบใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ฉันมองไม่เห็นอนาคตด้วยเลย”
หลังจากพูดจบ จอยก็รอการตอบสนองจากเขาในความเงียบ
"คุณพูดถูก"
จอยรู้สึกดีใจสุด ๆ ที่ได้ยินแบบนั้น แต่แล้วเบ็นก็ทำให้เธอใจคอห่อเหี่ยวทันทีเมื่อเขาพูดว่า
“เอาล่ะ ผมขอบอกคุณถึงสิ่งสำคัญเกี่ยวกับตัวผม ข้อแรก ผมเองก็ไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายเหมือนกัน ข้อสอง ผมก็ไม่ใช่เด็ก ๆ อีกแล้ว ผมไม่ล้อเล่นกับเรื่องความสัมพันธ์ ในเมื่อเราคิดเห็นตรงกันในเรื่องพวกนั้น งั้นเรามาแต่งงานกันเถอะ!”
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกจากปาก แม้กระทั่งเบ็นเองก็ยังประหลาดใจ
อันที่จริงเขาแค่อยากเก็บจอยไว้ แต่ทำไมเขาต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานกับเธอในตอนนี้ด้วย?