Chapter 1 หญิงเปลือยกลางป่า
Chapter 1 หญิงเปลือยกลางป่า
เปลือกตาปิดสนิทเผยให้เห็นเพียงขนตางามงอนเป็นแพสวย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของม้านับสิบ เสียงล้อเกวียนลากสินค้านับร้อย อีกทั้งเสียงพูดคุยจอแจของคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าตรงมายังจุดที่นางแอบซุ่มอยู่
ตึก! ตึก! ตึก!
หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงจนแทบกระโจนออกมานอกอก นางเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้าเผยให้เห็นดวงตากลมโตราวกับดวงตาของกวางป่า ประกายตาวาววับวูบไหวราวกับมีหยาดโลหิตเจืออยู่
“ท่านพี่...”
ริมฝีปากหยักได้รูปขยับช้าเอื้อนเอ่ยเรียกหาคนที่กำลังมุ่งหน้ามากับขบวนคาราวาน คนที่นางเฝ้าคิดถึงตลอดสี่ปีที่ผ่านมา คิดถึงจนแทบขาดใจ
“ข้าคิดถึงท่านพี่เหลือเกิน”
นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมที่อกข้างซ้าย กุมแน่นก่อนจะจิกเล็บลงบนเนื้อผ้าแล้วสะบัดแรง
แคว้ก!
เสื้อผ้าขาดวิ่นจนเห็นเนื้อเนินอกขาวอวบ มือเล็กเลื่อนลงต่ำฉีกทึ้งในส่วนของกระโปรงและกางเกงตัวในจนเผยให้เห็นเรียวขาขาวนวลเนียนสะดุดตา
ฮี่! ฮี่! ฮี่!
เสียงม้าใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา เสียงล้อลากเกวียนนับร้อยกระทบกรวดหินและผืนดินที่แห้งระแหงดังราวกับแผ่นดินจะเลือนลั่น
นางหันไปมองชายท่าทางกักขฬะที่ยืนอยู่ด้านหลัง พวกเขากำลังมองมายังนางด้วยความเคารพนบนอบ ริมฝีปากสวยหยักยิ้มน้อยๆ คล้ายหัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณบางอย่างให้ชายทั้งสาม
“กรี๊ด!”
จู่ๆ นางก็หวีดร้องเสียงดัง ก่อนจะวิ่งออกไปจากที่หลบซ่อน ทรุดกายลงนั่งกับพื้นถนน ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ ไหล่บางสั่นเทิ้มสะอึกสะอื้นราวกับกำลังหวาดผวา
“คิดเหรอว่าจะหนีพวกข้าพ้น!”
เสียงเหี้ยมกอปรกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ดวงตาจ้องเขม็งมอง ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมา แล้วกระโจนเข้ากอดรัดปลุกปล้ำหญิงสาวเคราะห์ร้ายอย่างป่าเถื่อน
“อย่านะ! ได้โปรดปล่อยข้า!”
หญิงสาวหวีดร้องจนตัวสั่น สองมือทุบตีด้วยพละกำลังอันน้อยนิด ทว่าพวกมันกลับฉีกทึ้งเสื้อผ้าส่วนที่เหลือของนางอย่างไม่ไยดี
แคว้ก!
กรี๊ด!
เสียงกรีดร้องของนางดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ชายคนหนึ่งซึ่งร่างสูงใหญ่ที่สุดจัดการต่อยเข้าที่ท้องน้อยของหญิงสาวเต็มแรง
อั๊ก!
นางทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน ทว่าน้ำตายังคงไหลเป็นสายด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ
มันตรงเข้าอุ้มนางขึ้นพาดบ่าอย่างผู้กำชัยชนะ ทว่าจังหวะนั้นเองที่ขบวนคาราวานของพ่อค้ามาถึง พร้อมกับชายคนหนึ่งที่กระโจนลงจากหลังม้าพร้อมกับดาบในมือ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“เฮ้ย! ไอ้หน้าจืด แม่นางคนนี้เป็นของข้า เจ้าอย่าแส่หาเรื่องเจ็บตัวเลยดีกว่า”
ชายท่าทางกักขฬะแลบลิ้นเลียที่ปลายดาบ ก่อนจะจ่อดาบไปที่ลำคอของตนเองอย่างข่มขู่
“คะ...คุณชาย ดะ...ได้โปรดช่วยข้าด้วย”
หญิงสาวพยายามเงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงสั่นเครือออกไป จังหวะที่เหวินถิงเว่ยได้สบตากับหญิงสาวเคราะห์ร้ายราวกับโลกทั้งใบได้หยุดนิ่ง หัวใจดุจน้ำแข็งที่ด้านชามากว่าสี่ปีกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
“ระ...รั่วอิง”
จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อ ‘เจิ้งรั่วอิง’ เมียรักได้เสียชีวิตไปถึงสี่ปีแล้ว หากนางยังมีชีวิตอยู่ปีนี้นางคงอายุยี่สิบเอ็ดปี ทว่าหญิงตรงหน้ากลับมีใบหน้าละอ่อนราวกับเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้ไม่นาน
แค่คนหน้าเหมือน!
แต่เหตุใดจึงเหมือนราวกับคนคนเดียวกันเช่นนี้!
“เฮ้ย! ถอยไปสิวะ เกะกะ!”
เมื่อเห็นว่าคุณชายหน้าใสเอาแต่ยืนนิ่ง โจรหื่นกามหมายจะฉุดคร่าหญิงสาวก็ตรงเข้าผลักแรงๆ ที่อกของอีกฝ่ายเพื่อให้หลีกทาง
“ปล่อยนาง!”
ถิงเว่ยกัดฟันกรอดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมเจรจาแน่ เขาก็ผิวปากสั่งให้ลูกน้องนับยี่สิบคนกรูกันเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ
“ปล่อยนางเดี๋ยวนี้!”
เขาออกคำสั่งดังลั่น ยื่นปลายดาบไปยังพวกมันฉายชัดว่าเขาเอาจริงและจะไม่ออมแรงอย่างเด็ดขาด โจรที่รอคอยจังหวะนี้มานานแล้วก็แสร้งทำท่าตกใจกลัวเมื่อเห็นจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่าตัว รีบทิ้งหญิงสาวลงกับพื้นแล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน
“แม่นางเป็นอย่างไรบ้าง”
ชายหนุ่มรีบถอดเสื้อตัวนอกสีน้ำเงินครามของตนเองออกแล้วห่อคลุมเรือนร่างเกือบโป๊เปลือยเอาไว้อย่างเบามือ นางตัวสั่นราวกับลูกนกตกน้ำ ดวงตาแดงช้ำอย่างคนที่ร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกจนหัวใจของเขาปวดร้าว
“ขะ...ข้ากลัว”
นางตอบออกมาเพียงเท่านั้นก่อนจะซุกหน้าเข้าหาอกกว้างราวกับต้องการที่ป้องกันภัย
คุณชายหกแห่งตระกูลเหวินเห็นว่านางบอบช้ำและยังคงไม่พร้อมที่จะตอบคำถาม เขาจึงค่อยๆ ประคองร่างของนางขึ้นอุ้ม แล้วตรงไปยังเกวียนขนาดใหญ่ที่เขาตกแต่งไว้คล้ายเกี้ยว คือมีหลังคาและฉากผ้าปิดกั้นเป็นสัดส่วน ซึ่งเขาทำไว้สำหรับนอนพักระหว่างการเดินทางขนส่งสินค้าระหว่างแคว้นที่กินระยะเวลายาวนานนับเดือน
ฮึก ฮึก...
เสียงสะอื้นฮักทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะปล่อยอ้อมแขนที่โอบกอดนางเอาไว้ จึงยังคงนั่งอยู่ข้างๆ เช่นนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลายประดังเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์โถมเข้าหาชายฝั่ง
‘เหมือนเหลือเกิน นางเหมือนเมียรักที่ตายไป เหมือนกระทั่งกลิ่นกายที่อบอวลอยู่ปลายจมูกเขาในเวลานี้’
น้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวยในเวลานี้หาได้มาจากการเสแสร้งแกล้งทำ แต่มันคือน้ำตาแห่งความคิดถึง และความอาลัยรักที่มีต่อสามี
ชาติก่อนนั้นนางเห็นสามีเป็นดั่งผืนฟ้า เขาคือชีวิต คือลมหายใจ คือเลือดเนื้อในกายทุกหยาดหยด
การที่หญิงสาวบ้านนอกไม่มีความรู้ได้แต่งงานกับคุณชายมีชาติตระกูลนั้นเป็นความฝันที่เกินเอื้อม ชีวิตของนางเหมือนถูกจับพลิกหงายขึ้นสูงโดยไม่ทันตั้งตัว
นางถูกยกให้เป็น ‘ฮูหยินเอก’ ทั้งที่ไม่มีตระกูลใหญ่หนุนหลัง แต่เพราะความรักที่สามีหยิบยื่นให้และพร้อมจะกางแขนปกป้อง จึงไม่อาจมีใครคัดค้านการแต่งงาน
การเมืองในจวนสกุลเหวินร้อนระอุเมื่อชายหนุ่มมีอนุภรรยาที่มารดาจัดหามาให้ถึงแปดนาง แน่นอนว่าเป็นการได้มาโดยที่เขาไม่สมัครใจ แต่จำต้องรับไว้เพราะเป็นการขอร้องแกมบังคับของมารดา
อนุภรรยาเหล่านั้นไม่เคยได้รับความรัก ไม่เคยได้รับการยกย่องจากชายหนุ่ม จึงก่อเกิดความริษยาชิงชังและหาทางรังแกนางลับหลังทุกครั้งที่มีโอกาส