Chapter 2 ยั่วให้อยาก
รั่วอิงในชาติก่อนนั้นใสซื่อและอ่อนต่อโลก นางเก็บงำความทุกข์โดยไม่เคยปริปากบอกสามีด้วยไม่อยากให้เขาขุ่นเคืองใจ หวังว่าสักวันความดีจะเอาชนะใจเหล่าอนุภรรยาทั้งแปดได้
ทว่า...นางคิดผิดมหันต์
ความริษยาของหญิงสาวนั้นมีพิษร้ายยิ่งกว่าพิษงูนับพันนับหมื่นเสียอีก!
‘เหวินถิงเว่ย’ นั้นเลือกที่จะเป็นพ่อค้าแตกต่างจากพี่น้องคนอื่นที่เลือกเป็นขุนนาง หรือไม่ก็เกียจคร้านการงานไม่หยิบจับทำอะไร ชายหนุ่มเป็นคนขยันไม่หยุดนิ่งและมักจะเดินทางคุมขบวนคาราวานไปค้าขายยังเมืองต่างๆ ด้วยตนเองเสมอๆ
ครั้งนั้นเขาออกเดินทางโดยไม่รู้ว่ารั่วอิงกำลังตั้งครรภ์ อีกทั้งยังไปนานกว่ากำหนดเพราะติดพายุหิมะที่พัดถล่มจนปิดหนทางเกวียนไม่อาจข้ามผ่าน
ตรงนี้เองที่ทำให้เกิด ‘โอกาส’ เหล่าคนชั่วเหิมเกริมรุมทำร้ายนางและลูกในท้องจนแท้ง นางถูกขังให้ตายทั้งเป็น นอนจมกองเลือดอย่างน่าสมเพชเวทนา นางไม่เคยลืมความเจ็บปวดเจียนบ้าในวันนั้น
อีกทั้งยังเฝ้ารอวันที่จะกลับมาชำระแค้น!
รั่วอิงเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง ดวงตากร้าวแดงก่ำเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ฟันสวยขบเข้าหากันกรอด มือเล็กกำหมัดแน่นจนเล็บจิกลงไปที่ใจกลางฝ่ามือเป็นรอยริ้ว
จากนั้นนางจึงค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ราวกับกำลังกดข่มความโกรธให้จางหาย เวลาแห่งการแก้แค้นยังมีอีกมากมายนัก สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือการใกล้ชิดกับสามี
ทั้งใกล้ ทั้งชิด และเบียดเรือนกายเข้าหา จนนางรับรู้ได้ว่าหัวใจของคนตัวโตเริ่มเต้นผิดจังหวะเสียแล้ว
“อื้อ...”
รั่วอิงแสร้งส่งเสียงครางคล้ายไม่สบายตัว ขยับกายเพียงน้อยแล้วหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาราวกับติดขัด
“แม่นางเป็นอย่างไรบ้าง”
คุณชายหกแห่งตระกูลเหวินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย มองเจ้าของดวงหน้าหวานที่ค่อยเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตกอปรไปด้วยแพขนตางามงอนที่สบตาเขานิ่งนาน ราวกับจะสะกดให้เขาลุ่มหลงจนไม่อาจถอนตัวถอนใจ
“คุณชาย...ขะ...ข้ารู้สึกไม่สบายตัวเลยเจ้าค่ะ”
บีบเสียงคล้ายแหบแห้ง ก่อนจะยกมือขึ้นกุมที่ลำคอ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบหันไปคว้ากระบอกหนังบรรจุน้ำส่งให้หญิงสาวอย่างรวดเร็ว
“ดื่มน้ำก่อนเถอะ อาจจะพอช่วยบรรเทาได้บ้าง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
นางค่อยๆ หยัดกายนั่งตรง ไม่ได้อิงแอบชิดใกล้เขาอย่างในคราแรก ทว่าเมื่อนางขยับกายเสื้อคลุมสีน้ำเงินครามของชายหนุ่มที่ห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของนางไว้ก็เลื่อนหลุดลงมากองอยู่ที่หัวไหล่ เผยให้เห็นลำคอระหงไล่ระเรื่อยมายังเนินอกอิ่มอวบอัดอย่างสาวน้อยวัยแรกรุ่น
ตึก! ตึก! ตึก!
หัวใจของหนุ่มที่ร้างราจากการเริงกามมาถึงสี่ปีนับจากวันที่ภรรยาลาจากถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งนางเหมือนภรรยาของเขามากเท่าไหร่ ความใคร่กระสันในกายของเขาก็ยิ่งร้อนเร่าทุรนทุราย
อึก!
นางยกกระบอกน้ำขึ้นดื่ม อารามรีบดื่มราวกับกระหายทำให้น้ำในกระบอกหกเลอะจากริมฝีปากอิ่ม ไหลรดลงไปยังลำคอและเนินอกจนเปียกชุ่ม
คุณชายเหวินถึงกับตะลึงงันกับท่าทางที่สุดแสนจะเย้ายวนตรงหน้า กดข่มความปรารถนาเอาไว้ลึกสุดใจ ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี แล้วยื่นมือไปเปิดม่านหน้าต่างเพื่อรับลมจากภายนอก
รั่วอิงยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นอาการกระสับกระส่ายของเขา คนเคยเป็นเมียผัว มีหรือจะไม่รู้ว่าอาการเช่นนี้ของสามีหมายถึงสิ่งใด
“ปะ...เปียกหมดเลยเจ้าค่ะ”
เสียงสั่นเครือคล้ายตกใจของหญิงสาวทำให้เหวินถิงเว่ยหันกลับมา แล้วสายตาของเข้าก็กระแทกเข้ากับทรวงอกอวบอิ่มของนาง ที่บัดนี้เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นได้เปียกลู่แนบไปกับทรวงอกอิ่มชูชันจนเห็นปลายถันสีชมพูทะลุออกมาจากเนื้อผ้า
“เอาผ้านี่ไปเช็ดเถอะ”
ชายหนุ่มควักผ้าเช็ดหน้าสีขาวขอบกุ๊นสีน้ำเงินส่งให้หญิงสาว นางรับมาถือไว้ก่อนจะคลี่ออกด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ เป็นผ้าที่นางปักเองกับมือ หญิงชาวบ้านอย่างนางวันๆ คลุกตัวอยู่แต่ในสวนผัก ไม่เคยเรียนรู้เรื่องวิชาเย็บปักถักร้อยอย่างสตรีลูกชาติลูกตระกูล ดังนั้นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้จึงเป็นความตั้งใจอย่างสุดความสามารถที่จะมอบให้แก่สามี
ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำ มองไปยังขอบขวาล่างของผ้าเช็ดหน้าที่ปักเป็นตัวอักษรโย้เย้ว่า
‘ท่านพี่ของน้อง’
สำหรับคนที่ไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ด้อยการศึกษา นางใช้เวลากว่าหลายราตรีเพื่อที่จะปักตัวอักษรทีละตัวอย่างตั้งใจ
นี่ไม่ใช่ผืนแรกที่นางปัก แต่เป็นผืนแรกที่สามารถส่งมอบให้กับสามี นั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้นางถูกกลั่นแกล้งจากเหล่าอนุภรรยา บ้างก็เอาไปซ่อนซุกไว้กับโคลนตม บ้างก็เอาไปเผาทิ้ง
นางทำได้เพียงปาดน้ำตาแล้วอดหลับอดนอนปักมันขึ้นมาใหม่อย่างไม่ย่อท้อ
‘หึ’ หญิงสาวแค่นหัวเราะในลำคอเมื่อคิดถึงตนเองในชาติที่แล้ว ที่พร้อมจะก้มหน้ายอมรับทุกสิ่งโดยไม่คิดสู้ ลองเป็นชาตินี้ดูสิคงได้เห็นดี ตาต่อตาฟันต่อฟัน ไอ้อีตนใดที่เคยทำร้ายนางและลูกจะต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม
ไม่มีอีกแล้ว ‘เจิ้งรั่วอิง’ คนเก่าที่อ่อนแอและไร้ค่า นางได้ตายไปพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์ที่ไม่มีแม้โอกาสจะได้ลืมตาดูโลก มาวันนี้นางเกิดใหม่อีกครั้งในชื่อเดิมแต่แซ่ใหม่ ‘เซี่ยรั่วอิง’ นางปิดจุดบกพร่องและเติมเต็มสิ่งที่ขาดจนหมดสิ้น
สี่ปีที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งนางพากเพียรเขียนอ่าน ไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือบทกวีล้วนคล่องแคล่ว งานเย็บปัก งานครัว งานฝีมือต่างๆ อีกทั้งงานขับร้องร่ายรำ และที่สำคัญนางฝึกปรือเพลงดาบจนชำนาญไม่ต่างจากชายชาตรี
ดังนั้นเวลานี้เซี่ยรั่วอิงเป็นหญิงที่งามพร้อมทั้งรูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ นางเพียบพร้อมที่จะยืนข้างสามีโดยไม่มีใครบังอาจมากังขาได้อีกต่อไป
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
นางรอจนเขาหันกลับมาแล้วจึงบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเช็ดไปตามทรวงอกอิ่ม จากนั้นจึงส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้แก่เขา
“อะ..อืม”
เหวินถิงเว่ยรับผ้าเช็ดหน้ามาถือไว้ เขารู้สึกได้ว่ามือของเขาสั่นน้อยๆ จนแทบไม่อาจควบคุม