บทที่ 20 หญ้ามีไว้ให้ควายกินก็พอแล้ว
Foxy Bar เวลาประมาณสามทุ่ม โซนธรรมดา
ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม แสงไฟสปร์ตไลท์กระพริบเป็นจังหวะ มีหญิงสาวคนหนึ่ง นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตัวสูง มือเรียวเล็กนั่งจิบแป๊บซี่ไปพลาง ๆ ดวงตาคู่สวยจ้องมองเพื่อนสาวคนสนิทอย่างไม่วางตา เพราะวิเวียนกำลังโยกย้ายตามจังหวะเสียงเพลงในผับ มือหนึ่งก็ถือแก้วเหล้า เดินไปโต๊ะนั้นที โต๊ะนี้ที ตามประสาคนเมา ดูแล้ววันนี้คงเป็นเธอที่ต้องดูแลเพื่อนสาว ไม่ใช่ให้วิเวียนมาดูแล
“น้องริน ไม่ดื่มเหรอครับ” เสียงชายหนุ่มผู้เป็นรุ่นพี่ในคณะ ซึ่งวันนี้มาร่วมโต๊ะด้วย เอ่ยถามคนตัวเล็ก
…ทว่าเธอได้ยินไม่ชัดนักว่าเขาพูดอะไร เนื่องจากมิชรินทร์ยังคงสนใจเพื่อนสาวคนสนิทอยู่ ประกอบกับเสียงเพลงในนี้ค่อนข้างเสียงดังอยู่ จึงทำให้การพูดคุยไม่สะดวกมากนัก
“อะไรนะคะ” มิชรินทร์เลิกคิ้วพร้อมกับโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อจะตั้งใจฟังคำถามอีกรอบ ใช้ภาษามือเพื่อบอกรุ่นพี่อยู่นัย ๆ ว่าเธอไม่ได้ยิน
จังหวะที่คนตัวเล็กโน้มตัวลงมา ทำให้รุ่นพี่และผู้ชายรอบข้างต่างกลืนน้ำลายลงคอกันเป็นแถว เพราะหน้าอกที่ใหญ่จนเกินตัวมันช่างดึงดูดสายตา และการแต่งหน้าที่เพื่อนสาวแต่งให้ มันไม่เยอะมากจนเกินไปทำให้เธอสวยขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องมองมาที่มิชรินทร์ จนเธอเองก็รับรู้ได้ จึงต้องวางแก้วที่ถืออยู่ในมือไว้บนโต๊ะ จากนั้นยกมือขึ้นมาปิดบังหน้าอกเอาไว้ แต่ยังคงเงี่ยหูฟังรุ่นพี่ต่อ
“เอ่อ พี่ถามว่าน้องรินไม่ดื่มเหรอครับ”
สิ้นคำพูดของรุ่นพี่ คนตัวเล็กพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นโน้มใบหน้าไปกระซิบใกล้ ๆ หูของชายหนุ่ม อย่างที่เขาทำเมื่อครู่ คงเหลือแค่วิธีนี้ที่จะคุยกันรู้เรื่อง
“รินดื่มไม่ได้ค่ะ พี่ดูยัยวิเวียนสิคะ ไม่รู้ใครจะดูแลใคร” ริมฝีปากสวยเอ่ย พร้อมกับปรายตามองวิเวียน ในขณะเดียวกันเพื่อนสาวคนสนิทหรี่ตามองมิชรินทร์พอดี ร่างเล็ก ๆของวิเวียน จึงปรี่เดินเข้ามาหาเพื่อนสนิททันที
“ยัยริน ฮ่า ๆ แกรู้ปะ เมื่อกี้อะ ฉันได้กินเหล้าฟรีจากโต๊ะนู้นด้วยแก เขา….เขาคุยสนุกมาก…จึงจะชวนแกไปด้วย…อึก” วิเวียนพูดจาสะเปะสะปะ
“แกอย่าไปดื่มอะไรมั่ว ๆ สิ หากเขาวางยา แกจะทำยังไง อีกอย่างแกเมามากแล้ว เพลา ๆ ลงหน่อย พรุ่งนี้ไม่มีงานหรือไงเนี่ย” ปากเล็กบ่นอุบอิบ แต่ดวงตายังคงฉายแววถึงความเป็นห่วงเพื่อนสาวคนสนิท
“อู้หู้ววว ชะนีน้อยของฉันรู้จักระแวดระวังตัวแล้ววุ้ย ถือว่าพามาเปิดตัววันนี้ไม่ผิดหวัง พรุ่งนี้ฉันหยุด ถึงได้ขอนอนกับแกไง” วิเวียนพูดอย่างดีใจ พร้อมกับโผเข้าไปกอดคอของคนตัวเล็กเอาไว้
ด้วยความที่มิชรินทร์ตัวเล็ก ประกอบกับเพื่อนคนสนิทเผลอทิ้งตัวลงมา ทำให้หญิงสาวเกือบจะตกจากเก้าอี้ตัวสูง โชคดีที่มีมือหนาของรุ่นพี่โอบไหล่รองรับเอาไว้
“ระวังครับน้องริน”
“เอ่อ ขอบคุณนะคะ” ปากเล็กเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพ จากนั้นผละออกห่างจากรุ่นพี่อย่างระแวดระวังตัว
อีกด้าน ของ Foxy Bar โซน VVIP ชั้น 2
ปึก ! เสียงแก้วกระแทกบนโต๊ะ
ภาคินถึงกับสะดุ้งโหยง เพราะโซน VVIP ค่อนข้างเก็บเสียงได้ดี แต่ยังคงมองเห็น ภาพชั้นล่างได้อย่างชัดเจน
หึ! ก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปเลยนี่….
“ไอ้เฟรด มึงเป็นอะไรของมึงอีกวะ…กูพามากินเหล้า ไม่ได้ให้มาเครียด งานมึงหนักหรืออะไร ตั้งแต่เมื่อวานละ”
“กูไม่ได้เป็นอะไร”
“เห็นชัด ๆ ว่าเป็น” ภาคินเถียงอย่างไม่ลดราวาศอก ตั้งแต่เข้ามาในร้านจนถึงตอนนี้ สายตาของเพื่อนสนิทเอาแต่จ้องมองไปยังด้านล่างอย่างไม่ละสายตา ….ด้านล่าง มันมีอะไรดี มันก็แค่โซนธรรมดา
ภาคินได้แต่นึกในใจ พร้อมกับทอดมองไปยังด้านล่างนั่น ดูเหมือนว่าสายตาของเพื่อนสนิท มองผู้หญิงใส่ชุดเดรสสีแดงนั่น
“ตาถึงนี่หว่า ไอ้เฟรด มึงจะเอาไหม…”
“….”
“ถ้าคืนนี้มึงไม่เอา กูจะ…”
“เอา” อัลเฟรดตอบเสียงเข้ม
“โห รู้งี้กูมองไปโซนด้านล่างก่อนมึงอีก” ภาคินพูดอย่างเสียดาย เพราะเขาและอัลเฟรดสัญญากันไว้ว่า จะไม่กินผู้หญิงคนเดียวกัน
เช่นนั้นวันนี้ ผู้หญิงในชุดเดรสสีแดงนั่น คงหนีไม่รอด เพื่อนสนิทของเขาแน่นอน
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่พูดอะไรออกมา ยังคงนั่งจิบไวน์ในมืออย่างใจเย็น
ผ่านไปครู่หนึ่ง มุมปากของคนตัวสูงก็ยกยิ้มขึ้น อย่างมีเลิศนัย จากนั้นทายาทตระกูลดังจึงกระดิกนิ้วหนาเพื่อเรียกใช้อะไรบางอย่าง
ในขณะเดียวกัน ช่วงเวลาหนึ่ง พนักงานบริการชายได้ลงมายังชั้นล่างตามคำสั่งของแขกโซน VVIP ให้มาหาผู้หญิงชุดเดรสสีแดง
….ผู้หญิงชุดเดรสสีแดง คงจะมีเพียงแค่หญิงสาวที่โดดเด่นสะดุดตาคนเดียวในร้าน
“เอ่อ ขอรบกวนเวลาสักครู่นะครับ คุณลูกค้าครับ”
“คะ?” มิชรินทร์เลิกคิ้วถาม มีสีหน้างงงวย เมื่อพนักงานบริการภายในร้านคนหนึ่งเข้ามาสะกิดเบา ๆ หรือว่าเมื่อครู่เธอได้เผลอทำอะไรผิดกฎของร้านหรือไม่นะ
“เอ่อ คือว่าคุณผู้ชายที่นั่งอยู่บนชั้นสอง โซน VVIP เรียกให้ไปพบครับ ลานจอดรถชั้น 2 อันนี้สะดวกไหมครับ หรือถ้าไม่สะดวก ไม่เป็นอะไรครับ” พนักงานบริการเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ใครคะ?” หญิงสาวถามอีกครั้ง เพราะนอกจากวิเวียนกับรุ่นพี่แล้ว คนตัวเล็กก็ไม่ได้รู้จักใครในสถานที่นี้เป็นพิเศษ
ใบหน้าสวยจึงแหงนมองขึ้นไปบนชั้นสอง บังเอิญสายตาสอดประสานเข้ากับ ดวงตาอันคมกริบคู่หนึ่ง มองเธอด้วยสีหน้าราบเรียบ จากนั้นร่งหน้าก็ลุกเดินออกไป
ใบหน้าคุ้นตา ดวงตาคุ้นเคย….คน ๆ นี้คืออัลเฟรด แน่นอน
แม้ว่าหญิงสาวจะทำเป็นเข้มแข็งแต่แผลในใจยังคงสดใหม่ เมื่อเห็นใบหน้าของอัลเฟรด ความเจ็บปวดภายในใจก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง….ทำไม…..ทั้ง ๆ ที่จะหนีให้พ้นแล้วแท้ ๆ…. ทำไม…ถึงเรียกให้ไปพบอีก…เขาวางแผนอะไรไว้อีก…..แค่นี้ยังหลอกลวงไม่พองั้นเหรอ
หรือว่าวันนี้จะถามให้ชัดเจนไปเลย หากปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังต่อไป คนที่ไม่สบายใจก็ยังคงเป็นเธอ…. ผิดกับเขายังคงมีท่าทีสบาย ๆ ไม่ได้เดือดร้อน หรือแยแสใด ๆ
“ยัยรินแกเป็นอะไร” วิเวียนถามเพื่อนสาว เมื่อเห็นว่ามิชรินทร์มีสีหน้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
“….”
“ยัยริน!” หญิงสาวถามเสียงเข้ม พร้อมกับพยายามขับไล่อาการมึนเมาที่มีก่อนหน้านี้ไปให้หมด ดวงตาของวิเวียนพยายามเพ่งเล็งไปยังด้านบน เพราะเมื่อสักครู่แอบเห็นเพื่อนสาวมองไปเพียงแวบเดียว
นั่นมัน….อัลเฟรด….ทายาทตระกูลดัง….ที่มาหลอกฟันยัยริน…
“เดี๋ยวฉันมานะ”
“แกโอเคไหมยัยริน…”
“หลังจากนี้ก็โอเคแล้ว…”
“แล้วนี่แกจะไปไหน” วิเวียนเอ่ยถามเพื่อนสาวคนสนิท เพราะดูออกว่า เธอกำลังจะตามผู้ชายเมื่อครู่ไป
“….” คนตัวเล็กไม่พูดอะไร ยังคงมองตามแผ่นหลังหนานั้นออกไป ทันทีร่างบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผู้เป็นเพื่อนสาวจึงเอ่ยออกมาว่า
“แกคงไม่ได้จะไปตามเขาเพื่อให้เขากลับมาหรอกนะ”
มิชรินทร์หันขวับ เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ใบหน้าสวยยังคงไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา จากนั้นพูดออกมาอย่างหนักแน่นว่า
“วางใจเถอะ หญ้ามีไว้ให้ควายกินก็พอแล้ว…”
“โอ้ ชะนีน้อยของฉัน โตขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว”
“อืม แกบอกฉันเอง ถ้าฉันไม่รู้แสดงว่าฉันไม่โง่ แต่หากว่ารู้แล้ว ยังยอมให้เขาหลอกซ้ำซาก ถึงเรียกว่าโง่ ฉันอยากรู้ว่าทั้งหมดมันหมายความว่าอะไร ถ้าฉันรู้แล้วจะได้ถอย ฉันแค่ต้องการคำตอบ ไม่ใช่แค่ท่าทีที่ห่างเหิน หรือการที่เขาไม่พูดอะไรเลย”
“โอ้ ความรักครั้งแรก ทำให้ชะนีน้อยด้อยประสบการณ์โตขึ้นจริง ๆ ด้วย งั้นแกไปเถอะ ฉันรออยู่นี่นะ อย่าหนีไปกับใครนะ”
“โอเคจ้ะ วิเวียน”