บทที่ 19 เพื่อนสาวคนสนิท
ภายในรถแท็กซี่ ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ กับร่างเล็กที่พิงเบาะด้านหลัง ขอบตาของเธอยังคงบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก หญิงสาวพ่นลมหายใจหนักออกมา พร้อมกับค่อย ๆ ปิดเปลือกตาสีชมพูลงเบา ๆ เพื่อพักสายตา จากนั้นมือเรียวเล็กดึงเสื้อคลุมตัวบางกระชับห่อตัวให้แน่นขึ้น เพื่อคลายความหนาวลงบ้าง อากาศที่หนาวเย็นแบบนี้ทำให้เจ้าของใบหน้าสวยอดคิดถึง บรรยากาศภายในห้องของทายาทตระกูลดังไม่ได้
คืนนั้นของเธอและเขา….เต็มไปด้วยการหลอกลวง
~ครืด ครืด ครืด~ เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋า ทำให้ดวงตากลมโตค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะเอื้อมมือล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมา
หน้าจอโทรศัพท์โชว์หรา เป็นชื่อของ ‘วิเวียน’ ใบหน้าสวยเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจว่าทำไมเพื่อนสนิทถึงได้โทรมาหา หลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันนานจนเกือบปี เพราะตั้งแต่ที่เรียนจบ ทุกคนต่างแยกย้ายกันเติบโต เวลาไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่นัก มิชรินทร์ไม่รอช้า ใช้นิ้วเรียวเล็กเลื่อนโทรศัพท์เพื่อรับสาย เพื่อนสาวคนสนิททันที
“ฮัลโหล แก ว่าไง”
[ยัยริน ยัยตัวดี….แกไปอยู่ที่ไหนเนี่ย ฉันมาหาแกที่บริษัท และที่บ้าน ไม่เห็นมีแม้แต่วี่แววของการมีชีวิตอยู่เลย….ย้ายบ้านเหรอทำไมไม่บอกฉัน แล้วแกปิดบริษัททำไม ฉันงง….ทักไปก็ไม่ตอบ แกยังมีชีวิตอยู่ไหมเนี่ย ]
เสียงแหลมปรี๊ดของเพื่อนสาวคนสนิท พ่นออกมาเสียงดังจนบาดหู ทำให้มิชรินทร์ต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับถือโทรศัพท์ให้ห่างจากหูเอาไว้หน่อย ไม่เช่นนั้นได้หูดับแน่ แถมวิเวียนรัวคำถาม ไม่เว้นช่องว่างให้มิชรินทร์ได้ตอบเลย
“ใจเย็น ๆ แก เรื่องมันยาว”
[ยาวแค่ไหนฉันก็จะฟัง…แล้วนี่แกอยู่ไหน ย้ายไปไหน]
“ฉันย้ายมาอยู่คอนโดแถวสาธุประดิษฐ์ 52 ชื่อคอนโดรมินดา”
[อุ้ย! บังเอิญจังอยู่ใกล้กันด้วยเดี๋ยวฉันไปหานะจ้ะ]
“หือ ลมอะไรถึงหอบแกมาหาฉันอะ แล้วนี่ว่างงานเหรอวิเวียน ปกติทำงานจนไม่มีเวลา”
[ลมเพลมพัดมั้ง ฉันอยากมาหาเพื่อนรัก ไม่ได้หรือไงยะ แกนี่ถ้าไม่มีฉันคงไม่มีเพื่อนคบแล้ว ยังจะมาถามอีก ]
“จ้ะ ได้เลย…มาหาได้เลยเพื่อนรัก อีก 15 นาทีถึง” มิชรินทร์พูดเอาใจกึ่งประชดเพื่อนคนสนิท
[โอเคได้เลย ฉันรอด้านล่างตึกนะ มีเรื่องจะเม้าส์เยอะแยะ คันปากมาก]
ณ คอนโดรมินดา
ร่างบางระหงก้าวขาลงจากรถแท็กซี่ พร้อมกับกวาดสายตามองหาวิเวียน
“ไหนบอกว่ารอด่านล่างตึกไง แล้วหายไปไหน” ปากเล็กพึมพำเบา ๆ ดวงตาคู่งามยังคงมองหาเพื่อนสนิทไปด้วย
ทันใดนั้นเอง
“ยัยริน!!!!” เสียงเรียกอย่างดังค่อนข้างคุ้นหู พร้อมด้วยมือเล็ก ๆ มาแตะที่ไหล่ ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ และบ่นเพื่อนสาวคนสนิททันที
“วิเวียน เล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมด…”
“แกล้งไง”
“-__-” เจ้าของใบหน้าสวยหุบยิ้ม แสดงใบหน้าที่เรียบนิ่งทันที เมื่อวิเวียนเห็นว่าเพื่อนสาวคนสนิทไม่มีอารมณ์จะเล่นจึงรูดซิปปากทันใด ทำได้เพียงเดินตามมิชรินทร์ขึ้นคอนโดอย่างเงียบ ๆ
แกร๊ก !
มือเล็กเปิดประตูเข้าไปในคอนโดขนาดกลาง แขวนกระเป๋าไว้เสาแขวนผ้า จากนั้นหย่อนก้นอันกลมกลึงนั่งบนโซฟา พร้อมด้วยวิเวียนเดินมานั่งด้านข้าง
วิเวียนสังเกตใบหน้าของคนตัวเล็กก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เพราะใบหน้าของเธอนิ่งเกินไป ดวงตาบวมช้ำ น่าจะพึ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาแน่นอน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสาวคนสนิท ไม่รอช้าวิเวียนถามมิชรินทร์ทันที
“ยัยริน…แกเป็นอะไร”
“วิเวียน….ฮึก…” ริมฝีปากสวยเบะปาก น้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง หากมีคนถามหรือคนปลอบใจทีไร ต่อมน้ำตาตื้นตลอด
“เฮ้ย…ยัยริน…อย่าร้องนะ…” เพื่อนสาวเลิ่กลัก ยกมือขึ้นห้ามเป็นพัลวัน เพราะมันยากนักที่จะเห็นมิชรินทร์ร้องไห้ ตั้งแต่ที่คบกันมาเธอไม่เคยเห็นคนตรงหน้าร้องไห้เลย
“ฮึก…”
“อย่านะ…ฮึบไว้…หายใจเข้าลึก ๆ ” วิเวียนบอกคนตัวเล็กอย่างใจเย็น ส่วนเพื่อนสาวคนสนิทก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“นั่นแหละ…ดีแล้ว…ฮึบ…โอเค…แกโอเคยัง”
“…อืม” มิชรินทร์ตอบพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ
“อะ ทีนี้เล่าให้ฉันฟังได้ยัง”
ปากเล็กไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าให้แทนคำตอบ จากนั้นหญิงสาวก็ได้เล่าเรื่องตั้งแต่เริ่มแรกให้เพื่อนสาวคนสนิทฟังทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งความสัมพันธ์ของเธอและทายาทตระกูลดัง
วิเวียนนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ แต่ยังคงแสดงใบหน้าตกใจดวงตาเบิกโพลงเป็นระยะ ๆ วันนี้ว่าจะมาเม้าส์ให้เพื่อนสาวคนสนิทฟังเรื่องของตัวเอง ทว่าต้องมานั่งฟังเรื่องของคนตรงหน้านี้ซะงั้น
“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันถึงร้องไห้ขี้มูกโป่งตาบวมเป็นอึ่งไข่แบบนี้…”
หลังจากที่วิเวียนสรุปใจความเรื่องสำคัญทั้งหมดได้ จึงได้โพล่งออกมาด้วยความตกใจว่า
“โอ้…ความสามารถหายไป ธุรกิจพังทลาย แถมยังโดนผู้ชายฟันแล้วทิ้ง…โถ ยัยรินน้อยของฉัน” เธอพูดพร้อมกับโน้มตัวไปกอดปลอบเพื่อนสาวคนสนิทเบา ๆ แล้วพูดต่อว่า
“อืม..แต่ผู้ชายที่มาหลอกฟันแกเนี่ย คืออัลเฟรด เป็นผู้ชายที่หล่อ แถมยังเป็นทายาทตระกูลดังอีก ชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้ เรื่องฉาวในวงการผู้หญิงคืออันดับหนึ่งเลยนะ ฉันงง แกไม่รู้จักได้อย่างไร เขาน่ะมันเสือตัวพ่อเลยนะ”
“อือ ฉันโง่ใช่ไหมล่ะ” มิชรินทร์ตัดพ้อ
“แกไม่ได้โง่หรอก ยัยริน…แกแค่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคน ประสบการณ์ชีวิตของแกน้อยเกินไป ครั้งแรกไม่ได้เรียกว่าโง่ แต่ถ้าแกรู้แล้วยังให้เขาหลอกซ้ำซาก แบบนั้นแหละที่เรียกว่าโง่”
“แล้วฉันต้องทำยังไง…” ปากเล็กเอ่ยถามอย่างอับจนหนทาง
“ออกไปหาประสบการณ์สิจ้ะ เพื่อนสาว” วิเวียนยิ้มร่า พลางเอื้อมมือไปกอดคอคนตัวเล็ก ส่วนมิชรินทร์ยังคงนั่งงงเป็นไก่ตาแตก ประสบการณ์ที่ว่านั่นต้องไปหาอย่างไร จากนั้นริมฝีปากเล็กจึงได้เอ่ยถามเพื่อนสาวคนสนิทไปว่า
“ไปหาที่ไหน”
“เอาล่ะ เข้าประเด็นเลยนะ…วันนี้ฉันจะชวนแกไปผับ เปิดหูเปิดตา…อย่าได้เสียใจไปเลย…ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก”
“ฉันไม่เคยไปผับ…และยังไม่เคยดื่มหนัก” ปากเล็กพูดอย่างเป็นกังวลใจ ถ้าหากเธอเมาแบบคืนนั้นอีกจะทำอย่างไร กลัวว่าจะเผลอตัวไปนอนผิดที่เหมือนตอนอยู่ที่บ้านตระกูลอัล อีกอย่างหากเธอเมา ไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะกลับบ้านเองถูก
“ไม่ไปก็ต้องหัดไปจ้ะ เพื่อนรัก…หากแกไม่ดื่มฉันไม่บังคับ แกไปนั่งฟังเพลงดื่มแป๊บซี่ ซึมซับบรรยากาศ ดูผู้งานดี ๆ แค่นั้นก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจแล้ว หรือหากแกจะดื่มฉันไม่ว่า ถ้าแกเมา ฉันพาแกกลับเองยัยริน…ฉันจะค้างที่ห้องแกด้วย…เฝ้าแกไม่ห่างเลย” วิเวียนพูดอย่างแน่วแน่ ชูสามนิ้วขึ้นมา คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์เพื่อสาบาน
มิชรินทร์อมยิ้มน้อย ๆ กับท่าทางคะยั้นคะยอของเพื่อนสาวคนสนิท ท่าทีของวิเวียนไม่ได้โกหก เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมา วิเวียนไว้ใจได้ คำไหนคำนั้นตลอด ส่วนเรื่องที่ดูผู้งานดี ๆ รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจ นั่นคงเป็นจุดประสงค์ของการมาชวนเธอไปผับในครั้งนี้
“ตกลง” มิชรินทร์รับคำ
“ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนรัก…น่ารักที่สุดในโลกเลย…” วิเวียนเอ่ยชม คนตัวเล็กไม่หยุดปาก พลางเอามือนิ่ม ๆ ไปหยิกแก้มของมิชรินทร์เบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
เพียงชั่วพริบตาร่างเล็กหยุดชะงักกึก เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เสื้อผ้าของเธอมีอยู่เพียงไม่กี่ชุด มีแต่ชุดทำงานแบบเรียบ ๆ นอกนั้นมีแต่ชุดนอน
“ชุดล่ะ” ปากเล็กพึมพำ จากนั้นร่างเพรียวเตรียมที่จะลุกขึ้นไปเปิดดูตู้เสื้อผ้าทันที
จะนุ่งขาวห่มขาว…หรือจะแต่งเป็นหมอดูไปได้ไหมนะ
ทันใดนั้นเอง เพื่อนสาวคนสนิทก็ฉุดข้อมือเล็กให้นั่งลง
“แกไม่ต้องห่วงเรื่องชุด ฉันเตรียมมาจ้ะ” วิเวียนพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าในถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อน ๆ พูดกับชูมันขึ้น แล้วคลี่ชุดให้มิชรินทร์ดู เป็นชุดเดรสสีแดงรัดรูป ขนาดพอดีตัวของคนตัวเล็ก แต่หน้าอกไม่เล็ก หากมิชรินทร์ใส่คนคงจะจับจ้อมมาที่หน้าอกของเธอแทนใบหน้าแน่ ๆ
“วิเวียน มันโป๊ไปไหม”
“ไม่โป๊หรอกแก ใคร ๆ ก็ใส่กันแบบนี้ เดี๋ยวฉันเอาเสื้อคลุมไปเผื่อ เผื่อว่าแอร์มันเย็น”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ วันนี้แหละ ชะนี่น้อย ด้อยประสบการณ์อย่างแก จะได้เฉิดฉาย”
“โอเค ใส่ก็ได้แต่ไม่กลับดึกนะ พรุ่งนี้ฉันต้องทำงาน…” ปากเล็กตอบวิเวียนอย่างจำยอม
“ดีล ไม่เกิน 5 ทุ่ม”
“แล้วผับที่ว่าชื่ออะไรเหรอ”
“เป็นผับเปิดใหม่ ชื่อว่า Foxy Bar เป็นย่านของคนรวย คนดัง มักจะไปสิงสู่ บางทีนะ แกอาจจะไปสะดุดตาเศรษฐีหนุ่มคนไหนเข้าก็ได้”
วิเวียนยิ้มร่า แววตาเป็นประกายระยิบระยับ ต่างจากคนตัวเล็กทำหน้าขยาด เพราะกลัวว่าคนรวยพวกนั้นจะเหมือน ๆ กันหมด…ไม่มีความจริงใจ