บทที่ 1 หมอดูแห่งตำหนักบุพเพ…คุณชายอัลเฟรดแห่งตระกูลอัล
บทที่ 1
หมอดูแห่งตำหนักบุพเพ…คุณชายอัลเฟรดแห่งตระกูลอัล
ตึก!
ตึก!
เสียงฝีเท้าก้าวเดินของร่างบางระหง ดวงหน้าเรียวเล็ก สวมชุดผ้าคลุมสีดำยาวเกือบถึงปลายเท้า ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากสีดำ จะเห็นแค่ดวงตาและปากสีแดงสดเพียงเท่านั้น ลักษณะของเธอตอนนี้คล้ายกับ นักมายากล ทว่าเธอไม่ใช่นักมายากล แต่เธอเป็นหมอดู
หญิงสาวกำลังสาวเท้าเดินเข้าไปยังตำหนักบุพเพ ซึ่งเป็นสำนักดูดวงเนื้อคู่ให้กับหนุ่มสาวที่แม่นที่สุดในประเทศ
เธอมีอายุประมาณ 24 ปี มีชื่อว่า มิชรินทร์ ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ทุกครั้งที่เธอแตะตัวคนโสด จะสามารถมองเห็นลักษณะของ
เนื้อคู่ของผู้คนที่แตะตัวได้แม่นยำ
ตอนที่มิชรินทร์อายุได้ประมาณ 5 ขวบเศษ พ่อกับแม่ของเธอได้พาไปเยี่ยมคุณป้าที่ต่างจังหวัด ป้าของมิชรินทร์ครองตัวเป็นโสด มา 35 ปี ชั่วทั้งชีวิตนี้คุณป้าไม่เคยมีความรัก และมักจะเสาะตามหาความรักอยู่เสมอ ทว่ากลับไม่พบเจอ จนถอดใจ
จนกระทั่งมิชรินทร์ได้เอ่ยปากบอกว่า เนื้อคู่ของคุณป้า คือคุณลุงที่อยู่ข้างบ้าน อีกสองวันคุณลุงจะนำของฝากมาให้ และสารภาพรักกับคุณป้า
คุณป้าของมิชรินทร์ยิ้มอย่างเอ็นดู เอื้อมมือมาลูบหัวของเธอ
เบา ๆ ป้าไม่สนิทกับคุณลุงข้างบ้านด้วยซ้ำ จะมาชอบได้อย่างไร คุณป้าคิดว่าเด็กมักจะพูดไปเรื่อยเปื่อย มักจะไม่เป็นความจริง
เมื่อผ่านไปสองวัน คุณลุงข้างบ้านมาสารภาพรักกับคุณป้าจริง ๆ ป้าของมิชรินทร์ดีใจมาก ตัดสินใจคบหากัน หนึ่งเดือนถัดมาคุณป้าแต่งงานทันที และได้บอกพ่อกับแม่ของมิชรินทร์ว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสิ่งนี้คือความสามารถพิเศษ
เดิมทีพ่อกับแม่ของมิชรินทร์ไม่เชื่อว่า ลูกสาวจะมองเห็นได้จริงจึงได้ลองพาไปหาญาติ ๆ ใกล้ตัวเพื่อพิสูจน์ความจริง ผลปรากฎว่า คน ตัวเล็ก มีความสามารถดูเนื้อคู่ หาคู่ให้คนโสดได้จริง ๆ
ตั้งแต่นั้นมามิชรินทร์ได้เข้าวงการดูดวง ดูเนื้อคู่ให้คนโสด ควบคู่กับการเรียนไปด้วย พ่อกับแม่ของเธอสนับสนุนหญิงสาวทุกทาง กอบโกยรายได้มหาศาล มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ จนกระทั่งเปิดกิจการจนกลายเป็นบริษัทที่มีชื่อว่า ตำหนักบุพเพ
ทุกวันจะมีลูกค้าจองคิวยาวเหยียดตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพื่อมาดูลักษณะเนื้อคู่กับหมอดูน้อย วันนี้ก็เช่นกัน ลูกค้าที่บริษัทเข้ามาใช้บริการต่อคิวกันมาอย่างแน่นขนัด
มิชรินทร์ที่อยู่ในชุดคล้ายนักมายากลยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เธอมีเงินมีทองใช้ ซื้อของแบรนด์เนม
ลิมิเต็ดได้ทุกชิ้นเท่าที่ใจต้องการ ความสามารถนี้พิเศษจริง ๆ
หญิงสาวเดินมานั่งเก้าอี้เบาะนุ่มอย่างสง่าผ่าเผยวางมาดราวกับนางพญา ทำให้ลูกค้าที่เห็นต่างเลื่อมใส และเคารพเธอ
ผู้เป็นแม่เห็นลูกสาวได้เข้ามานั่งที่เรียบร้อยแล้ว ยกมือข้างขวาขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ผู้เป็นพ่อฉายแสงเอฟเฟคสีส้มประกายทองมายังร่างบางของมิชรินทร์
เสียงฮือฮาของเหล่าลูกค้าดังอื้ออึง เธอสวยและน่าเลื่อมใส น่าเชื่อถือจริง ๆ แม่ของมิชรินทร์ยิ้มด้วยความพึงพอใจ แล้วเอ่ยปาก
“คิวที่ 1 เชิญมานั่ง…”
อีกด้าน
ณ บ้านตระกูลอัล
ตระกูลอัลเป็นตระกูลที่ร่ำรวยติดอันดับท็อปสิบในประเทศไทย ซึ่งน้อยคนนัก ที่จะไม่รู้จักคุณหญิง คุณชายแห่งตระกูลอัล
คุณหญิงวาสนาเป็นหญิงไทยแท้ได้พบรักกับสามีที่ประเทศอิตาลี มีลูกชายจำนวน 3 คน เป็นลูกครึ่งไทย - อิตาลี
ลูกของคุณหญิงวาสนา คนโตมีชื่อว่า อัลเฟรด อายุ 30 ปี คนกลางชื่อ อัลฟ่า อายุ 28 ปี คนเล็ก ชื่อ อัลตร้า อายุ 25 ปี
อัลฟ่าและอัลตร้าได้แต่งงานมีครอบครัวโดยการที่คุณหญิง จับมือลูกชายไปหาหมอดูน้อยซึ่งกำลังโด่งดังเป็นกระแสที่ตำหนักบุพเพ เพราะคุณหญิงเป็นสายมูตั้งแต่ยังเป็นสาว และค่อนข้างเชื่อหมอดูน้อย คนนั้นแบบสนิทใจ ลักษณะลูกสะใภ้ที่หนูน้อยคนนั้นพูด ล้วนตรงกันทุกประการ
ทว่าคุณหญิงเป็นสายมู แต่ลูกชายคนโตกลับเกลียดการดูดวงเอามาก ๆ ไม่แม้แต่จะอยากไป คุณหญิงจึงเลือกวิธีการอื่นแทน ทั้งนัดบอร์ดพาลูกชายไปเจอลูก ๆ ของเพื่อนสนิท เพื่อนห่าง ๆ บ้าง แต่อัลเฟรด ลูกชายวัย 30 ปีต้น ๆ ไม่ยอมมีความรัก ไม่สนใจผู้หญิง จนคุณหญิงต้องกุมขมับ กลัวว่าจะไม่ได้อุ้มหลานก่อนตาย
วันนี้คุณหญิงจึงวางแผนให้อัลเฟรดไปดูเนื้อคู่ของตนเองให้ได้ จากนั้นให้แม่หนูที่มีลักษณะตรงกันกับเนื้อคู่ของลูกชายมาอยู่บ้านนี้เสียเลย ลองดูกันซักตั้งว่าเนื้อคู่มาอยู่ในบ้านอัลเฟรดจะหวั่นไหวหรือไม่
คุณหญิงวาสนานึกไปยิ้มไปอย่างพึงพอใจ นั่งด้วยท่าที่สบายอยู่บนโซฟา ส่วนอัลเฟรดที่กำลังลงจากบันไดมา มือหนากำลังติดกระดุมแขนเสื้ออยู่ ปรายตามองคุณหญิงเพียงแวบเดียว ได้แต่งุนงงว่า แม่ของเขามีความสุขอะไร กับการชวนไปทานข้าวนอกบ้านในครั้งนี้…
“มาแล้วเหรอ อัลเฟรดสุดหล่อของแม่…มาด่วน ๆ เลยเดี๋ยวไม่ทัน” คุณหญิงวาสนาพูดด้วยน้ำเสียงหวานแหวว ยิ้มกว้างให้ลูกชาย พลางลุกขึ้นจากโซฟา คว้าข้อมือของอัลเฟรดเดินออกมายังรถ BMW คันหรู
ร่างสูงที่ถูกลากออกมา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ว่าทำไมไปทานข้าวนอกบ้านของคุณแม่….เดี๋ยวจะไม่ทัน…
อัลเฟรดได้แต่สงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา เนื่องจากเขาเป็นที่นิ่งขรึม ไม่ค่อยพูด ราวกับดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก
“ออกรถเลยลูก เดี๋ยวแม่บอกทางเอง^^”
คุณหญิงเร่งเร้าอีกรอบ ไม่วายทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วเป็นปม แต่ด้วยความไม่อยากพูดอะไรมาก จึงได้ตอบคุณหญิงวาสนาไปว่า
“ครับ”
จากนั้น รถ BMW คันหรู ได้มุ่งหน้าไปยังตำหนักบุพเพ โดยที่อัลเฟรดเข้าว่า จะไปทานข้าวนอกบ้านเพียงเท่านั้น