ตอนที่ 15
หนึ่งคนรักด้วยความตั้งใจ…อีกคนบอกรักจากการหลอกลวง
หมับ !
“อ๊ะ….พี่เฟรดทะ…ทำอะไรคะ…”
“เปลี่ยนท่า” ว่าแล้ว คนตัวสูงก็จัดการอุ้มร่างบางที่ยังคงเชื่อมติดอยู่กับตัวเองใช้มือหนาพลิกตัวมิชรินทร์ให้นอนคว่ำลง ส่งผลให้แท่งร้อนหนาหลุดออกจากรูกลีบสวยในทันใด ทว่าเพียงไม่กี่วินาทีที่หลุดออก
ชายหนุ่มก็ก้มลงไปจับร่างบางนอนคว่ำพร้อมกับเสียบแก่นกายหนากลับเข้าไปยังภายในรูร่องอมชมพูใหม่
“อื้อ!!” มิชรินทร์ร้องเสียงหลงออกมาในทันทีที่ความใหญ่โตสอดใส่กลับเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
พรึบ
มือแกร่งของคนที่คร่อมอยู่ด้านหลังกลับจับล็อกร่างเล็กไว้แน่นพร้อมกับตอกอัดเข้าใส่ร่องกลีบตรงหน้าอย่างหนักหน่วง
”อึก….พี่…พี่เฟรดคะ มันลึกเกินไปแล้วค่ะ..รินจุก…เบาๆหน่อยได้ไหมคะ” คนตัวเล็กร้องบอกชายหนุ่มที่คร่อมอยู่ทางด้านหลังให้เบาลง ทว่าเขากลับไม่แยแสใด ๆ เพราะถูกความพิศวาสครอบงำ ได้แต่กระแทกกระทั้นภายในช่องกลับสีหวานไม่ยั้ง
“พะ…พี่…พี่เฟรด…คะ…อ๊ะ!”
“ทำไม…”
“เบาๆ หน่อยได้ไหมคะ…อื้อ…”
“ทำไม” เขายังคงถามคนใต้ร่างต่อ
“จุก..เกินไปค่ะ..”
“อืม” ชายหนุ่มรับปากแต่ยังคงกระทำเหมือนเดิม ราวกับรับปากไปส่ง ๆ เขายังคงเอาแต่ใจตัวเอง
“อาา.…” เสียงครางต่ำดังออกมาจากคนตัวสูงด้วยความพอใจและเสียวซ่าน ยังคงเอาแต่ใจและเอาเปรียบร่างกายของคนตัวเล็ก
ตับ! ตับ! ตับ!
“อ๊า…อ๊ะ…” ปากเล็กครางออกมาตามจังหวะเข้าออกของแท่งอุ่นร้อน พยายามเอามือเล็กไขว้หลังผลักเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาออก แต่ยิ่งเธอห้ามเขาเท่าไหร่
ปึก ปึก ปึก!
เขายิ่งขยับแรงขึ้นมากเท่านั้น…จนร่างเล็กหัวโยกหัวคลอนตามแรงที่กระแทกเข้ามา
“อา…ตอดแรงดี” อัลเฟรดบอกพลางเคลื่อนมือไปบีบเคล้นเนินเนื้ออันนุ่มนิ่ม พร้อมกับส่งแรงกระแทกกระทั้นไม่ยอมหยุด
จนกระทั่ง………… แก่นกายหนากระตุกพ่นน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนล้นทะลักจากถ้ำแคบ ๆ จากนั้นชายหนุ่มจึงถอนแก่นกายอุ่นร้อนออกมา แล้วลุกออกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างออก ต่างจากคนตัวเล็กรู้สึกหมดแรงจนนอนฟุบคว่ำหน้าอยู่บนเตียง
การกระทำของเขา ไม่ปรานีเธอเลย….
ผ่านไปครู่หนึ่ง
อัลเฟรดออกมาจากห้องน้ำด้วยเนื้อตัวที่ยังไม่แห้งสนิท ยังคงมีหยดน้ำเกาะตามร่างกาย ไรผมเปียกชื้นหน่อย ๆ ส่งผลให้ดูหล่อเหลาขึ้นกว่าเดิมในสายตาของคนตัวเล็ก
มิชรินทร์จ้องมองอัลเฟรดตาแป๋ว หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอ กลัวว่าเขาจะมาต่ออีกครั้ง เพราะเขานั้นไม่เคยพอ ในขณะเดียวกันทายาทตระกูลดังกลับมองร่างเล็กด้วยแววตาที่เรียบนิ่งพร้อมกับเดินเข้ามาหามิชรินทร์ มือหนึ่งก็หยิบรีโมตแอร์มาปรับให้อุณภูมิต่ำลง จนหญิงสาวต้องทักท้วง
“หนาวอยู่แล้วปรับแอร์ให้ต่ำอีกทำไมคะ..”
“….” คนตัวสูงไม่พูดอะไร แต่เดินเข้ามาหาจนถึงเตียง จนร่างสูงขึ้นคร่อมคนตัวเล็กเอาไว้ พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปหาจนลมหายใจรินรดต้นคอของมิชรินทร์ จากนั้นชายหนุ่มกระซิบข้างหูของเธอเบา ๆ ว่า
“ต่อไหม…..”
“ -////- ” เจ้าของใบหน้าใสไม่ตอบอะไรคนตัวสูง ดวงตาหุบต่ำลง พร้อมกับใบหน้าที่ร้อนฉ่า ต่างจากอัลเฟรดมองใบหน้าของมิชรินทร์อย่างเรียบนิ่ง ถึงเธอไม่ยอมเธอก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธ เพราะชายหนุ่มมีวิธีการของเขา ที่จะทำให้หญิงสาวยอม…..
เช้าต่อมา เวลา 07:00 น.
ร่างเล็กตื่นตั้งแต่ฟ้ามืด เพราะเธอตั้งใจเอาไว้ว่าวันนี้จะลองให้แม่บ้านสอนทำอาหารเป็นครั้งแรก ดวงตาคู่งามตั้งใจฟังสาวใช้ที่ชื่อแดงอย่างตั้งใจ พร้อมกับเอ่ยถามแดงว่า
“แดงจ้ะ พี่เฟรดชอบทานอะไรบ้างเหรอ”
แดงที่ได้ยินก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะคำที่หญิงสาวตรงหน้าเรียก ราวกับสนิทสนมกับคุณชายผู้เป็นเจ้านายของตน หรือว่า ผู้หญิงคนนี้จะเป็นนายหญิงของบ้านคนใหม่จริง ๆ….. แดงไม่คิดอะไรมากได้แต่คลี่ยิ้มส่งให้มิชรินทร์ พร้อมกับบอกในสิ่งที่เจ้าของใบหน้าสวยอยากรู้
‘หากว่าเธอเป็นภรรยาในอนาคตของคุณอัลเฟรดคงจะดี เพราะเธอดูใจดี ไม่มีพิษภัยอะไร’ สาวใช้ได้แต่คิดในใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบคนตรงหน้าต่อ
“คุณชายทานได้หมดค่ะคุณริน…แต่ตอนนี้คุณชายอายุ 30 แล้ว ค่อนข้างเลือกทานอยู่ เพราะคุณชายค่อนข้างดูแลเรื่องสุขภาพ ส่วนใหญ่ที่แดงทำบ่อย ๆ จะเป็นผัดผักรวมมิตรกุ้ง…โจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้งค่ะ…”
“ อืม เมื่อครู่แดงสอนแกะกุ้งออกจากเปลือก แถมยังนำข้าวโอ๊ตออกมา…อ่อ งั้นแสดงว่าที่แดงจะสอนรินวันนี้คือเมนูโจ๊กข้าวโอ๊ตใช่ไหม เป็นอาหารที่ทานง่ายดีต่อสุขภาพ….” มิชรินทร์โพล่งออกมา พลางยิ้มกว้างไปด้วย
“ใช่ค่ะ”
“งั้นลงมือเลยจ้ะ เดี๋ยวรินเป็นลูกมือเอง ครั้งหน้าจะฉายเดี่ยวให้ดูแล้ว ฮ่าๆๆ”
“ฮ่า ๆ โอเคค่ะคุณรินงั้นเริ่มเลยนะ…”
“จ้ะ”
ภายในห้องครัวบ้านของตระกูลอัล อบอวลไปด้วยกลิ่นของความสุข และได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาเป็นระยะ ๆ ของหญิงสาวสองคนที่ลงมือทำอาหารอยู่ภายในครัว
เวลา 08.00 น.
หลังจากที่ได้ทำโจ๊กข้าวโอ๊ตเสร็จ มิชรินทร์สูดดมกลิ่นอาหารด้วยความหิวโหย เนื่องจากเมื่อคืนเรี่ยวแรงได้หายไปจนหมดสิ้น เพราะว่าคนตัวสูงเอาเปรียบร่างกายของเธอเยอะเกินไป
“ตื่นหรือยังนะ” ริมฝีปากอิ่ม พึมพำ ไม่รอช้าสองเท้าเล็กก็ถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องของทายาทตระกูลดัง
….อาหารเช้าสำคัญต่อร่างกาย คนรักสุขภาพเช่นเขาคงจะไม่ลืมกระมัง และเธอเองรู้สึกหิวจึงอยากทานข้าวพร้อมกับชายหนุ่ม อีกเรื่องหนึ่งคือ โจ๊กต้องทานตอนร้อน ๆ ถึงจะอร่อย…..
ณ ห้องของอัลเฟรด
“พี่เฟรดคะ…ตื่นหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกคุณชายตระกูลดัง พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังรอบ ๆ กลับพบว่าคนตัวสูงใส่ชุดสูทสีดำ กำลังติดกระดุมแขนเสื้อหนึ่งเม็ด ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้ว มองคนตัวเล็กที่ถือวิสาสะเข้ามา ทว่าแต่เขากลับไม่ต่อว่าอะไรเธอ เพราะตอนนี้มิชรินทร์ยังคงเป็นเหยื่อของชายหนุ่ม
“มีอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเรียบนิ่ง ดวงตาคมกริบตวัดมองใบหน้างามเพียงแวบหนึ่ง พร้อมกับเปิดลิ้นชักหยิบเนกไทออกมา
“จะไปทำงานเหรอคะ” ปากเล็กถามอย่างสงสัย เพราะเธอรู้มาว่า 3 วันนี้ คือวันหยุดของชายหนุ่ม
“อืม”
อัลเฟรดตอบเพียงสั้น ๆ จากนั้นนำเนกไทออกมาเพื่อผูก เจ้าของใบหน้าสวยเห็นดังนั้น จึงได้เอ่ยปากช่วย แม้ว่าเขาจะไม่ร้องขอ ทว่าร่างเล็กอยากจะแก้ตัวที่เมื่อวานไม่ได้ทำหน้าที่
“เดี๋ยวรินผูกให้ค่ะ…”
ไม่รอช้าสองเท้าเล็กก็เดินเข้าไปใกล้ ๆ คนตัวสูงหยิบเนกไทจากมือของเขามาผูกให้ชายหนุ่ม ราวกับว่าเธอชำนาญแล้ว ดวงตาคมกริบของอัลเฟรดจ้องมองด้วยความประหลาดใจ
เมื่อวานผูกไม่เป็น…ทำไมวันนี้ผูกเป็น….
ใบหน้าเล็กแต้มด้วยรอยยิ้ม เงยหน้าขึ้นไปสบตาชายหนุ่มตรงหน้าที่มองเธอด้วยแววตาประหลาดใจ ริมฝีปากอิ่มจึงเอ่ยขึ้นมาเพื่อคลายข้อสงสัยของเขาว่า
“เมื่อวานรินไปหาพ่อกับแม่มาค่ะ พ่อของรินมีเนกไทอยู่อันหนึ่ง รินจึงลองหัดผูกดูค่ะ…ตอนนี้รินผูกเป็นแล้วนะคะ…รินผูกให้พี่ได้ทุกวันค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยความในใจออกมาตรง ๆ อย่างไม่ปิดบัง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มของความสุข ต่างจากชายหนุ่ม ไม่แสดงถึงความสะทกสะท้าน
ใด ๆ กับคำพูดของมิชรินทร์ ได้แต่ตอบคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“อืม”
“พี่เฟรดคะ…วันนี้รินให้แม่บ้านสอนทำอาหารค่ะ…เป็นโจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้งที่พี่เฟรดชอบ…รินช่วยทำอย่างสุดฝีมือเลยนะคะ…อยากให้พี่มาทานด้วยกัน”
“รินจึงถือวิสาสะเข้ามาตามพี่ในห้องค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ…รินแค่อยากทานข้าวพร้อมกัน…อ๋อ อีกอย่างต่อไปนี้รินจะฝึกทำอาหารค่ะ จะได้ทำให้พี่ทานทุกวัน…รินจะค่อย ๆ เรียนรู้นะคะ..” มิชรินทร์พูดอย่างแน่วแน่ แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
“อืม”
ทว่า…อัลเฟรดกลับตอบมาเพียงประโยคสั้น ๆ ทำให้ดวงตาคู่สวย หุบต่ำลง นัยน์ตาสีนิลหม่นลงชั่วครู่ จากนั้นก็เชยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าเพราะเธอกลัวว่าหากเธอเอ่ยปากขอให้ชายหนุ่มพูดกับเธอเยอะขึ้น จะทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไม่พึงพอใจ เพราะนิสัยเดิมของเขาไม่ใช่คนที่พูดอะไรเยอะ
แม้คนตัวเล็กจะรับรู้ได้ถึงความเฉยชา ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง หรือน้ำเสียงของเขา ทว่าเธอกลับไม่รู้อะไรเลย รู้เพียงแค่ว่า คงจะเป็นปกติของชายหนุ่ม เพราะว่าอัลเฟรดเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่….
ในเมื่ออัลเฟรดบอกว่าชอบเธอ….มิชรินทร์เองก็เชื่อเขา…