บทที่ 13 ภาพที่แวบเข้ามาในหัว
เวลา 21:30
ผับ Foxy Bar
ท่ามกลางแสงไฟหลากสี เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม อัลเฟรดทายาทตระกูลอัล ได้ก้าวขาเข้ามาภายในผับหรูย่านใจกลางเมือง แม้จะเป็นผับเปิดใหม่ แต่ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน
ทันทีที่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาได้ก้าวเท้าเข้ามาในผับหญิงสาวหลายคนต่างจับจ้องมองร่างสูงอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มผู้ที่มีอายุ 30 ต้น ๆ แถมยังเป็นเจ้าของบริษัทเอแอลกรุ๊ป พ่วงตำแหน่งทายาทตระกูลดัง ไม่มีคนไหนที่จะไม่รู้จักเขา
ตลอดทางเดินสาวใหญ่ สาวเล็กต่างส่งยิ้มหวานมาให้คนตัวสูงอย่างไม่ขาดสาย ท่าทีส่วนใหญ่ของหญิงสาวพวกนี้ คงไม่พ้นเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มสนใจ และต่างยินยอมพลีกายให้เขาทั้งสิ้น….
“หึ” ปากหนาส่งเสียงในลำคอยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยังคงมีสีหน้าที่นิ่งขรึม กวาดสายตามองหาเพื่อนของเขา
“ไอ้เฟรด ทางนี้!” เสียงอันคุ้นหู ทำให้คนตัวสูงต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง คนที่เรียกเขาว่าไอ้…คงไม่พ้นภาคิน เพื่อนคนสนิทของเขาแน่ ๆ
ทายาทตระกูลดังยังคงมีสีหน้านิ่งเรียบ เดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนสนิท
“เดี๋ยวฉันแนะนำให้แกรู้จัก นี่น้องเหมย น้องพิม น้องฝ้าย น้องที่คณะตอนเรียนมหาวิทยาลัยจำได้หรือเปล่า ตอนนี้น้องเขามาทำงานที่บริษัทของฉัน”
อัลเฟรดปรายตามองเพียงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าเบา ๆ
“สวัสดีค่ะ พี่เฟรด ไม่เจอกันนานยังหล่อเหมือนเดิมเลย” เหมยส่งยิ้มหวานให้อัลเฟรด แถมตบท้ายด้วยคำชม
“อืม”
“ส่วนนี่ กันต์น้องชายกู ทำงานอยู่บริษัทของมึงอะ คงเคยเห็นหน้าอยู่ใช่ไหม”
“เคย” ปากหนาตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง กันต์เป็นหัวหน้าแผนกที่บริษัทของเขา ทำงานได้ดี มีความรับผิดชอบ
“สวัสดีครับ…เอ่อ จะให้เรียกว่าท่านประธาน….”
“ไม่ต้อง…ไม่ใช่เวลาทำงาน”
“ครับผม” กันต์ก้มหน้าเล็กน้อย เนื่องจากเกรงกลัวประธานบริษัทที่เขาทำงานอยู่ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาโมโหกับงาน กลับขนลุกขนพองขึ้นมา ตอนนี้เห็นเขามาร่วมโต๊ะด้วยแบบนี้ในใจเริ่มรู้สึกผ่อนคลายความกดดันมากขึ้น
“เดี๋ยวไอ้เจ กับไอ้ฟรอด มันจะตามมา กำลังขออนุญาตเมียมันอยู่…คงมีแต่มึงกับกูที่ไม่มีเมียสักที….อิสระดีนะ มึงว่าไหม”
“อืม” อัลเฟรดตอบ
“แล้วกันต์ล่ะ แกเลิกกับแฟนมานาน มีสาวที่ไหนสนใจบ้างไหม แกจะโสดแบบพวกฉันไม่ได้นะ”
“มีแล้วครับคนที่สนใจ…”
“ใครวะ” ผู้เป็นพี่ชายถามด้วยความอยากรู้ เพราะน้องชายไม่เคยสนใจหญิงสาวคนไหนเลยตั้งแต่เลิกกับแฟนมาหลายปี
“เธอชื่อรินครับ…อยู่คอนโดเดียวกับผม ห้องตรงข้ามกัน…”
ริน…..ชื่อนี้ทำให้อัลเฟรดหูผึ่ง แต่ก็ยังคงมีใบหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิม
“เออ จับให้อยู่หมัดนะเว้ย อยู่ห้องตรงข้ามหมั่นไปหาบ่อย ๆ แล้วเผด็จศึกซะ” ผู้เป็นพี่ยังคงชี้แนะผู้เป็นน้อง ถึงวิธีการที่เขาได้ทำกับผู้หญิงส่วนใหญ่
“ผมไม่ใช่พี่นะครับ ผมไม่หวังเรื่องนั้นสักหน่อย” กันต์ตอบ
บทสนทนาของสองพี่น้อง ทำให้อัลเฟรดรู้สึกฉุนกึก เพราะทำให้เขานึกถึงเจ้าของใบหน้าสวยหวานนั้นขึ้นมา มือหนาจึงหยิบเหล้าในแก้วขึ้นกระดกเข้าปกรวดเดียวจนหมด
ปึก! เสียงแก้วกระแทกกับโต๊ะทำให้ภาคินหันกลับไปมองเพื่อนสนิทด้วยความประหลาดใจ
“เป็นอะไรวะ”
“…..” คนถูกถามยังคงไม่ตอบอะไร กระดกเหล้าเข้าปากซ้ำ ๆ จนกระทั่งเอ่ยปากพูดขึ้นมาเอง
“มีบุหรี่ไหมวะ” อัลเฟรดถาม
“มี…คนอย่างกูมีทุกอย่าง…อะเอาไป”
ภาคินหยิบบุหรี่ ขึ้นมาแล้วส่งให้เพื่อนหนึ่งห่อ มือหนารับซองบุหรี่มา แล้วเอ่ยถามว่า
“ไฟแช็ค…”
“ทำไมมึงไม่พกไฟแช็คเหมือนพกถุงยางบ้างวะ”
“…..”
“เออ ๆๆ เอาไป อารมณ์ดีก็กลับมา”
สาเหตุที่อัลเฟรดไม่ได้พกบุหรี่ เป็นเพราะเขาไม่ชอบดูดบุหรี่ ทว่าวันนี้กลับรู้สึกอยากลองดูดมันอีกครั้ง
เท้าหนาเดินออกมาด้านหลังของผับ มันเป็นพื้นที่ลับตาคน เขาเองก็ไม่ชอบให้ใครเห็นว่าเขาดูดบุหรี่ จึงได้แอบมาอย่างลับ ๆ
อัลเฟรดค่อนข้างซีเรียสเรื่องชื่อเสียงหน้าตาของบริษัท จึงคิดทุกอย่างอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ คงเป็นเพราะเหตุนี้ผู้เป็นแม่จึงไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร
“ออกมาทำไมคะ มีเรื่องเครียดอะไรระบายให้เหมยฟังได้นะ” เสียงหวานเล็กพูดออกมาจากทางด้านหลัง ทำให้คนตัวสูงหันขวับปรายตามองเธอเล็กน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า หุ่นดี หน้าอกใหญ่ เอวคอด แต่งหน้าจัดจ้าน แม้จะไม่ใช่สเปคแต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง
เมื่อสำรวจร่างกายเธอครู่หนึ่ง เขาก็โยนบุหรี่ที่อยู่ในมือทิ้ง พร้อมกับใช้เท้าบดขยี้บุหรี่ให้ดับ มือหนายังคงหยิบลูกอมกลิ่นมิ้นท์เข้าปาก มองหญิงสาวที่ชื่อเหมยอย่างใจเย็น
“หากไม่เล่า ไปต่อที่ห้องเหมยดีไหมคะ” หญิงสาวยังคงพูดจาเชื้อเชิญ อัลเฟรดรับรู้ได้ทันทีว่าความหมายที่คนตรงหน้าจะสื่อนั้น หมายความว่าอะไร คนตัวสูงค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปหารุ่นน้องอย่างใกล้ชิด จากนั้นโน้มตัวเข้าไปกระซิบเบา ๆ ใกล้ ๆ หูของเหมยว่า
“ไปสิ แต่เธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวของฉันนะ เพราะฉันไม่ชอบให้ใครทำตัวเป็นเจ้าของ ยอมไหม…” ปากหนาพูดเสียงต่ำเบา ๆ ผู้หญิงทุกคนที่เขาจะมีความสัมพันธ์ด้วย ต้องบอกจุดประสงค์ที่ชัดเจนกับพวกเธออยู่ตลอด
ลมหายใจของรุ่นพี่รินรดต้นคอของเหมย ทำให้เธอพูดออกมาอย่างแน่วแน่ว่า
“ยอมค่ะ…”
หึ…. ผู้หญิงก็ง่ายเหมือนกันหมด
“เดี๋ยวเหมย ไปบอกพี่ ๆ เขาก่อนนะคะ ว่าขอกลับก่อน…”
“ไม่ต้อง…เดี๋ยวฉันบอกเอง”
สิ้นคำพูดของทายาทตระกูลดัง มือหนาก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาพิมพ์ข้อความส่งหาเพื่อนคนสนิท
อัลเฟรด : กูกลับก่อนนะ เดี๋ยวแวะไปส่งน้องเหมยด้วย
ภาคิน : เออ อย่ารุนแรงกับน้องนักนะเว้ย
ภาคินตอบกลับมาอย่างรู้ทันเพื่อนสนิท ส่วนอัลเฟรดไม่ได้ตอบอะไร ถึงยังไงภาคินก็รู้ว่าเขาจะทำอะไร
ณ คอนโดของเหมย
เมื่อมาถึงคอนโดหรูของรุ่นน้อง อัลเฟรดไม่รอช้า ผลักร่างของเธอลงบนเตียง แล้วขึ้นคร่อมเธอเอาไว้ทันที มือหนาจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่พันธนาการร่างของเขาและเหมยออกอย่างง่ายดาย เพียงชั่วพริบตาทั้งสองคนก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ชายหนุ่มที่มากประสบการณ์เรื่องรักบนเตียง ไม่รีรอ หยิบถุงยางอนามัยในกระเป๋ากางเกงขนาด 56 ออกมาสวมใส่
“ไม่จูบหน่อยหรือคะ” เหมยยังคงทักท้วงเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ
“…..” คนตัวสูงเงียบ ด้วยความขัดใจ จึงใช้มือหนาหนึ่งข้างบีบเคล้นหน้าอกของรุ่นน้องอย่างแรงจนเธอครางออกมาเบา ๆ
“อื้อ….”
จากนั้นอัลเฟรดโน้มตัวเข้าไปหาเหมย รุ่นน้องหลับตาพริ้มเพื่อรอรับจุมพิตอันหอมหวานจากรุ่นพี่ตัวสูง ทันทีที่ริมฝีปากหนาจะประกบไปยังริมฝีปากบาง ภาพของมิชรินทร์ก็ซ้อนทับเหมยขึ้นมา ทำให้เจ้าของทายาทตระกูลดัง ชะงักเคลื่อนใบหน้าออกจากเหมยทันที
หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา อย่างขัดใจ ทำไมเขาถึงไม่ทำ เธอจึงได้เอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไปคะ”
“….” ทายาทตระกูลดังยังคงนิ่ง ขมวดคิ้วเป็นปม
“พี่ไม่ทำ…เดี๋ยวเหมยทำเองค่ะ”
เหมยที่เห็นท่าทีของรุ่นพี่ตัวสูงชะงัก จึงได้ใช้มือเล็กผลักให้เขานอนลง เปลี่ยนเป็นขึ้นคร่อมเขาเอาไว้ จากนั้นจึงจับแก่นกายหนาของเขารูดไปมาอย่างช่ำชอง เธอเองก็มากประสบการณ์เช่นกัน เมื่อเห็นใบหน้าของอัลเฟรดผ่อนคลาย เธอจึงจับแก่นกายของรุ่นพี่เข้ามาจ่อเอาไว้ทางช่องทางรักของเธอ เตรียมจะกดมันให้เข้าไปด้านใน
ทันใดนั้นเอง มือหนาของอัลเฟรดก็ได้ผลักเธอออก ลุกขึ้นไปสวมเสื้อผ้าเอาไว้เช่นเดิม
“เป็นอะไรคะ…เหมยทำอะไรผิด” รุ่นน้องทำหน้าผิดหวังลุกขึ้นไปสวมกอดอัลเฟรดจากทางด้านหลัง ใช้ร่างกายที่เปลือยเปล่าบดเบียดยังกายหนาที่กำลังติดกระดุมเสื้อ
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาปรายตามองเล็กน้อย แล้วผลักเธอออก
“ไม่ผิดหรอก แต่ฉันไม่อยาก…”
“ไม่อยาก…?” เหมยทวนคำ จะไม่อยากได้ยังไง เห็นชัด ๆ อยู่ว่าท่อนล่างของเขามันยังคงแข็งขัน
“อืม พรุ่งนี้ฉันทำงาน ต้องกลับก่อน”
“ต่อไหมคะ เดี๋ยวเหมยไปหา”
แววตาคมกริบของคนเป็นรุ่นพี่ ตวัดมองอย่างเฉยชา ไม่ตอบอะไร แต่เธอรับรู้ได้ถึงความไม่แยแส จึงไม่เอ่ยปากซักไซ้ถามต่อ ได้แต่มองแผ่นหลังของเขาเดินออกจากห้องไปอย่างนึกเสียดาย