บทที่ 12 ความคิดถึง….มากวนใจ
“เดินทางดี ๆ นะคะ” เสียงหวานเอ่ย พร้อมกับโบกมือส่งให้ผู้เป็นพ่อและแม่ ในขณะเดียวกันพ่อกับแม่ก็ส่งยิ้มกลับมาให้ มิชรินทร์
ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ดวงตากลมโตที่สดใส ก็หุบต่ำลง รู้สึกใจหายแปลก ๆ เมื่อห่างจากพ่อกับแม่ ต่อจากนี้ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังไม่มีที่พึ่งทางใจอีก ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กจะรู้สึกชอบอัลเฟรด ทว่าเขาไม่ชัดเจนกับเธอเสียที อีกอย่างเขาเป็นคนเงียบขรึม จึงไม่กล้าที่จะปรึกษาหรือเอ่ยเรื่องที่ไม่สบายใจออกไป
“เฮ้อ ไม่ต้องคิดมากยัยริน ไปดูคอนโดก่อนดีกว่า…” ริมฝีปากบางเอ่ยให้กำลังใจตัวเอง ขจัดความคิดต่าง ๆ ออกไป จากนั้นสองเท้าเล็กเดินออกมาจากสนามบินขนาดใหญ่ของเมืองหลวง เตรียมจะไปยังคอนโดของตน สาเหตุที่มิชรินทร์อยากไปดูคอนโดก่อน เพราะว่าหากมีของไม่ครบ หรือยังมีของขาดเหลืออะไร จะได้ซื้อมาไว้ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ ถึงแม้ว่าอัลเฟรดจะบอกชอบเธอ ทว่ามิชรินทร์ไม่กล้าจะอยู่บ้านของเขาตลอดไป
ณ คอนโดหรูใจกลางเมือง
ติ้ง! เสียงประตูลิฟท์เปิดออก เมื่อถึงชั้น 30
สองเท้าเล็กเดินปรี่มายังห้อง 3010 รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะที่นี่เป็นคอนโดระดับกลาง ๆ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถึงแม้จะไม่ได้หรูเท่าบ้านตระกูลอัล แต่อุปกรณ์เครื่องใช้ ตำแหน่งการจัดวางของ การตกแต่งภายในเป็นแบบโมเดิร์นนับว่าออกแบบใช้ได้ เทียบเท่ากับคอนโดแบบลักชูรี่ได้เลย
“น่าอยู่จัง” ปากเล็กพึมพำ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปถ่ายตั้งอยู่บนโต๊ะที่มีขนาดสูงถึงระดับเอว มือเล็กไล้นิ้วบางสัมผัสคนที่อยู่ใน
รูปถ่ายด้วยความคิดถึง ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ จากนั้นวางกรอบรูปไว้ที่เดิม
คนตัวเล็กเดินไปเปิดดูตู้เสื้อผ้าพบว่าเสื้อผ้าบางส่วนของเธอได้ถูกย้ายมาที่นี่ และมีเนกไทของพ่ออยู่หนึ่งชิ้นในลิ้นชัก ในใจของ
มิชรินทร์ก็นึกถึงคนตัวสูงทันที
มือบางหยิบเนกไทในลิ้นชักออกมา แล้วเดินไปยังเสาแขวนผ้าสูงขนาด 180 เซนติเมตร ซึ่งสูงพอ ๆ กับเจ้าของทายาทตระกูลดัง มือเล็กวางพาดกับเสาแขวนผ้า แล้วลองผูกเนกไทดู อย่างทุลักทุเล เพราะจะผูกให้สวยทำไม่ได้จริง ๆ
เธอจึงเปลี่ยนวิธีมาดูวิธีผูกเนกไทในโทรศัพท์มือถือ ดูวนอยู่หลายรอบ จากนั้นผลัดมาผูกเนกไทที่เสาซ้ำ ๆ จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ใบหน้าที่เคร่งขรึมจดจ่อกับการผูกเนกไทอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างออกมาอย่างภูมิใจ
“ทำได้แล้ว” เสียงหวานโพล่งออกมาด้วยความดีใจ นี่สินะความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น จากนี้เธอก็ผูกให้อัลเฟรดทุกวันได้แล้ว
“ต่อจากนี้คงฝึกทำอาหารให้พี่เฟรดทาน” มิชรินทร์พึมพำ เบา ๆ ใบหน้าแสดงถึงความตั้งใจไม่น้อย
เมื่อคนตัวเล็กนึกขึ้นได้ว่าเธอมานานเกินไปแล้ว จึงได้รีบกลับไปยังบ้านตระกูลอัล กลัวว่าจะกลับช้ากว่าปกติ เนื่องจากตอนเย็นคนเลิกงานเยอะ การจราจรค่อนข้างติดขัด
ตึก ตึก ตึก !
สองเท้าเล็กเดินอย่างเป็นจังหวะ พลางก้มหน้าดูโทรศัพท์ ทันใดนั้นเอง
ปึก ! หน้าผากของเธอชนกับแผ่นหลังแกร่งของใครบางคนเข้าอย่างจัง
ทำให้เธอเองยกมือพลางลูบบริเวณหน้าผากเพื่อคลายความเจ็บ จากนั้น
มิชรินทร์เงยหน้าขึ้น พร้อมกับเอ่ยว่า
“ขอโทษนะคะ…พอดีไม่ได้มองทางค่ะ เป็นอะไรไหมคะ เจ็บตรงไหนไหม” ริมฝีปากสวยละล่ำละลักถาม เพราะครั้งนี้เธอผิดเอง ที่ไม่ได้มองทาง ผู้เป็นแม่จึงเอ่ยเตือนอยู่บ่อย ๆ ต่างจากผู้ที่ถูกชน เขาหันกลับมามองใบหน้างามอย่างขบขบขัน เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่ชนจนเจ็บหน้าผาก ใช้มือลูบหน้าผากอยู่นั่น
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตอบ
“เหรอคะ? ไม่เป็นอะไรแน่นะคะ”
“ครับ สบายใจได้…ว่าแต่พึ่งมาอยู่ใหม่เหรอครับ ไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“ค่ะพึ่งมาวันนี้วันแรก แต่ยังไม่ได้มาอยู่วันนี้นะคะ อีกสองวันจะมาอยู่”
คนตัวเล็กตอบ พลางยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ผมกันต์นะครับ อยู่ห้อง3009 มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยได้นะครับ…” ชายหนุ่มพูด เพราะอยากรู้จักกับคนตัวเล็กให้มากขึ้น รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ
“รินนะคะ….เอ่อ คุณโสดไหมคะ”
“ครับ?” กันหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเอ่ยถามตรง ๆแบบนี้ ฉะนั้นเธอตรงหน้าตอนนี้น่าสนใจมากจริง ๆ ในขณะเดียวกันคนตัวเล็กอยากจะทดสอบ ว่าความสามารถของเธอกลับมาหรือยัง จึงได้ถามเขาไปแบบนั้น เผื่อว่าอัลเฟรดตกหลุมรักเธอแล้ว ความสามารถในการดูเนื้อคู่จะกลับมา อย่างที่คนในอินเทอร์เน็ตได้ว่าเอาไว้
“โสดครับ”
“ขอจับมือได้ไหมคะ…ขอโทษนะคะ” มิชรินทร์ไม่รอให้ชายหนุ่มพูดอะไรต่อ จึงถือวิสาสะเอื้อมมือเล็กไปสัมผัสเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา พร้อมกับพึมพำเบา ๆ ว่า “ทำไมถึงมองไม่เห็นนะ….”
กันต์ได้แต่ยืนงง ชะงักนิ่งไปเพราะคนตัวเล็กได้เอามืออันนุ่มนิ่มมาสัมผัสมันรู้สึกจั๊กจี้หัวใจแปลก ๆ
กันต์เป็นหนุ่มโสดมาหลายปี หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็ได้เลิกกับคนรักที่คบกันมาถึง 4 ปี เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่ไหนอีก จนกระทั่งได้พบหน้ากับคนตัวเล็กวันนี้ หัวใจที่เหี่ยวเฉาแปรเปลี่ยนเป็นพองโตขึ้นอีกครั้ง….ไม่เหมือนใครจริง ๆ
“มองไม่เห็นอะไรเหรอครับ” เมื่อเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาตั้งสติได้ ก็เอ่ยถามมิชรินทร์ทันที
“เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ” ปากเล็กลนลานตอบ
กันต์เลิกคิ้วมองมิชรินทร์ด้วยความประหลาดใจ และสามารถเดาใจเธอออกว่าเธอไม่อยากจะพูดหรืออธิบายอะไรเท่าไหร่ เขาจึงไม่คาดคั้น
“ไม่สะดวกใจสินะครับ…”
เจ้าของใบหน้าสวยพยักหน้าหงึก ๆ จากนั้นเอ่ยเบา ๆ ว่า
“ค่ะ…งั้นรินขอตัวก่อนนะคะไว้พบกันใหม่ ขอโทษเรื่องเมื่อครู่ด้วยนะคะ”
เธอคงจะหมายถึงเรื่องที่จับมือเขา….สิ้นคำพูดร่างบางจึงได้เดินผ่านกันต์ไปโดยไม่หันกลับมามองอีก ต่างจากกันต์ยังคงมองแผ่นหลังของมิชรินทร์ไม่วางตา จนเธอเดินลับสายตาไป เขายังคงเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาได้แต่คลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ หากได้พบเธออีกจะเดินหน้าจีบหญิงสาวคนนี้ต่อไป
“น่าสนใจ….”
สองเท้าเล็กโบกมือขึ้นรถแท็กซี่มายังบ้านตระกูลอัล ใช้เวลาเดินทางราว ๆ เกือบ 1 ชั่วโมงเพราะการจราจรค่อนข้างติดขัด สิ่งที่เธอคาดเดาเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน
ดวงตาคู่งามกวาดสายตามองรอบ ๆ พบว่าอัลเฟรดยังไม่กลับจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก
….กลับดึก ๆ….
จู่ ๆ คำพูดของเขาก็แทรกเข้ามาในความคิด นั่นสินะ วันนี้พี่เฟรดจะกลับดึก จะหวังให้เขากลับบ้านเร็วทำไม…วันนี้คงไม่ได้เตรียมอาหารไว้รอพี่เขาแล้ว
“เสียดายจัง…อยากทานข้าวพร้อมกันอีก”
ปากเล็กพูดออกมาอย่างนึกเสียดาย ช่วงระยะเวลาสามวันเธอยังอยากใช้ชีวิตอยู่กับคนตัวสูง ห่างกันเพียงไม่ถึงวัน มิชรินทร์กลับรู้สึกคิดถึงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเสียอย่างนั้น
…..ฉันชอบเธอ….
คำ ๆ นี้ยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัว เธออยากจะบอกเขาตลอด ว่า เธอก็ชอบเขาเหมือนกัน เพราะตอนนี้ทั้งวันยังคงคิดถึงอัลเฟรดอยู่ แบบนี้เรียกชอบ หรือว่ารักกันนะ ประสบการณ์แบบนี้มิชรินทร์ยังคงอ่อนด้อยอยู่มาก
ณ บริษัทเอแอลกรุ๊ป
~ครืด ครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์มือถือของอัลเฟรดสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงทำงานสีดำ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับควานหาโทรศัพท์ออกมา บนหน้าจอโทรศัพท์โชว์หรา บ่งบอกชื่อของผู้ที่โทรเข้ามา
Call : ภาคิน
ภาคินเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับอัลเฟรด เขาและภาคินมีนิสัยต่างกันสุดขั้ว ภาคินมีอัธยาศัยดี ยิ้มง่าย กะล่อน ส่วนอัลเฟรดเป็นคนที่นิ่งขรึม ไม่ชอบเสวนากับใคร หากไม่จำเป็น ทว่านิสัยของทั้งสองคนเหมือนกันตรงที่ เขาทั้งสองคนต่างสนุกกับผู้หญิงเป็นว่าเล่น
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทโทรมา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าภาคินต้องชวนไปเที่ยวคั่วผู้หญิงแน่นอน นิ้วหนากดรับสายของเพื่อนทันที คนตัวสูงก็รู้สึกเบื่อ ๆ เหมือนกัน อยากจะลองไปหาผู้หญิงคนใหม่ เพราะวันนี้ตั้งแต่ก้าวเข้าบริษัทมา ในหัวของเขากลับคิดถึงใบหน้าเล็กของมิชรินทร์อยู่ตลอดเวลา
“เออ ว่า…”
[….แหม ๆ ท่านประธานใหญ่ ทำไมเสียงเข้มแบบนั้นเล่า สาว ๆ คนไหนมากวนใจงั้นเหรอ…]
ภาคินจงใจพูดแซะเพื่อนสนิท เพราะน้ำเสียงแบบนี้ของอัลเฟรด ต้องมีอะไรกวนใจอยู่แน่ ๆ …. เป็นเพื่อนสนิทกันเกือบ 10 ปี ทำไมจะรู้ไม่ทัน
“อย่าพูดมาก…”
[แสดงว่าสาว ๆ กวนใจริง ๆ สินะ…ฮ่าๆ] ภาคินหัวเราะร่า ไม่รู้ว่าไปโดนสาวที่ไหนตกมา
“ไอ้ภาคิน!!!” เสียงลอดไรฟันของอัลเฟรด บ่งบอกว่าเขาเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น หากยังไม่หยุด เขากดวางสายแน่ นั่นทำให้ภาคินหยุดแซะคนตัวสูง
[เออ ๆ ๆ กูไม่แซะละ อย่าพึ่งหงุดหงิด….วันนี้มึงว่างไหม กูจะชวนไปผับเปิดใหม่สักหน่อย…เห็นว่าหญิงงานดีๆ เยอะ]
อัลเฟรดไม่รอช้า รีบตอบตกลงเพื่อนสนิททันที เขาไม่มีทางชอบยัยหมอดูลวงโลกนั้นแน่ ๆ…..คืนนี้คงพิสูจน์ได้ว่ายัยนั่นไม่ได้สำคัญ…
“ไป”
[ให้มันได้อย่างนี้สิวะ….เพื่อนรัก…แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวกูไปนัดรุ่นน้องก่อน]
“เออ”