First time 100%

1388 คำ
“ขะ…ขอโทษค่ะ” เสียงแผ่วเอ่ย หลุบตาต่ำ พอโดนดุแล้วก็ไม่ยอมมองหน้า เหนือนทีลอบส่ายหน้าระหว่างพยุงคนตัวเล็กให้กลับขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง เขาเพิ่งเสร็จจากเย็บแผลให้นักศึกษาที่เกิดอุบัติเหตุหัวแตกระหว่างเล่นกีฬาตรงอีกห้องหนึ่ง นี่ถ้ามาไม่ทันไม่รู้จะเป็นยังไง สงสัยคงต้องเย็บให้อีกคนล่ะมั้ง มีเรื่องอยู่แต่กับเด็กทั้งวัน วันนี้ดวงของเขาคงไม่สมพงศ์กับเด็กจริงๆ ดีที่ว่าก่อนหน้านี้ได้มีเวลางีบไปเกือบครึ่งชั่วโมง ตอนนี้จึงอารมณ์ดีขึ้นมาก “เป็นอะไรหรือเปล่า” คุณหมอถาม จากกินหัวเอ็กเทิร์น การได้นอนบวกกับความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาไม่คิดจะกินหัวเธอ คนไข้ของเขาส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรค่ะ” “เพิ่งเป็นลม อย่าเพิ่งขยับหรือลุกเร็วเกินไปนะครับ อาการจะกำเริบขึ้นมาอีก” คุณหมอหนุ่มอธิบาย ระหว่างนั้นก็หันไปมองหาหูฟังไปด้วย ไม่ได้รู้เลยว่าคนไข้กำลังมีปัญหาหนัก ก็ตอนล้มไปหัวเธอชนอกของเขา แล้วพอก้มลงมาเห็นอกตัวเองนี่โล่งสนิทเลย หนึ่ง สอง สาม สี่เม็ด… กระดุมเสื้อนักศึกษาถูกมันหลุดตั้งแต่เมื่อไรทำไมถึงอล่างฉ่างแบบนี้!! นี่ถ้าไม่นึกได้ว่าไม่ได้ไปผับก่อน เธอคงนึกว่าเสียตัวไปแล้วแน่ๆ แต่ตอนนี้ไม่ถึงกับเสียตัว แต่ผู้ชายหล่อก็เห็นไปหมดแล้วมั้ยล่ะ!! ยัยเกวเอ้ย!! “เอ๋ หูฟังหมอมันหายไปไหนนะ” เธอกำลังเลิกลั่กไปหมดแล้ว แต่คุณหมอกลับเปรยอย่างอารมณ์ดี ดีที่เขาหันหลังเดินออกจากห้องนี้ไปอีกห้องที่อยู่ติดกันเพื่อหามันด้วย ขอบคุณที่ช่วยชีวิต ไม่อย่างนั้นเธอตายแน่ๆ อาศัยจังหวะที่เขาไปหาของอยู่ คนตัวเล็กที่ถูกจับให้นอนบนเตียง แถมยังสั่งหนักแน่นว่าอย่าขยับ!! ก็รีบจัดการติดกระดุมเสื้อด้วยความยากลำบาก จนคุณหมอก็เดินกลับมา “แล้วเป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกปวดหัว เวียนหัว หรืออยากอาเจียนอยู่มั้ย” “ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ” “ดีแล้วครับ หมอลองเช็คประวัติดู เห็นว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนเราก็เป็นแบบนี้” “หนู…” “ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย” “…” “หืม” เขาถาม เธอไม่ยอมตอบ ทว่าเพราะสายตายิ้มๆ แต่ก็ดูกดดันดุในที สุดท้ายเกวลินต้องยอมจำนนท์ “ขอโทษคุณหมอจริงๆ นะคะ วันนี้หนูจะสอบ อ่านหนังสือดึกมาหลายคืนแล้ว เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเลย ตอนเช้ารีบไปสอบ… ก็เลยไม่ได้กินข้าว” คนไข้สารภาพเสียงอ่อย มือเล็กที่ยกขึ้นไหว้เขาไปด้วยนั้น นายแพทย์หนุ่มส่ายหัวแล้วเริ่มอบรม “ไม่มีอะไรสำคัญกว่าสุขภาพหรอกนะครับ แล้วการเป็นลมก็ไม่ใช่เรื่องสนุก ถ้าเป็นมากอาจหัวใจหยุดเต้นได้ ดูแลตัวเองดีๆ หน่อย” “ขอโทษค่ะ” “ไม่ต้องขอโทษหมอ ขอโทษตัวเองที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดีดีกว่า” “ค่ะ” “ยังดีที่ผล echo ออกมาปกติ แสดงว่าไม่ได้มีปัญหาความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ ตอนแรกหมอก็กังวลอยู่…” โดนอบรมคอร์สใหญ่ คนทำผิดก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับคำสำนึกผิด จนมาถึงคำว่า echo ที่แว็บแรกเธออยากถามเขาว่าคืออะไร แต่พอเขาพูดต่อว่าเป็นผลเกี่ยวกับหัวใจ เธอก็เลยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเคยเรียนผ่านตามาบ้างว่าคือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นการตรวจเบื้องต้นว่าหัวใจเต้นเป็นจังหวะปกติหรือเปล่า โดยการเอาแผ่นแบนๆ คล้ายกระดุมแต่เป็นพลาสติกมาแปะไว้ที่ตำแหน่งต่างๆ บริเวณหน้าอก หน้าอก!! กระดุมยังติดไม่เสร็จ!! แต่เมื่อกี้คุณหมอบอกว่าตรวจแล้ว…ปกติ… แสดงว่าเขาก็ต้อง…เห็นหมดแล้วล่ะสิ!! อีกใจหนึ่งนึกได้รีบค้านขึ้นมาทันที โถ่!! ความพยายามที่ทำไปเมื่อกี้รู้สึกสูญสิ้น อยู่ๆ หน้าเห่อร้อนขึ้นมาแบบหาสาเหตุได้แต่ไม่อยากยอมรับ เธอไม่มีกระจกเลยไม่ได้ส่องดูว่าตอนนี้ตัวเองหน้าแดงขนาดไหน ส่วนสติก็คงเตลิดเปิดเปิงจนโดนจับสังเกตได้ “นี่เรา” “คะ” “เป็นอะไร” “เป็นอะไรเหรอคะ” “ก็หมอถาม ทำไม่ตอบ” คิ้วเข้มเลิกขึ้น ก่อนเปลี่ยนไปรวมตรงกลางแล้วเริ่มขมวดมุ่น …ริมฝีปากบางขบเข้าหากัน และก่อนที่จะโดนจับได้ “หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่กำลังคิดเรื่องข้อสอบอยู่ไม่แน่ใจว่าทำผิดหรือเปล่า ว่าแต่เมื่อกี้คุณหมอถามหนูว่าอะไรเหรอคะ” โกหกคำโตออกไปแล้วลอบถอนหายใจโล่งอก เธอเห็นว่าเขาก็ถอนหายใจเหมือนกัน อันนี้ไม่น่าจะใช่โล่งใจ แต่น่าจะออกแนวเหนื่อยหน่ายกับคนไข้อย่างเธอมากกว่า “หมอถามว่าแล้วเมื่อกี้จะลุกไปทำไม” แต่เขาก็ยังใจเย็นทวนให้อีกครั้ง เกวลินร้อง ‘อ๋อ’ ยิ้มบอก “หนูจะลุกไปหยิบแว่นค่ะ” “แว่นตา??” “อือ สงสัยตาแห้ง คอนแทคเลนส์เลยหลุด” คนสายตาสั้นหนึ่งร้อยห้าสิบตั้งข้อสันนิษฐาน มันไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมาก แต่กะเอาไว้ว่าเรียนจบก่อนแล้วจะขอตังค์พ่อไปทำเลสิก ทว่าคุณหมอน่าจะคิดคนละอย่างกับเธอ เขาถามต่อทันทีว่าเธอสายตาสั้นเท่าไร?? มองเห็นไม่เท่ากันแบบนี้ เริ่มปวดหัวหรือเปล่า?? พอเธอพยักหน้า คิ้วเข้มบนใบหน้าขาวสะอาดขมวดเข้าหากันเล็กน้อย อธิบายในสิ่งที่เธอก็เพิ่งรู้ “ใส่คอนเทคเลนส์ที่ตาข้างเดียวไม่ได้ ใส่แว่นกับคอนเทคเลนส์ซ้อนกันก็ไม่ได้ ภาพที่มองเห็นชัดไม่เท่ากันจะทำให้ยิ่งปวดหัว” เกวลินพยักหน้า เธอก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง “ถอดคอนแทคเลนส์อีกข้างเองได้มั้ย” “ปกติได้ค่ะ แต่เมื่อกี้หนูลองแล้ว ไม่รู้ทำไมถอดไม่ได้” “ไหนหมอดูสิ” “…” เขามองจ้องเข้าไปในตาแต่เธอพยายามไม่สบตา มันเขินเกินกว่าที่จะทำอย่างนั้น …ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มารู้ตัวอีกทีคนตัวโตก็เดินผละออกไปแล้ว สายตาเธอหยุดอยู่แต่ที่แผ่นหลังกว้าง ตอนเขาหันไปใส่ถุงมือแล้วบอกว่า ‘จะถอดคอนแทคเลนส์อีกข้าง เธอจะได้ใส่แว่นแล้วมองเห็นชัดเท่ากัน แต่ให้คนอื่นถอดให้อาจจะระคายเคืองหน่อยตอนถอด’ “ไหน นอนลงดี หันมาดีๆ ก่อน” สาวน้อยกระพริบตาปริบ ใบหน้าภายใต้แมสนั้นเธอไม่รู้เขายิ้มอยู่มั้ย แต่ดวงตาที่มองกันเธอเห็นว่าเขายิ้มนิดๆ แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่เขาบอก ร่างสูงโน้มตัวลงมาหา ตอนที่ใบหน้าคมอยู่ใกล้แค่เอื้อม ตาสบตา ก่อนที่มันจะระคายอย่างที่เขาว่าจนต้องกระพริบตาถี่ๆ แต่วินาทีนั้นเธอรับรู้ชัดเจนถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวและเร็วไม่ต่างกันเลย “เจ็บนิดหนึ่งนะ นิดเดียวครับ” เสียงทุ้มที่ปลอบเรียกความรู้สึกหลากหลายเข้ามาโอบล้อมหัวใจ ดีแล้ว…ในความโชคร้ายมีความโชคดีที่คนที่ช่วยเธอไว้คือเขา เขาคือโชคดีของเธอที่ได้มาพบ ทุกท่าทาง การกระทำ อิริยาบถ สายตาเคร่งขรึมทว่ากลับทำให้คนมองคนที่กำลังได้รับการดูแลใส่ใจรู้สึกมั่นคง กลิ่นเฉพาะตัวของเขาที่โอบล้อมตัวเธออยู่ใกล้แค่ปลายจมูกยิ่งทำให้รู้สึกปลอดภัย ไว้ใจ หัวใจดวงน้อยนอกจากเต้นแรง ยังฟูฟ่องพองโตขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นอย่างนี้กับใครเลยในชีวิต “โอเค เรียบร้อยแล้ว” “ขอบคุณค่ะ” “งั้นหมอขออนุญาตเปิดกระเป๋าหยิบแว่นให้นะ” “ค่ะ” “เป็นไง มองชัดขึ้นมั้ย” ไม่รู้คิดไปเองหรือตาฝาดที่เธอเห็นคนที่โน้มตัวลงมาใส่แว่นให้เธอ ขยับหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นแล้วยิ้มเหมือนต้องการให้เธอมองเห็นกันชัดๆ “ค่ะ” เสียงแผ่วอ้อมแอ้มตอบ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม