เคยมีคนบอกกับเธอว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เมื่อก่อนศลิษาเคยเชื่อในคำพูดที่ว่านั่นแต่ตอนนี้เธอรู้ว่าคำคำนั้นอาจจะไม่มีอยู่จริง หลังจากเปลี่ยนใจไม่เอาตัวเข้าแลกหนี้ก้อนโตกับเทวินท์เธอกลับมาที่บ้านและทำทุกทางเพื่อเก็บเงินก้อนให้ทัน ผ่านมาสี่วันที่เธอโหมทำงานเกือบตายแทนที่จะเจอทางออกแต่ก็เหมือนปัญหาที่ถาโถมเธอเข้ามาทุกทางก็ยิ่งรุมเร้าจนแทบไม่เหลือทางใดๆ เลย
มือเรียววางปากกาที่คำนวณรายรับรายจ่าย ความน่าจะเป็นของการหารายได้ หรือว่าหาแหล่งเงินกู้จากเพื่อนฝูง ญาติมิตร ตอนนี้เธอรวบรวมเงินได้เพียงเจ็ดหมื่นบาท และมีรายจ่ายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ครบกำหนดก่อนจ่ายเทวินท์ถึงสามหมื่นบาท แค่คิดก็ต้องกุมขมับ
“ษาเอ๊ย มากินข้าวก่อนไหมลูก” เสียงเรียกแว่วๆ จากมารดาทำให้ศลิษาถอนหายใจ พยายามวางทุกอย่างเอาไว้แล้วเดินออกมาร่วมโต๊ะอาหารกับมารดา
“เมื่อวานนี้น้าเย็นเค้ามาถามว่าษาจะโอนเงินให้เมื่อไหร่ แม่บอกว่าษาขอเลื่อนไปเป็นเดือนหน้าเพราะต้องซื้อของมาลงทุน”
สิ่งที่มารดาบอกทำให้ศลิษากลืนข้าวแทบไม่ลง
“แล้วเขาว่าอย่างไรจ๊ะแม่” พยายามไม่เครียดแล้วเอ่ยถาม
“เอ่อ...” มารดาทำท่าอึกอัก “เขาก็บอกว่ามะรืนขอก่อนสักก้อนได้ไหมมันนานแล้ว”
ศลิษาวางช้อนลง ไม่เพียงแค่น้าเย็น ญาติห่างๆ ของแม่ แต่ว่ายังพ่วงด้วยเจ้าหนี้นอกระบบของแม่สิบกว่าราย คนหนึ่งหลักหมื่นอัพ เยอะสุดก็น้าเย็นทำสัญญากันไว้ก็หลักหลายแสน หนี้ทั้งหมดเกิดเมื่อมารดาจำเป็นต้องใช้เงินในการรักษาบิดา และตาของศลิษาซึ่งอยู่ที่บ้านและป่วยขึ้นมาพร้อมกันด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็ง ตอนนั้นศลิษายังเรียนอยู่ที่เชียงใหม่มารดาก็ต้องหาเงินส่งเธอเรียนด้วยแม้ว่าเธอจะหาเงินใช้เองได้บ้างแล้วก็ตาม ตอนนั้นมารดาเธอยังทำงานอยู่และผ่อนได้บ้างเลยไม่เคยบอกเธอเลยว่าท่านต้องแบกรับอะไรไว้มากมายแค่ไหน
ต่อมาศลิษาเรียนจบกลับมาอยู่กรุงเทพฯ และเธอไม่ได้ทำงานประจำ แต่เลือกที่จะทำงานขายของออนไลน์ควบคู่กับงานฟรีแลนซ์ด้านไอทีที่เธอเรียนมาเพราะสามารถสร้างรายได้มากกว่าทำงานบริษัท ปีแรกที่จบเธอทำงานได้เป็นกอบเป็นกำเลยตัดสินใจซื้อบ้านแถวละแวกเดิมที่เกิดและมาและรถหนึ่งคันเพื่อทำการค้าขายสะดวกคล่องตัวขึ้น หลังจากที่ใช้จ่ายเงินก้อนโตไปกับการดาวน์ทรัพย์สินของตัวเอง มารดาเพิ่งก็เอ่ยบอกเรื่องหนี้สินทั้งหมดที่ทำเอาเธอแทบล้มทั้งยืน ท่านบอกกับเธอในตอนที่เธอให้ท่านออกจากงานประจำมาช่วยเธอแพ็กของและอยู่ส่วนของออฟฟิศซึ่งก็คือบ้านเธอที่เปลี่ยนเป็นโฮมออฟฟิศ ตอนนั้นเธอแทบล้มทั้งยืนเพราะต้องเอาภาระทุกอย่างมาแบกไว้ ซ้ำธุรกิจยังถูกแฟนเก่าโกงสูญเงินไปเกือบเจ็ดหลักจนต้องมาเปิดแบรนด์ใหม่ ปัญหาการเงินจึงเหมือนถาโถมเธอเข้ามาในคราเดียวจนเธอรับมือไม่ทัน
จากนั้นเธอกลายเป็นยาจกในพริบตา มีเพียงแค่บ้านและงานขายที่อยู่ในช่วงบุกเบิกและต้องใช้เรี่ยวแรงอย่างมากในการผ่านมันมาได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย จนหนี้สินที่มีต่อเทวินท์ตกค้างมา เธอแอบละอายใจอยู่ลึกๆ ที่จ่ายหนี้ของเขาช้ากว่าคนอื่นเพราะหมุนไม่ทัน เจ้าหนี้ของมารดามายืนเกาะรั้วชี้หน้าด่าถึงบ้านอยู่เดือนหนึ่งหลายครั้ง เธอต้องหาเงินเท่าที่มีจ่ายๆ ไปก่อนทั้งที่ก็ต้องหมุนเงินกับธุรกิจของตัวเอง และต้องสต๊อกของแบรนด์ที่เธอเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ด้วย