จู่ๆ ก็อยากร้องไห้ อยากจะหนีไปเสียให้ไกลๆ ไม่อยากเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว หนึ่งธิดาเดินหนีไปหลบอยู่หลังบ้าน เธอคงเครียดเลยรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง เลยคิดจะอะไรทำคลายเครียด เรื่องอาหารเย็นนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะจัดการเรียบร้อยแล้ว เธอรดน้ำต้นไม้ พรวนดินทำงานงกๆ อยู่เงียบๆ คนเดียว ปิดกั้นการรับรู้ ไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น
เสียงเดินที่ดังอยู่ทางด้านหลังทำให้เธอหันขวับไปมอง ผู้ชายร่างสูง ผิวสีแทน ใบหน้าเรียวคมสัน จมูกโด่ง รับกับดวงตาคู่คม คิ้วเข้มพาดเฉียงและ ริมฝีปากหยักหนากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
หนึ่งธิดากวาดสายตามองร่างเพรียวแข็งแรงอย่างเชื่องช้า ก่อนจะสบกับดวงตาคู่นั้น เขาเองก็มองเธอไม่วางตาเช่นกัน
หญิงสาวรีบลุกขึ้น ก่อนจะปัดดินที่ติดมือของเธอออก เหงื่อโซมไปทั่วกายจากความเหนื่อยล้าของงานที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอยู่
หัวใจของหนึ่งธิดาเต้นกระหน่ำ พี่หาญของเธอมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปหาไปกอดให้หายคิดถึง แต่เท้าของเธอมันหนักเกินกว่าจะก้าวเดิน เธอมองเขาแบบไม่ยอมละสายตา รู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างตรึงเธอเอาไว้ให้ยืนนิ่ง
แล้วเธอก็ค้นพบความจริงว่าตัวเองเป็นแค่ตัวสำรองของน้องสาวเท่านั้น ไม่ว่าจะตอนไหนๆ เธอก็เป็นได้แค่นั้นจริงๆ
หนึ่งธิดาหลุบตาก้มต่ำไม่สบตาเขาอีก ระหว่างเขากับเธอคงไม่มีทางเป็นไปได้
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของสุทธิดา ดึงสติของเธอกลับมาอีกครั้ง อีกฝ่ายกำลังกอดแขนของหาญแน่น มองมาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์นัก
“พี่หนึ่งไงคะพี่หาญ” จำต้องแนะนำเมื่อเห็นชายหนุ่มยังมองพี่สาวของเธอนิ่งด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
คนถูกแนะนำจิกมือกับกางเกงผ้านิ่มที่สวมใส่อยู่แน่น สายตานิ่งๆ เฉยเมยนั้นทำหนึ่งธิดาใจฝ่อ หัวใจที่พองโตคราแรกเมื่อได้เจอกันกลับห่อเหี่ยวแฟบลงเหมือนลูกโป่งโดนปล่อยลม เมื่อเขาหมางเมิน ท่าทีไม่ได้ยินดียินร้ายที่ได้เจอเธออีกครั้ง
ก็ใช่น่ะสิ... เขารักน้องสาวของเธอสุดหัวใจ เขาไม่ได้รักเธอเสียหน่อย หนึ่งธิดาด่าตัวเองตลอดระยะเวลาที่ละเมอเพ้อพกถึงแต่เขา รอคอยเขา และวาดวิมานกลางอากาศว่าเขาต้องรักเธอเหมือนที่เธอรักเขา มันเป็นแค่สิ่งที่เธอคิดไปเองคนเดียวเท่านั้น
ใช่... เธอรักเขามานานแสนนาน แต่เขาไม่รู้นี่นาว่าเธอเป็นคนตอบจดหมายทุกฉบับ
“สวัสดีค่ะ” หนึ่งธิดายกมือไหว้หาญ เธอนึกอะไรไม่ออกเลยทำอะไรออกไปแบบนั้น เขารับไหว้เงียบๆ ไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่กอดแขนของเขาอยู่
“พี่หาญคะ เราไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่กันดีกว่าค่ะ” สุทธิดาไม่อยากให้หาญอยู่กับพี่สาวนานๆ จึงรีบเอ่ยชวนในทันที หาญรับคำ ในขณะที่หนึ่งธิดาหันหลังให้คนทั้งสอง น้ำตามันรินไหลแต่ไม่อยากให้ใครเห็น รีบเดินหนีออกจากจุดนั้นโดยเร็ว เธอเม้มปากอวบอิ่มเข้าหากันแน่น ก่อนจะวิ่งหนีเข้าห้องของตัวเองด้วยความอ่อนล้าในหัวใจ
หนึ่งธิดานั่งกอดเข่าเจ่าจุกร้องไห้จนพอใจเมื่อถึงห้องนอนเล็กๆ ของตัวเอง ก่อนจะสะโหลสะเหลลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า ใจเจ้ากรรมก็อยากเห็นหน้าเขาอยู่ดี อัดอั้นตันใจอยากจะบอกให้เขารู้ไปเลย แต่มันพูดไม่ออก เธออยากจะมีความกล้าทำอะไรเหมือนคนอื่นบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าอยู่ดี เลยแอบไปดูว่าเขาทำอะไรกันอยู่ เห็นหาญกำลังพูดคุยกับบิดาและมารดาเลี้ยงอย่างเป็นงานเป็นการ เขาอาจคุยเรื่องแต่งงาน ใช่แล้ว เขาเขียนมาในจดหมายว่าเธอเรียนจบก็จะมาสู่ขอแต่งงานเลย เพราะฐานะเขามั่นคงเป็นปึกแผ่นแล้วนั่นเอง
สุทธิดานั้นเป็นน้องของเธอก็จริงแต่เกิดปีเดียวกัน แสดงว่าบิดานอกใจมารดาก่อนที่จะมีเธอเสียอีก เธอจึงคลอดก่อนสุทธิดาไม่กี่เดือนเท่านั้น
หนึ่งธิดาเม้มปากที่สั่นระริก จิกมือกับกางเกงผ้าเนื้อนิ่มตัวเก่าๆ ซอมซ่อของตัวเอง พอจะเดินเข้าไปก็โดนส้มมาขวางทางเอาไว้ อีกฝ่ายทำท่าเอาเรื่อง ส้มตัวใหญ่ และเป็นคนของปานดาว เธอไม่กล้าเสี่ยงโดนทำร้ายอีก
เป็นครั้งแรกที่หนึ่งธิดาอยากเมา เธออาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเชยๆ ของตัวเอง และออกไปเที่ยว
ออกไปเมาให้มันหลุดโลกไปเลย อยากลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น อยากด่าตัวเองที่ไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง
หลายปีที่เธอรอเขา แต่อีกไม่กี่วันเขาก็จะแต่งงานกับน้องสาวของเธอ คนไม่ต้องทำอะไรเลย กลับได้ดิบได้ดี ชุบมือเปิบไปง่ายๆ ในขณะที่เธอทำทุกอย่าง แต่ไม่เหลืออะไรเลย
คนไม่เคยกินเหล้ากรอกเหล้าเข้าปากแบบไม่สนใจอะไร เธอไอติดกันหลายครั้ง รสเข้มข้นของแอลกอฮอล์ทำเอาเธอแสบคอไปหมด
มีคนเคยบอกว่าเมาแล้วจะลืมทุกอย่าง เธออยากลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ อยากให้มันเป็นแค่ความฝัน
หนึ่งธิดาสะบัดศีรษะไปมา รู้สึกมึนงงอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเดินไปชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเข้ามาโอบกอด เธอก็ผลักไส แล้วก็ไปชนกับผู้ชายอีกคน พอเงยหน้ามอง เธอก็เห็นว่าเขาคือหาญ คิดว่าตัวเองคงจะเมาหนักที่เห็นว่าเป็นคนที่เธอคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาอีกครั้ง ขยี้ตาตัวเอง หัวเราะชอบใจที่เห็นเขา ในห้วงความคิดเธอเหยียดหยันตัวเอง คงคิดถึงเขามากเลยเห็นใครเห็นหาญไปหมด
“พี่หาญน่าน... เอง” คนเมาพูดจาอ้อแอ้ลิ้นพันกัน ชี้หน้าเขาก่อนจะเดินเซๆ หาญไม่พูดอะไร แต่เขาเข้าประคองเธอออกจากร้านเหล้า หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว
“จะปาย... หนาย... กาน...เหรอคะ” เธอเอ่ยถามเสียงยานคาง รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง
“ทำตัวไม่ดีแบบนี้ คนอื่นหนักใจรู้ไหม” เขาทำเสียงดุอยู่ริมหูของเธอ
“เหอะ!” เธอทำเสียงในลำคอ
“คราย... จะมาหนักจาย... กับหนึ่ง เฮือก” เธอสะบัดหลุดออกจากอ้อมแขนของเขา มองเขาด้วยสายตาแดงก่ำ
“ไม่มีใครรักหนึ่งเลยสักคนเดียว แม้แต่พี่หาญ ไม่มีเลยจริงๆ” เสียงเธอเข้มขึ้นและเต็มไปด้วยความสั่นระริก
จู่ๆ เธอก็ร้องไห้ ยืนโงนเงนไปมา หาญตรงเข้าไปช่วย แต่เธอสะบัดหนี ไปเกาะเสาอีกด้านเอาไว้
“พี่หาญก็เหมือนกัน ไม่รักหนึ่ง ไม่เคยรักหนึ่งเลย ทำไมไม่ร๊ากก.. หนึ่งบ้างค่า.. พี่รู้ไหม หนึ่งเป็นคนตอบจดหมายของพี่ทุกฉบับ แต่นังน้องสาวสารเลวมาแอบอ้างพี่ก็เชื่อ” คนพูดร้องไห้อย่างอัดอั้นตันใจ ก่อนจะทุบอกตัวเองแรงๆ หาญยืนมองนิ่งด้วยสายตาที่อ่านยาก
“นังสองแม่ลูกจอมวายร้ายมาแย่งจดหมายไปหมด จดหมายที่หนึ่งตอบพี่ทุกฉบับ ไม่มีอีกแล้ว ไม่เหลือ ไม่เหลืออะไรเลย ฮือ ๆ ๆ ” คนเมานั่งยองๆ อ้วกออกมาเพราะความรู้สึกพะอืดพะอมขมคอ หาญตรงเข้าไปลูบหลังลูบไหล่ให้
“หนึ่งไม่สวย ไม่ดีตรงไหน ตอนพี่ลำบาก นังสองแม่ลูกนั่นไม่อยากนับญาติด้วยหร๊อก.. รู้ไหมว่าพวกมันเกลียดพี่ยังกับไส้เดือนกิ้งกือ มันไม่ยอมให้ตอบจดหมาย หนึ่งแอบตอบจดหมายพี่ ลุงไปรษณีย์ก็ตายไปแล้วไม่มีใครยืนยัน พี่ก็คงไม่เชื่อ ไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ ใครๆ ก็หาว่าหนึ่งไม่ดี นังสองแม่ลูกนั่นเกลียดพี่จะตายไป พวกมันหาว่าพี่จน แต่หนึ่งไม่เคยเกลียดพี่เลยรู้ไหม นังน้องสาวสารเลวมันชอบใส่ร้ายว่าโดนหนึ่งรังแก มันทำตัวเอง คุณพ่อก็ยังเชื่อมัน เลวไหมล่ะพี่ว่า เฮือก...” คนเมานั่งลงไปบนพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก น้ำเสียงท้ายประโยคแผ่วเบารันทดอย่างเหลือแสน หาญดึงร่างน้อยขึ้นมา แต่เธอสะบัดมือเขาออก
“อย่ามายุ่งกับหนึ่งเลย จะแต่งงานกับนังนั่นใช่ไหม นังสารเลวนั่นใช้งานหนึ่งเหมือนทาส