จิกหัวใช้เหมือนหนึ่งไม่ใช่ลูกคุณพ่อ ไม่เคยได้กินอาหารอร่อยๆ ไม่เคยได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ ไม่เคยได้เรียนโรงเรียนดีๆ ต้องทำงานที่โรงเรียนเกือบตายกว่าจะได้กินข้าว ฮึกๆ ฮือๆๆๆ เคยมีใครเห็นใจหนึ่งไหม พี่รู้ไหม กำลังใจเดียวที่หนึ่งมีคือได้อ่านจดหมายของพี่ เห็นพี่มีแรงที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว หนึ่งก็เลยมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปเพื่อรอพี่ ฮึกๆ ฮือ ๆ ๆ”
“หนึ่ง...” น้ำเสียงของหาญอ่อนโยนแต่หนึ่งธิดาไม่ได้รับรู้มันเลย คนเมาเอาแต่พล่ามพรรณนาถึงความทุกข์ของตัวเอง
“กลับบ้านเถอะ”
“กลับไปทำไม ไม่มีใครต้องการ ไม่มีใครต้องการหนึ่งเลยสักคน” คนเมาพูดเสียงสั่นระริก ก่อนจะกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น หาญตรงเข้าอุ้ม เธอก็ดิ้น เขาเลยดุคนในอ้อมแขน
“อย่าดื้อสิ ดื้อจะโยนลงพื้นนะ แข้งขาหักขึ้นมาจะมาหาว่าพี่ใจร้ายไม่ได้นะ” คนเมากอดคอหนาแน่น ซุกหน้าที่อกกว้าง อาการพะอืดพะอมมาอีกครั้งเธออาเจียนรดอกเขา หาญมองตาปริบๆ แต่เขาไม่ได้ดุด่าอะไร
ชายหนุ่มให้ลูกน้องเป็นคนขับรถให้ ภูผาเปิดประตูรถให้เจ้านายหนุ่ม ก่อนจะขับกลับไปที่บ้าน
คนเมาพูดพร่ำไปตลอดทาง ในขณะที่หลับตาด้วยความมึนเมา แต่ละเรื่องคือเรื่องราวในจดหมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา หาญฟังนั่งอย่างใช้ความคิด ทอดสายตาอ่อนโยนมองคนที่เมาไม่ได้สติ
ภูผาเองก็ได้รับรู้เรื่องราวของเจ้านายหนุ่มมาโดยตลอด เขาเหลือบมองกระจกหลังอยู่ตลอดเวลา นึกเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
พอถึงบ้านเขาก็อุ้มเธอเข้าบ้าน คนเมาโวยวายไม่หยุด ก่อนถูกกดลงบนเตียงนอนกว้าง หาญเสียหลักเมื่อถูกเธอรั้งต้นคอเอาไว้ เธอมองเขาตาปรือเยิ้ม
“หนึ่งไม่สวยตรงไหน ขี้เหร่ตรงไหน นังแม่เลี้ยงใจร้ายบอกว่าหนึ่งขี้เหร่ พี่หาญว่าหนึ่งขี้เหร่ไหมคะ” คนถามใจกล้าประกบริมฝีปากกับปากหยักหนาร้อนรุ่ม เธอถอนปากออกทำหน้างุนงง
ร่างสูงเพรียวแข็งแรงของหาญเดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะหาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ เธอทำท่าจะอ้วกอีกครั้ง เขาก็อุ้มเธอไปอ้วกในห้องน้ำ ก่อนจะยื่นน้ำให้เธอบ้วนปาก
เธอนั่งแหมะหมดสภาพพิงศีรษะกับผนังห้องน้ำ เขาอุ้มร่างน้อยออกมาบนเตียงอีกครั้ง ร่างกายของเธอค่อนข้างผอม มือหยาบกร้าน แต่เค้าโครงหน้าสวยนั้นทำให้เขามองนิ่ง
“หนึ่งสวยไหมคะพี่หาญ ถามจริงๆ เลยนะ ทำไมไม่ชอบหนึ่ง ไม่รักหนึ่ง ต้องไปรักนังสองด้วย มันน่ะมีผู้ชายหลายคน เจ้าชู้จะตายไป ถ้าพี่หาญรักหนึ่ง รับรองว่าหนึ่งจะซื่อสัตย์เป็นภรรยาที่ดี จะรักเดียวใจเดียว หนึ่งชอบทำกับข้าว ชอบทำงานบ้าน จะทำกับข้าวให้พี่กินทุกวันเลย”
เธอพูดระรัวลิ้นพันกัน ก่อนจะเริ่มปลดเสื้อผ้าของตัวเองออก หาญดึงมือของเธอเอาไว้ เธอก็ดึงเขามาทาบทับ ก่อนจะขึ้นคร่อมร่างสูงเพรียวแข็งแรง
“จริงๆ นะหนึ่งรักพี่หาญคนเดียวไม่เคยชายตาแลผู้ชายที่ไหนเลย” เธอกระชากเสื้อผ้าออกจากตัว กดปากบดจูบปากร้อนรุ่มของเขา คนจูบไม่เป็นจูบเงอะงะ ก่อนจะถอนปากออกด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ แต่ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรอีก เธอก็ถูกดันลงใต้ร่างเขาเสียก่อน
ผิวในร่มผ้าของเธอผุดผ่องเป็นยองใย สีหน้าของคนใต้ร่างทำให้เขามองนิ่งด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วปากร้อนๆ ก็จุมพิตไปทั่ว ผิวของเธอหอมกรุ่น อกอวบอิ่มเต็มตึงเพียงแค่ได้สัมผัส คนเมาครางแผ่วๆ หยัดกายให้อย่างยินยอมพร้อมใจ
เธอละเมอทุกเรื่องราวที่อัดอั้นตันใจออกมาเหมือนกับว่าอกกำลังจะระเบิดหากไม่ได้พูด ปากร้อนของเขาแทะเล็มไปทั่วผิวของเธอ คนเมาเริ่มนิ่วหน้าเมื่อบางส่วนที่ฝังเข้ามาในร่างกายทำเธอเจ็บแปลบ
“อื้อ... เจ็บ ไม่เอา ไม่เอาแล้ว” หนึ่งธิดาครางประท้วง เริ่มถอยสะโพกหนี แต่ติดที่มือหนาของเขารั้งเอาไว้ และดึงมาแนบชิด ปากร้อนบดจูบดูดดื่ม มือน้อยจิกกับผ้าปูเตียงแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางไม่เป็นส่ำ
หญิงสาวนิ่วหน้า ทั้งเจ็บทั้งเสียวซ่านในเวลาเดียวกัน เธอรู้สึกว่ารอบกายมันช่างพลิกคว่ำพลิกหงายวูบวาบไปหมด
คนที่หลับลงทันทีที่ถึงจุดหมายปลายทางเป็นครั้งแรก ทำให้หาญต้องทอดสายตามองนิ่ง เขาจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เธออีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหลับเคียงข้างเธอบนเตียงนอนกว้าง
หนึ่งธิดาปรือตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกง่วงงุน ระคนปวดศีรษะอย่างรุนแรง เธอขยับกายเล็กน้อยและพบว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว แผ่นหลังบึกบึนของใครบางคนทำให้เธอแทบจะกรีดร้อง ดีที่ยกมืออุดปากตัวเองเอาไว้ได้ทัน
เธอสำรวจเนื้อตัวของตนเองแล้วอยากจะร้องไห้ แต่การโวยวายมันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ร่างน้อยรีบก้าวลงจากเตียง ความเจ็บแปลบกลางกายและหยดเลือดที่ปรากฏบนผ้าปูที่นอนทำเอาเธอหน้าแดงระคนอับอายหนักหนา นี่เธอเมาจนโดนผู้ชายหิ้วมาปู้ยี่ปู้ยำถึงห้องเลยเหรอ เมื่อคืนเธอฝันว่าเจอหาญ แต่ผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่ อีกฝ่ายนอนคว่ำหน้าซุกอยู่กับหมอนเธอเลยไม่เห็นหน้าเขา และเธอก็ใจไม่กล้าหน้าด้านพอที่จะไปพลิกร่างเขาขึ้นมามองว่าเขาคือใคร
เธอไม่มีเวลาสำรวจห้องกว้างที่ตนมานอนค้างอ้างแรมในเวลานี้ แต่พยายามสวมใส่เสื้อผ้าด้วยมืออันสั่นเทา และพาตัวเองออกมาจากบ้านหลังใหญ่ในทันที โชคดีที่ไม่มีใครเห็น พอวิ่งออกมาจากบ้านของหนุ่มแปลกหน้าได้ เธอก็เพิ่งรู้ว่าบ้านหลังนี้คือบ้านหลังใหญ่หน้าหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่ รู้สึกเจ็บแปลบตรงหว่างขา แต่ก็กัดฟันพาตัวเองกลับบ้านให้เร็วที่สุด
“แกหายไปไหนมา” เสียงของบิดานั่นเอง หนึ่งธิดาสะดุ้งสุดตัว คนมีชนักติดหลังหน้าซีดเผือดราวไก่ต้ม
“นับวันยิ่งทำตัวเหลวไหลขึ้นทุกวัน ทำไมแกไม่เอาอย่างน้องแกบ้าง” หนึ่งธิดาเม้มปากแน่น พยายามไม่ร้องไห้ ตลอดหลายปีมานี้บิดาเอาแต่ชมเชยน้องสาวของเธอ ในขณะที่ด่าทอเธอเหมือนไม่ใช่ลูก อยากจะประชดประชันกลับไปเหมือนเคย แต่วันนี้เธอเหนื่อยล้าเหลือเกิน เรื่องที่ไปทำมาเมื่อคืนทำเอาเธอรู้สึกว่าตัวเองย่ำแย่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“หนึ่งขอตัวก่อนนะคะ” หนึ่งธิดามองบิดาด้วยสายตาเจ็บปวด ยามนี้เธออยากจะให้ใครสักคนปลอบ แต่มันก็ไม่มีใครอยู่ข้างกายเลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่บิดาบังเกิดเกล้า
“จะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวนี้มองไม่เห็นหัวกันแล้วนี่ จะออกไปเที่ยวเตร่นอนค้างอ้างแรมที่ไหนก็ไป ทำตัวเหลวไหลเดี๋ยวคงท้องไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นเขาว่า”
“คนที่ว่านี่ใครกันคะ น้าดาวหรือเปล่า ถ้าเป็นน้าดาวเขาไม่เคยหวังดีกับหนูอยู่แล้วละค่ะ แม้แต่คุณพ่อเองก็เชื่อคำพูดของเขาทุกอย่าง”
“อย่าก้าวร้าวพูดจาหาเรื่องคนอื่นนะยายหนึ่ง น้าดาวเขาหวังดี”
“คุณพ่อหูหนวกตาบอด เชื่อคำของน้าดาวจนโง่เง่ารู้ตัวหรือเปล่าคะ” เพี้ยะ!!! เสียงฝ่ามือที่บิดาฟาดลงบนใบหน้าของเธอทำให้หนึ่งธิดากุมแก้มเอาไว้ด้วยมืออันสั่นเทา ปากคอสั่นไปหมด เธอมองท่านด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาแดงก่ำ
“ตอนคุณพ่ออยู่เขาก็พูดดีทำดี ตอนคุณพ่อไม่อยู่เขาก็หนีออกไประเริงกับผู้ชายอื่น คุณพ่อเคยรู้บ้างไหมคะ”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ แกนี่เป็นคนยังไงกันแน่ ยิ่งโตยิ่งขี้อิจฉา ฉันไม่เคยเห็นน้องแกทำแบบนี้เลยสักครั้ง มีแต่เห็นแกนี่แหละทำตัวเหลวไหล ฉันกลับมาทีไรแกก็ทำแต่เรื่อง แถมยังเที่ยวใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว ขนาดสาวใช้ในบ้านยังไม่เอาแกเลย”
“คุณพ่อ...” หนึ่งธิดาครางอย่างอ่อนใจ คนเรายามหน้ามืดตามัว ไม่ว่าจะพูดอะไรคงไม่เชื่อ เธอคร้านจะพูดอีก เลยวิ่งหนีเข้าห้อง ปิดประตูขังตัวเองเอาไว้ในนั้น ได้ยินเสียงบิดาเรียกด้วยความโกรธดังอยู่หน้าห้อง