บทที่หก(1)

1474 คำ
อีกไม่กี่กิโลก็จะถึงศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านที่เด่นดังด้านความรัก แต่ฉันไม่ได้ใช้กำลังขามานานจึงเมื่อยปวดขาและเหนื่อยหอบในการแบกสังขารตัวเองเดินขึ้นเนินเขา “พี่คริ...ส พักก่อนได้ไหมคะวาไม่ไหวแล้ว” ฉันสูดอากาศเข้าสุดปอดก่อนจะนั่งกองลงกับพื้นหอบแฮ่ก ๆ “เดี๋ยวก็เย็นก่อนหรอก ไปถึงก็ไม่รู้ว่าจะได้เข้าไปในศาลเจ้ารึเปล่าก็ไม่รู้ คนเยอะขนาดนี้” นักท่องเที่ยวที่เดินสวนไปสวนมาไม่ขาดสาย เผลอ ๆ ไปถึงศาลเจ้าก็ต้องต่อคิวรอเข้าและกว่าจะได้เข้าก็คงหมดเวลาและศาลก็คงจะปิดก่อน “วาไม่ไหวแล้ว ขอพักแป๊บ” “เราอายุเท่าไรเนี่ย!?” “เป็นน้องพี่คริสแล้วกันค่ะ… พี่คริสสสสวาขอน้ำดื่มให้ชื่นใจหน่อย” ฉันมองแก้วน้ำมะพร้าวที่ซื้อมาหลังจากปาลูกโป่ง เนื่องจากทั้งฉันและพี่คริสต่างเอาเงินไปทุ่มกับการชิงของรางวัลก็เลยเหลือเงินซื้อน้ำแค่แก้วเดียว “เอาไป” ฉันนั่งมองแก้วที่ถูกยื่นส่งมาตรงหน้า “ม่ายยย ป้อนหน่อย” ฉันส่ายหน้าพร้อมอาปากขึ้นเล็กน้อย “เป็นเด็กทารกรึไงเรา?” “เปล่า แต่ป้อนหน่อย อ้าาาา~” พี่คริสมองซ้ายแลขวาและจ้องมาที่ฉันที่กำลังงอแง “อายคนอื่นเขา ลุกขึ้นมาเร็ว” “พี่คริสก็ป้อนวาสิคะ อ้ำ ๆ” “…” พี่คริสมองฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะงับหลอดเข้าปากตัวเองและยักคิ้วให้ฉันเชิงกวนโอ๊ย ฉันเบิกตากว้างมองน้ำที่เหลือน้อยนิดกำลังจะหมดลงจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที “พี่คริส!เดี๋ยวมันหมดก่อน พอหมดวาก็จะขาดน้ำแล้วตายลงในที่สุด” คำพูดประโยคนี้ของฉันทำเอาพี่คริสขำพรืดจนตัวงอ “พี่คริสอะ!” ฉันคว้าแก้วน้ำมาไว้ในมือก่อนจะรีบดูดจนหมด “มีแรงยัง?” “มีแล้วก็ได้” คราวนี้ฉันเดินนำด้วยใบหน้าอันบูดบึ้ง “รอด้วยสิ!” “พี่คริสก็ตามมาเร็ว ๆ สิคะ อายุไม่เท่าไรเองเดินช้าจัง” “ตลกแล้วเราน่ะ” “คิคิ” ฉันหันมายิ้มกว้าง ยื่นมือให้พี่คริสจับและเดินเคียงข้างกันขึ้นไปจนเกือบถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ “โห คนเยอะจัง” นักท่องเที่ยวหัวดำ หัวแดง เหลือง ชมพู ฟ้า ม่วง ส้มต่างพากันยื่นต่อแถวเพื่อเข้าไปกราบไหว้และบูชาเครื่องรางยาวตั้งแต่ทางเข้ายันปลายแถวสิ้นสุดบริเวณถนนทางเดิน “แถวคดเคี้ยวยิ่งกว่างูอีกอะพี่คริส แต่มาแล้วยังไงก็ต้องได้เข้า ต่อแถวกันค่ะ” เกือบสองชั่วโมงผ่านไปฉันและพี่คริสก็ไม่มีทีท่าจะได้เข้าไปข้างใน แม้แต่จะเฉียดประตูทางเข้าคงต้องรอไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมงแน่นอน ฉันยืดเขย่งเท้าเพื่อมองต้นแถว “อีกนานเลยอะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ” ฉันจับแขนพี่คริสเพื่อพลิกดูเวลาที่ข้อมือของพี่คริส “ห้าโมงกว่าแล้ว อีกไม่กี่นาทีศาลก็จะปิดแล้วอะพี่คริส วันนี้เราอดเข้าแน่ ๆ เลยค่ะ” ระหว่างที่ฉันและพี่คริสกำลังยืนเข้าคิวอยู่ก็มีเสียงประกาศจากคนดูแลว่าศาลจะปิดในเวลาหกโมงครึ่งก่อนที่ฟ้าจะมืดและจะลำบากในการเดินกลับเข้าตัวเมือง “พี่ว่าไม่ทันแน่ ๆ เรือรอบสุดท้ายก็ใกล้จะเทียบท่าแล้ว” “…เสียดายจัง วาอุตส่าห์ตั้งใจมากับพี่คริส” ฉันก้มหน้าเจื่อนสายตาแววตาเศร้าเสียดาย “ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาอีกทีแล้วกัน โอเคไหม?เดี๋ยวพี่พาวามาอีกรอบ” “จริงนะคะพี่คริส” ฉันกลัวว่าพรุ่งนี้พี่คริสจะผิดคำสัญญาเพราะพี่คริสอาจจะต้องอยู่ทำงานจบกับเพื่อนที่กำลังจะมาในไม่กี่นาทีข้างหน้า “หน้าบูดอีกแล้ว พี่สัญญา” ฉันเหลือบสายตามองนิ้วก้อยเล็ก ๆ ที่ยื่นมาให้คำมั่นสัญญาตรงหน้า มีเหรอที่ฉันจะไม่ตกลงน่ะ นาน ๆ ทีพี่คริสจะทำอะไรน่ารักแบบนี้ “สัญญานะคะ” ฉันรีบยื่นนิ้วก้อยตัวเองเกี่ยวก้อยกับพี่คริสและสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มสดใสราวกับไม่เคยทำหน้าบูดบึ้งน้อยใจมาก่อน “เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริงนะเรา” “ก็พี่คริสน่ารักนี่น่า” ฉันพุ่งโผเข้ากอดพี่คริสทันที ท่านเทพเจ้าคะขอให้ไอวาคนนี้สมหวังในความรักด้วยเถอะค่ะ ฉันส่งจิตเข้าไปบอกกล่าวศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า “พี่คริส…” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาช่างออดอ้อนออเซาะโดยอัตโนมัติเพราะต้องทำให้คำว่ารักที่กำลังจะบอกดูอ่อนหวานน่ารักปนเซ็กซี่และจับใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ “วารั…” “รีบไปกันเถอะ กว่าจะลงไปถึงเรือคงจอดท่าพอดี” “พี่คริส…” ฉันยืนอ้าปากค้างมองพี่คริสที่หันหลังรีบรนกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงเขาไป ทำไมการจะบอกความในใจมันถึงยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้นะ! ยังไงวันนี้ต้องพูดออกไปให้ได้เลย!ไอวาคนนี้ไม่ย่อท้อหรอก “ท่านเทพเจ้าคะ เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ” ฉันหันหน้าไปทางศาลเจ้าและยกมือขึ้นไหว้ “พี่คริสรอวาด้วย~” ตอนนี้ฉันหอบหายใจอันโรยรินหลังจากตามพี่คริสมาที่ท่าเรือจนทัน “ป้าแจงวาขอน้ำเปล่าเย็น ๆ ขวดหนึ่งค่ะ” “นี่จ้ะหนูวา” “ขอบคุณค่ะป้า” เมื่อน้ำเย็นอยู่ในมือแล้วจึงรีบยกกระดกซดดับกระหายทันที “อ้าาา~ ค่อยยังชั่ว ป้าแจงคะวาขอติดเงินไว้ก่อนนะคะเดี๋ยวพรุ่งนี้วาจะเอามาจ่าย พอดีไปเล่นของเล่นในงานจนล้มละลายเลยค่ะ” “สำหรับหนูไอวาได้เสมอ สนุกไหมงานปีนี้ป้ายังไม่ว่างไปเที่ยวเดินเลย” “สุด ๆ ไปเลยค่ะป้า ของกินเยอะแยะอลังการมาก ป้าต้องหาเวลาไปเดินนะคะ” “ได้เลย ป้าว่าจะฝากร้านกับหลานวันพรุ่งนี้แหละ” “วาแนะนำผลไม้เคลือบน้ำตาลค่ะ อย่างนี้เลย” ฉันยกนิ้วโป้งแสดงถึงความอร่อยของสิ่งที่เพิ่งพูดถึง “โอ๊ะเรือมาแล้ว วาขอตัวไปรับแขกก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาเงินมาให้นะคะ ขอบคุณค่ะป้าแจง” จากนั้นฉันก็เดินไปหาพี่คริสที่กำลังรอเรือจอดเทียบท่าให้สนิทก่อนปล่อยผู้โดยสารรอบสุดท้ายลงจากเรือ “พี่คริสน้ำค่ะ” ฉันเห็นว่าพี่คริสน่าจะเหนื่อยกว่าฉันมากเพราะเจ้าตัวเล่นวิ่งตลอดทางไม่ยอมพัก “ขอบใจ” ฉันยืนมองพี่คริสที่รีบเปิดฝาขวดออก พี่ใครก็ไม่รู้น่ารักเป็นบ้า จะน่ารักทุกท่วงท่าแบบนี้ไม่ได้นะคะ ใจหวิวไม่ไหว “ยิ้มอะไร?” “วาแค่คิดว่าทำไม… พี่คริสของวาน่ารักกระทั่งตอนดื่มน้ำ” พี่คริสส่ายหัวให้กับคำพูดของฉันก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่มต่ออีกนิด “คริส!” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายขึ้นและเมื่อฉันหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อพี่คริสก็พบว่าเป็นผู้ชายตัวสูงผิวขาวจั๊วะและมีกล้ามเล็กน้อยพอสวยงามไม่ใหญ่เหมือนนักเพาะกาย “ไอ้ขุนมาเงียบ ๆ ตกใจหมด!” ฉันไม่ยักจะรู้ว่าเพื่อนพี่คริสเป็นผู้ชาย ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเพื่อนผู้หญิงจะมาทำงานด้วย “เพื่อนพี่คริสเหรอคะ?เพื่อนที่ว่าคือผู้ชายเหรอคะ?” “ใครบอกว่าพี่…” คริสรีบพูดแทรกเพื่อที่จะแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน “ใช่ ขุนนี่ไอวานะ ส่วนนี่ขุนแฟนพี่เอง” “… คะ?พี่คริสว่ายังไงนะคะ?” จู่ ๆ น้ำลายที่คอก็เหนียวจับกันเป็นก้อน ฉันถามพี่คริสย้ำรอฟังอีกรอบเอาให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป บางทีเสียงรอบข้างอาจจะดังจนทำให้การได้ยินนั้นผิดเพี้ยนไป “แฟนพี่เอง” พี่คริสแนะนำอีกครั้งและคราวนี้ก็ควงแขนกันโชว์ต่อหน้าฉันอีกด้วย บรรยากาศรอบข้างฉันดับสนิท หูไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย อกมันจุกขึ้นถึงลิ้นปี่และเริ่มขึ้นมาบริเวณดวงตาจนรู้สึกร้อนผ่าว “…” ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป รู้แต่ว่าไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ต้องรีบหนีห่างจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่จะอดกลั้นน้ำตาไม่อยู่และปล่อยมันไหลต่อหน้าพี่คริส ฉันเบือนหน้าหนีและวิ่งสุดกำลังโดยไม่หันหลังกลับไปมองและไม่พูดอะไรออกไป น้ำตาของฉันร่วงแผละลงทันทีที่ฝีเท้าเริ่มขยับ ***
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม