บทที่ห้า(2)

2009 คำ
“ขอบคุณสำหรับอาหารค่าาาา~” ฉันรวบช้อนส้อมวางลงบนจานหลังจากอิ่มแปล้และพร้อมออกชมเที่ยวงานเทศกาล “พี่คริสเราไปหาของหวานกินเล่นกันในงานต่อกันดีกว่าค่ะ” “เดี๋ยวไอวา!กลับมาเก็บจานตัวเองก่อนไหม?” “อุ๊ยลืม…” ฉันยกมือขึ้นแสร้งปิดปากทำท่าลืมแต่ความจริงแล้วมิรารู้ว่าฉันกำลังจะชิ่งหนีไม่ยอมเก็บเพราะรีบไปเดตกับพี่คริส “คนอย่างแกเนี่ยนะจะลืม มีแต่จะรีบชิ่งมากกว่า พี่คริสดูไอวามันสิคะ” “ก็เก็บแล้วนี่ไง อะเช็ดโต๊ะให้ด้วย” ฉันเก็บจานชามไว้ในอ่างพร้อมเปิดน้ำไล่เศษอาหารก่อนจะหยิบผ้าเช็ดโต๊ะขึ้นขยี้สบู่เหลวและทำการทำความสะอาดจนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ลอยฟุ้ง “พี่คริสอย่าไปฟังมิรานะคะ วาเป็นดีเด็กจะตาย” “ความดีตายหายไปจากตัวแกมากกว่าน่ะสิ!” “จะยังไงก็ช่างแต่วาจะดีกับพี่คริสเสมอ” “สองมาตรฐาน!” “ก็รู้นี่ แบร่!... โอ๊ย” จู่ ๆ กำปั้นพี่คริสก็ลอยมาเขกศีรษะของฉัน “พี่คริสสสส” “เลิกเถียงกันได้แล้ว เดี๋ยวเสียเวลาเดินเที่ยวนะ วันนี้เพื่อนพี่จะมารอบเย็นต้องไปรับที่ท่าเรืออีก” “เพื่อนพี่คริสเหรอคะ?มาเที่ยวเหรอ?” “อืม ความจริงแล้วจะมาทำงานส่งอาจารย์ด้วยแต่ตรงกับช่วงเทศกาลหมู่บ้านเราก็เลยชวนมาเที่ยวเล่นด้วยเลย” “โอเคค่ะพี่คริส งั้นเราไปกันดีกว่า เห็นว่าปีนี้ลงอาหารหลายอย่างมาก ๆ เลย” “เที่ยวให้สนุกนะคะพี่คริส” “อยู่แล้วน่ามิรา” “ฉันบอกพี่คริสต่างหากเล่า! “งั้นฉันกับพี่คริสไปก่อนนะ บาย” ฉันและพี่คริสโบกมือลามิราจากนั้นตลอดระยะทางเดินไปยังตัวเทศกาลฉันก็ควงแขนไม่ปล่อยเลย “พี่คริสดูนั่นสิคะ น่ากินจังเลย” ฉันปล่อยมือออกจากการเกาะแกะพี่คริสและวิ่งไปหน้าร้านขายผลไม้ที่ถูกเสียบกับไม้ลูกชิ้นตั้งวางเรียงกันอย่างสวยงาม สตอเบอรี่ ส้ม บลูเบอร์รี่และผลไม้อื่น ๆ ถูกห่อหุ้มเคลือบน้ำตาลบาง ๆ น่ากินมาก “เอาสตอเบอรี่สองไม้ค่ะ” ฉันหยิบสตอเบอรี่เคลือบน้ำตาลใสส่งยื่นให้พี่คริสหนึ่งไม้ “ของพี่คริส พี่คริสชิมดูสิ อร่อยถูกใจวามากเลย เป็นยังไงบ้างคะ?” เมื่อสตอเบอรี่หนึ่งลูกกำลังถูกบดเคี้ยวฉันก็ลุ้นรอคำตอบว่าพี่คริสชอบเหมือนกันกับฉันไหมและคำตอบที่ได้ก็ชื่นใจเพราะพี่คริสก็ชอบเหมือนกัน “อืม อร่อยดี เดี๋ยวขากลับลองส้มดูดีกว่า” “โอเคเลยค่ะพี่คริส ถ้าพี่คริสชอบขนาดนี้แล้วละก็…” ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแฉ่ง “ก็อะไร? ... อย่าบอกนะว่า” “อืมที่พี่คริสเข้าใจนั่นแหละ วาจะทำให้พี่กินเอง ไม่ว่าพี่อยากจะได้ผลไม้อะไรวาก็จะไปดั้นด้นหามาเคลือบน้ำตาลให้จนได้ ไม่ว่าจะเป็น…” “ไม่เอาอะ มีหวังฟันหักแน่” “พี่คริสฟังวาให้จบก่อนคะ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ให้วานำเสนอผลไม้ที่จะเอามาทำก่อน ส่วนเรื่องฟันหักนั้น… วาว่าหักแน่ ฮิฮิ” “ไหนว่ามาว่าเราจะเอาผลไม้อะไรมานำเสนอพี่” “อืมมม ถ้าสตอเบอรี่หรือส้มมันก็ดูจะซ้ำกับร้านขายทั่วไป อ่อ… ตะขบดีไหมคะพี่คริส แปลกใหม่ไม่เหมือนใครดี” “….” พี่คริสหยุดชะงักมองหน้าฉันนิ่ง “พี่คริสอย่าเงียบสิ มันกินได้เชื่อวาสิคะ งั้นเปลี่ยนเป็นตะลิงปลิงดีไหมคะเปรี้ยวตัดกับหวาน” “…เราไม่ได้จะวางแผนฆ่าพี่ใช่ไหมเนี่ย!?” “พี่คริส!วาไม่คุยด้วยแล้ว” ขณะที่ฉันกำลังจะเดินสะบัดก้นหนีเพราะงอนเหล่าฝูงนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้มาจากไหนก็หลั่งไหลเข้ามาจนแน่นเอี๊ยด “พี่คริสระวังค่ะ” ฉันรีบคว้าตัวพี่คริสดึงประชิดเข้าตัวเพื่อหลบนักท่องเที่ยวร่างใหญ่ผมทองที่กำลังจะใช้กล้ามแน่น ๆ ของเขาชนพี่คริสของฉันกระเด็นโดยที่เจ้าตัวคนชนคงไม่รู้สึกตัวและไม่ทันได้ระวัง ซึ่งกลับกลายเป็นว่าตอนนี้พี่คริสกับฉันกำลังยืนกอดกันกลมเกลียวท่ามกลางฝูงชนที่เบียดเสียดทั้งหน้าและหลังของพวกเรา “วารักพี่คริสจะตายไป วาไม่ฆาตกรรมด้วยอาหารหรอกน่าพี่คริส” “ค่อย ๆ เดินไปนะ ระวังล้มแล้วจะโดนคนเหยียบเอา” เราทั้งคู่ต่างพากันกอดกันคอยระวังคนแปลกหน้าเข้าชนและค่อย ๆ เดินกระดึ๊บตามทางไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหลุดออกจากฝูงชนตรงนี้ “อือ แต่วาอยากให้คนแน่นเบียดเราสองคนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จังเลยค่ะ พี่คริสจะได้อยู่ในอ้อมกอดวานาน ๆ” “ไม่อึดอัดหรือไงเราน่ะ แน่นจนหายใจไม่ออกอยู่แล้ว” “วาทนได้ค่ะถ้าตรงนี้เป็นพี่คริส... วันนี้พี่คริสก็ตัวหอมอีกแล้ว พี่คริสค่ะคือวาน่ะ...” บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสสารภาพรักของฉันก็ได้ ว่าแต่มาสารภาพกลางฝูงนักท่องเที่ยวแบบนี้มันไม่โรแมนติกเอาเสียเลย แต่ใจฉันนี่สิมันร้อนรนอยากเผยความในใจออกไปให้พี่คริสได้ฟังเร็ว ๆ “คือว่าวาน่ะ…” ในขณะที่ฉันรวบรวมความกล้าและกำลังจะสารภาพออกไปสถานการณ์ก็ดันไม่เอื้ออำนวย “ค่อยยังชั่ว หลุดจากฝูงชนแล้ว” “ค่ะพี่คริส งั้นวาจะพูดต่อเลยนะคะคือว่า…” “ไอวาดูตรงนั้นสิ!มีซุ้มงานวัดด้วย ตั้งแต่อยู่มาพี่ยังไม่เคยเห็นหมู่บ้านเราแห่เอาของเล่นพวกนี้มาเลย นี่ครั้งแรกใช่ไหมหรือว่าเอาของพวกนี้มาหลังพี่ไปเรียนไปเมือง” ฉันมองพี่คริสที่กำลังแร็ปยาวจนแทบจะไม่หายใจเพราะความตื่นเต้นกับสิ่งตรงหน้าก็ทำให้ฉันไม่กล้าที่จะขัดพูดสารภาพรักออกไปตอนนี้ สงสัยเวลาที่เหมาะสมจะไม่ใช่เวลานี้ รอไปอีกสักหน่อยน่าจะดีกว่า ส่วนตอนนี้ก็สนุกกับซุ้มตรงหน้าที่ทำให้พี่คริสตื่นเต้นกันดีกว่า “เพิ่งมีปีนี้ค่ะพี่คริส วาก็เพิ่งเคยเจอเหมือนกัน งั้นเราไปเล่นซุ้มแรกกันดีกว่าค่ะ” ฉันคว้ามือพี่คริสก่อนวิ่งปรู๊ดไปหน้าซุ้มปาลูกโป่ง “มีกติกายังไงบ้างเหรอคะ?” สรุปก็คือกติกาที่ร้านให้มีอยู่สองวิธี แบบแรกก็คือได้ลูกดอกทั้งหมดห้าลูกและถ้าอยากได้รางวัลใหญ่ก็ต้องปาให้ลูกโป่งสีเดียวกันแตกทั้งหมดห้าลูก พลาดแม้แต่นิดเดียวก็หมดสิทธิ์อดได้รางวัลไป ส่วนแบบที่สองก็คือต้องปาให้ลูกโป่งทั้งแผงแตกให้หมดโดยลูกดอกมีเท่ากับจำนวนลูกโป่งที่จัดเรียงยัดไว้ตามช่อง ในส่วนนี้จะได้ตุ๊กตาตัวใหญ่ยักษ์กว่าวิธีแรก และฉันจะเล่นมันทุกแบบและจะคว้ารางวัลมาให้พี่คริส “พี่คริสลองดูสิคะ พี่จะลองแบบไหน?” “อื้ม.. แบบแรกแล้วกัน” “โอเคเลย!” ฉันรีบชิงจ่ายเงินให้พี่คริสและรับลูกดอกทั้งห้าลูกมาไว้ในมือ “วาเลี้ยงเกมนี้เองค่ะ ว่าแต่พี่คริสเล็งลูกโป่งสีไหนไว้คะ?” “สีเหลือง” “สู้ ๆ นะพี่คริส” พี่คริสมองหน้าฉันและพยักหน้าให้ก่อนจะตั้งสมาธิแน่วแน่ ยกลูกดอกขึ้นมาไว้และปามันออกไป ปัง!เสียงลูกโป่งดังขึ้นหนึ่งครั้ง “เย่โดนแล้วหนึ่งลูก!” ฉันร้องดีใจออกหน้าออกตาเกินเจ้าตัว “แต่พี่ตั้งใจจะเอาสีเหลืองนะ” ลูกโป่งที่ถูกจิ้มโดยลูกดอกคือสีชมพูที่วางอยู่ข้างกับสีเหลือง “ไม่เป็นอะไรค่ะพี่คริส อย่างน้อยครั้งแรกก็ปาโดนแล้ว คราวนี้เราก็เปลี่ยนไปเล็งเอาสีชมพูแทน อีกแค่สี่ครั้งเองก็จะได้ตุ๊กตาแล้ว” ฉันปลอบใจและหันไปลุ้นกับลูกดอกลูกต่อไปที่คริสกำลังจะปามันออกไปอีกครั้ง “เริ่มละนะ” สีชมพู สีชมพู ฉันท่องในใจและลุ้นกับตัวเองเงียบ ๆ ทันใดนั้นเองพี่คริสก็ปามันออกไป ฉันหลับตาลงทันทีและรอฟังเสียงแตกปังของมัน ขอให้โดนด้วยเถิด ปัง!! “เย้!!โดนอีกแล้วววว” ฉันกระโดดลอยตัวขึ้นฟ้ากอดพี่คริสด้วยความดีใจ “เมื่อกี้วาลุ้นแทบตายกลัวว่าจะไม่โดน” ฉันเงยหน้ายิ้มหวานมองพี่คริสด้วยสีหน้าอันเบิกบานแต่สีหน้าของพี่คริสกลับตรงกันข้ามกับฉันโดยสิ้นเชิง พี่คริสจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันและหมุนตัวให้เผชิญกับซุ้มด้านหน้า “อ้าว… โดนสีเหลือง” ฉันหลุบตาลงเล็กน้อย “แต่อย่างน้อยก็ปาโดนนะคะ แหะ” ฉันยกมือขึ้นเกาศีรษะแก้เขิน เมื่อกี้ร้องเล่นร้องซะดังจนคนหันมามอง “อดได้แล้วเนี่ย” พี่คริสบ่นหน้ายู่ก่อนจะปาลูกดอกที่เหลืออยู่ในมือแบบสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียดเหมือนกับตอนแรก “งั้นคราวนี้วาจะแก้มือให้พี่คริสเองค่ะ วาจะคว้าเจ้าตัวนั้นให้ได้!” ฉันชี้ขึ้นไปที่ตุ๊กตาปลาโลมาที่แขวนห้อยโชว์โตงเตงอยู่หน้าร้าน “ตัวนี้ต้องเล่นแบบไหนคะ? จัดแบบนั้นมาเลยค่ะ!” ฉันควักเงินในกระเป๋ากางเกงวางแบไว้กับโต๊ะแต่พี่คริสก็ชิงจ่ายให้ก่อน “รอบนี้พี่เลี้ยงเราเอง” “แต่วาอยากเปย์” “เราก็เอาเจ้าตัวนั้นให้พี่แทนค่าเกมไง ตกลงไหม?” “ค่ะ!” และฉันก็ได้ลูกดอกห้าลูกมาครอบครอง ฉันหลับตาลงหนึ่งข้างเพื่อเพิ่มความแม่นยำให้กับสายตาของตัวเองจากนั้นก็ปาพุ่งเข้าไปยังลูกโป่งลูกสีแดงสดที่เล็งไว้ “เยส!โดนแล้วลูกแรก” หลังจากลูกแรกผ่านไปฉันก็แหงนหน้าขึ้นมองตุ๊กตาปลาโลมาอีกครั้งเพื่อสร้างกำลังใจ ปัง ปัง ปัง ปัง ลูกโป่งสีแดงที่เหลืออีกสี่ลูกก็ทยอยแตกตาม ๆ กัน “พี่คริสวาได้มาแล้ว นุ๊มนุ่ม” ฉันกอดปลาโลมาตัวยาวแนบหน้าเอาแก้มทาบตุ๊กตาด้วยความดีใจก่อนจะยื่นไปตรงหน้า “นี่ค่ะโลมา วาให้พี่คริสเอาไว้กอดก่อนนอนหรือตอนคิดถึงวา” “ขอบใจ แต่พี่คงวางไว้เฉย ๆ ไม่กอดหรอกถ้านึกถึงเราน่ะ” “พี่คริสอะ!ไม่รู้แหละโลมาตัวนี้เป็นตัวแทนวาเอาไว้ให้พี่คริสกอด” ฉันยื่นยัดตุ๊กตาปลาโลมาให้พี่คริสรับไว้ก่อนจะเอ่ยร้องขอตุ๊กตาวาฬบ้าง “พี่คริสวาอยากได้ตัวนั้นบ้างจัง เอาไว้เป็นตัวแทนพี่คริสได้ไหมคะ?” ฉันชี้ไปยังวาฬเพชฌฆาตตัวโตที่แขวนอยู่ในสุดของร้าน “ป้าคะ วาฬตัวนั้นแบบห้าลูกหรือเหมาทั้งแผงคะ?” “ต้องปาให้โดนทุกลูกจ้ะ” “โอเคค่ะป้า” ฉันเม้มปากกลั้นยิ้มเมื่อเห็นว่าพี่คริสตั้งใจจะคว้าวาฬตัวนั้นมาให้ตามคำขอ ทว่าเกมแล้วเกมเล่าพี่คริสก็พลาดทุกครั้งจนกระทั่งรอบนี้เป็นรอบที่สิบ “อีกเกมค่ะป้า” “พี่คริสวาไม่เอาก็ได้” ฉันดึงแขนพี่คริสและรีบตะครุบเงินที่วางบนโต๊ะ ตอนนี้สีหน้าพี่คริสค่อนข้างหนักใจนิดหน่อยคงเป็นเพราะอยากจะได้น้องวาฬจริง ๆ “ไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรค่ะพี่คริส งั้นวาขอน้ำเย็น ๆ หนึ่งแก้วแทน” ฉันหันไปมองร้านค้าว่าแถวนี้มีร้านน้ำอะไรขายบ้าง “วาขอมะพร้าวนมสดปั่น” “อื้ม… โอเค” ฉันเงยหน้าขึ้นบนท้องฟ้าทองพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยไปทิศตะวันตก “ไปกันค่ะ ซื้อแล้วเราขึ้นไปศาลเจ้ากันเลยนะเดี๋ยวมันจะเย็นสักก่อน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม