บทที่สี่

2358 คำ
ฉันรีบควบจักรยานปั่นด้วยความเร็วสูงพุ่งตรงไปรับเจเจที่โรงเรียนและเมื่อไปถึงก็เห็นเจเจกำลังนั่งร้องไห้โดยมีคุณครูกำลังปลอบใจอยู่ข้าง ๆ “เจเจ พี่มาแล้ว” ฉันจอดจักรยานพิงข้างผนังโดยไม่เสียเวลามาตั้งขาตั้ง “แง้~ พี่วา...เจอยู่คนเดียว เพื่อนหายหมดแย้ว” เจเจผละตัวออกจากอ้อมกอดของคุณครูประจำชั้นก่อนเดินปาดน้ำตาวิ่งพุ่งเข้าเอาหน้าซุกท้องและใช้มือเล็ก ๆ กอดรัดต้นขาฉันจนแน่น “ขอบคุณคุณครูมากนะคะ พอดีวามีธุระนิดหน่อยก็มารับเจเจสายไปหน่อย” “สายมากต่างหาก” เจเจผละยืนสูดน้ำมูกมองค้อน “โอ๋ ๆ พี่มารับแล้วนี่ไง กลับบ้านกันเลยดีไหมครับ? วันนี้เอาจักรยานมาด้วยน้าาา” “ก็ลองเดินมาสิ” ขนาดแค่สองขวบกว่า ๆ ยังเถียงเก่งขนาดนี้ ต่อไปยิ่งโตจะเถียงเก่งขนาดไหนเนี่ย ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยแบบนี้มาจากใคร “กลับบ้านกันครับ เกาะพี่แน่ ๆ นะ” ฉันอุ้มเจเจนั่งซ้อนเบาะหลังของจักรยานก่อนควบและปั่นกลับบ้านและเมื่อจอดเทียบหน้าบ้านเจเจก็ตะโกนร้องเรียนมิราทันที “พี่มิราาาาา พี่มิรามาอุ้มเจเจเข้าบ้านหน่อย” ฉันขมวดคิ้วและอ้าแขนเพื่อที่จะอุ้มเจเจลงพื้น “ไม่เอา!! เจโกรธพี่แล้ว” “เอาน่า มาเร็ว เดี๋ยวพี่อุ้มลง” เจเจมองหน้าฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะเบะปากร้องไห้ดังลั่นจนทำให้พี่คริสเปิดประตูออกมาและเดินเข้ามาหา “ม่ายยยยยย ม่ายอาวววว พี่มิราาาาาาาาาาา แง้~” “เจ! อย่าดื้อสิครับ เดี๋ยวพี่อุ้มลงเองและอีกอย่างพี่มิราอาจจะไม่ว่างออกมารับเราตอนนี้ก็ได้” พูดจบฉันก็คว้าเจเจขึ้นมาทันที แต่เนื่องด้วยเจเจไม่ยอมให้ฉันแตะตัวจึงดิ้นสุดแรงจนทำให้ทั้งฉัน เจเจและจักรยานพากันล้มกองกันบนสนามหญ้า “วาเป็นอะไรไหม?” “พี่คริส...วาเจ็บ” สีหน้าจากหงุดหงิดในความดื้อดึงของเจเจเปลี่ยนเป็นลูกแมวกำลังขอความช่วยเหลือ พี่คริสรีบเอาจักรยานที่ล้มทับฉันขึ้นตั้งก่อนจากนั้นจึงย่อตัวลงนั่งมองฉันสลับกับเจเจที่ยังคงร้องไห้และดิ้นกับพื้นอย่างเอาแต่ใจตัวเอง “เจจะให้พี่มิรามารับอุ้ม เจไม่เอาพี่วาแล้ว” “พี่คริสช่วยวาด้วย วาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ปรกติไม่เคยเป็นแบบนี้” ฉันหันมองเจเจอย่างเหนื่อยใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เจเจต่อต้านและฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องปลอบยังไงให้ใจเย็นลง “วาฝากพี่คริสหน่อยนะคะ เดี๋ยวเข้าไปตามมิราก่อน” “อือ อย่าห่วงเลย” เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปบ้านก็พบแต่ความเงียบสงัดและมืดสนิท “มิราอยู่เปล่า?” ฉันเดินหามิราจนทั่วบ้านทุกซอกทุกมุมก็เจอแต่ความว่างเปล่า สงสัยมิราจะออกไปตลาดแล้วอย่างแบบนี้ฉันจะทำยังไงกับเด็กน้อยที่กำลังนอนงอแงอยู่นอกบ้านดีละเนี่ย ยิ่งคิดยิ่งลำบากใจ แต่เมื่อฉันเปิดประตูออกไปก็สัมผัสความสงบทันที เจเจกำลังนั่งเล่นหัวเราะร่าเริงกลับพี่คริสราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน “โหพี่คริสทำได้ยังไงคะเนี่ย?” ฉันมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยสักนิด “พี่ทำอะไร?” “นี่ไงคะ เจเจหยุดงอแงแล้วแถมอารมณ์ดีอีกต่างหาก พี่คริสของวาเก่งจัง” ฉันเหล่มองเจเจที่กำลังวิ่งสนุกสนานไล่จับผีเสื้อปีกเหลืองที่กำลังบินวนหนี “เรื่องนี้พี่ฝึกมานานก็ต้องเก่งเป็นธรรมดา” “พี่ไปฝึกตอนไหน?” “จะที่ไหนสักอีกละก็จากเรานั่นแหละ” “วาไม่งอแงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้สักหน่อย ไม่รู้ว่าได้ใครมา” “ได้ใคร? ก็ได้เราไงไอวา” “พี่คริสอย่ามั่วสิคะ ไม่จริงสักหน่อย” พี่คริสเปลี่ยนจากนั่งย่อตัวตรงหน้าเป็นนั่งขัดสมาธิและใช้มือตบพื้นหญ้าด้านหน้าให้ฉันขยับเข้าไปใกล้ ฉันจึงทำตามคำสั่งแต่ใกล้กว่าที่ขอจนขาของฉันเกยทับขาของพี่คริส “ใกล้ไป ถอยออกไปหน่อย” “พี่คริสพูดต่อสิคะ” “เจเจไม่เหมือนเราจริง ๆ นั่นแหละ...” “เห็นไหมเล่าาา” ฉันฉีกยิ้มกว้างจนมุมปากจะฉีกไปหลังหู “เพราะว่าเราน่ะดื้อกว่าน้องอีก” พี่คริสยักคิ้วหนึ่งข้างให้ฉันอย่างยียวนจากนั้นจึงหัวเราะร่วนอย่างพออกพอใจ “...” ฉันหุบยิ้มมองคนตรงหน้าที่กำลังโชว์ฟันขาวด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทแต่ความคิดในหัวสมองกำลังแล่นพุ่งพล่านว่าจะทำยังไงกับคนตรงหน้าดี “งอนเหรอเรา” “เปล่า...แต่ว่า...” มุมปากของฉันเหยียดยกขึ้นหนึ่งด้าน สายตาที่กำลังจ้องมองใบหน้าเลื่อนต่ำลงมาหยุดบริเวณลำตัวและนิ้วทั้งสิบก็พุ่งเข้าจู่โจมเอวบาง ๆ ของพี่คริสทันที ฉันรู้จุดอ่อนสำคัญของพี่คริสยังไงล่ะ “ไอวา คิกคิก อย่า...ป-ปล่อย~” คริสพยายามคว้ามือของฉันแต่ความบ้าจี้จึงทำให้ไม่มีแรงดึงออก “อ๋ออย่าปล่อย พี่คริสได้สิทธิ์นั้นเดียวนี้” และฉันก็ละเลงรัวนิ้วจนพี่คริสหงายหลังนอนแผ่หัวเราะคิกคัก กว่าจะรู้ตัวตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งคร่อมพี่คริสอยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้านอย่างไม่อายใครต่อใครที่เดินผ่านไปผ่านมา “คิดว่าพี่บ้าจี้คนเดียวเหรอไง!” พี่คริสก็รู้จุดอ่อนจุดนี้ของฉันเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างพากันบ้าจี้ “พี่คริสสสสสสสสอย่า~” แขนของฉันที่กำลังค้ำพื้นได้อ่อนแรงลงจึงทำให้ตัวฉันทิ่มทับพี่คริสทั้งตัว “คิคิ สงสัยพี่คริสอยากให้วากอดเลยจงใจแกล้งกลับ” “หนัก” พี่คริสดันตัวฉันให้ลงจากการถูกทับ “พี่คริส พรุ่งนี้เราไปเดินเล่นในงานกันนะ” “งานอะไร?พรุ่งนี้มีอะไรเหรอ?” “เมคเลิฟ…” ฉันเว้นวรรคประโยคเม้มปากลงเล็กน้อยและช้อนตามองพี่คริสแสดงถึงกำลังเขินอายเล็กน้อย “ไอวา!ทะลึ่งนะเรา!” สีหน้าและน้ำเสียงของพี่คริสทำเอาฉันหลุดขำพรืดออกมา “ขำอะไร?” “ขำพี่คริสนั่นแหละ วายังพูดไม่จบเลยก็คิดไปไกลถึงดาวอังคารซะแล้ว เทศกาลเมคเลิฟเวอร์เฟสติวัลต่างหาก… ใครกันแน่ที่ทะลึ่ง” เนื่องจากเทศกาลเมคเลิฟเวอร์เฟสติวัลเพิ่งจัดได้เมื่อสองปีก่อนซึ่งช่วงนั้นพี่คริสย้ายเข้าไปเรียนในตัวเมืองก็เลยไม่รับรู้ว่ามีเทศกาลใหม่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ปรกติแล้วเทศกาลนี้เรียกอีกชื่อและจัดเพียงแค่วันศุกร์และวันเสาร์เท่านั้น แต่เมคเลิฟเวอร์เฟสติวัลจัดตลอดสัปดาห์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของหมู่บ้านเราโดยเฉพาะ ฉันเบี่ยงสายตาหลบหน้าก่อนที่จะหลุดขำไปมากกว่านี้ “ขำอีกแล้ว!ใครใช้ให้วรรคแบบนั้นเล่า เป็นใครก็เข้าใจผิดทั้งนั้นคิดว่าเราทะลึงลามกทั้งนั้นแหละ” “ตรู๊ดดดด!ผิดแล้ว พี่คริสคนเดียวนั่นแหละ แบร่!” ฉันแลบลิ้นปริ้นตาใส่คนคิดลึกคิดไปไกล “แกล้งพี่อีกแล้ว แกล้งพี่อีกแล้ว!เจอนิ้วพิฆาตหน่อยเป็นไรไป” ฉันเลิ่กคิ้วเล็กน้อยจากนั้นก็กลิ้งตัวเข้าประชิดพี่คริสและทำสิ่งที่ถนัดที่สุดก็คือการกอด ฉันใช้มือทั้งสองกอดรวบหัวรวบหางจนพี่คริสไม่สามารถกระดุกกระดิกทำสิ่งที่หมายมั่นจะทำได้ “คิดจะจั๊กจี้วาเหรอ?คิดว่าวารู้ไม่ทันพี่เหรอ?เสร็จวาแหละ” “ยิ้มทำไม” “ไม่ยิ้มก็ได้” ฉันหุบมุมปากให้กลับเข้าที่ ค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปหากลิ่นหอมซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนตรงหน้าช้า ๆ และตอนนี้ฉันสัมผัสได้ว่าพี่คริสกำลังเกร็งไปทั้งตัวแต่ก็ยังไม่เอ่ยปากไล่นั่นจึงทำให้ฉันได้ใจมากขึ้นไปอีก บางทีฉันอาจจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ได้อีก อีกนิด… ทันใดนั้นพี่คริสก็หลับตาพริ้มลงราวกับกำลังเชิญชวนอย่างไรอย่างนั้น ฉันขบริมฝีปากล่างของตัวเองเล็กน้อยซึ่งในใจเต็มไปด้วยความลังเล ตอนนี้ฉันได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ อุณหภูมิของร่างกายตีกันมั่วไปหมด ตึกตัก… ตึกตัก ในขณะที่บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิทฉันก็ได้ยินอีกหนึ่งเสียงของการเต้นไม่เป็นจังหวะ ซึ่งมันไม่ได้มาจากอกซ้ายของฉันแต่มันดังมาจากข้างหน้า ถ้าอย่างนั้นฉันจะสนองความต้องการของตัวเอง เมื่อหัวสมองประมวลได้ดังนี้ก็หลับตาพริ้มตามพี่คริสก่อนจะค่อย ๆ วางริมฝีปากลงแตะ พลั่ก! จู่ ๆ ตัวฉันก็หงายกลิ้งออกไปทางด้านข้างของพื้นที่โล่งแจ้งทันที ฉันยกมือขึ้นป้องแสงอาทิตย์ก่อนจะลืมตาขึ้นมองสู้แสงแดด และภาพตรงหน้าที่เห็นแทนที่จะเป็นใบหน้าอันน่าหลงใหลของพี่คริสกลับกลายเป็นเด็กสองขวบกว่ากำลังยืนจังก้าเอามือเท้าเอวหน้าบูดบึ้งบิดเบี้ยวแทน “เจเจทำไรน่ะ?” เด็กชายตัวเล็กแค่นี้แต่มีแรงพลักฉันออกห่างจากพี่คริสได้ยังไงกัน เห้อ!คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม “พี่วานิสัยไม่ดี” “หืม?พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ฉันพลิกตัวลุกขึ้นนั่งมองน้องชายที่กำลังกล่าวหา “ก็พี่วาจะรังแกพี่คริส” ฉันเหลือบสายตาแอบมองพี่คริสเล็กน้อยและรีบหันหน้ากลับไปทางเจเจตามเดิมเพราะเขินและทำตัวไม่ถูกแต่ก็ต้องพยายามทำตัวให้ปรกติที่สุด “พี่จะรังแกพี่คริสทำไมคะ?พี่รักพี่คริสจะตายไป” ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นเดินไปเข้าโผกอดพี่คริสและแหงนหน้ามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามเจ้าตัว “ใช่ไหมคะพี่คริส” “… ไม่รู้” “ใช่สิ วายืนยันเองเลย เห็นไหมเจเจพี่จะรังแกพี่คริสทำไมกัน” ฉันมองหน้าเจเจที่กำลังจะเบะปากทำท่าทำทางเหมือนจะร้องไห้ ขาเล็ก ๆ สองขาวิ่งตรงเข้าไปพี่คริสและใช้มือเล็ก ๆ ปัดมือของฉันออกและเสียบแทนนี่ทันที “พี่คริสของเจ” “มั่วนิ่ม!พี่คริสของวาต่างหาก” ฉันกลับเข้าไปกอดพี่คริสอีกครั้งหลังจากถูกเจเจดันออก มือเล็ก ๆ ฟาดลงบนต้นขาฉันรัว ๆ และพยายามจะดันฉันให้ออกห่างจากพี่คริสอีกครั้ง แต่แรงเด็กก็สู้แรงผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก “ออกไปนะ!” “ไม่ออก นี่พี่คริสของพี่วานะคะเจเจ เจเจต่างหากที่ต้องออก” “เจสนิทกับพี่คริส!” ฉันเหล่มองเจเจที่สมอ้างตัวเองทั้งที่ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาวันนี้และเมื่อกี้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเขาเพิ่งได้รู้จักพี่สาวตรงหน้าหยก ๆ “มั่วนิ่ม” “แง้~” เมื่อรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้จึงใช้น้ำตาและเสียงเข้าสู้จนฉันถูกพี่คริสดุจนได้ “เราก็เลิกแกล้งน้องได้แล้ว เถียงกับเด็กไม่อายหรือไง” “ก็มาโมเมว่าพี่เป็นของเจเจได้ยังไง” “ยังอีก เรานี่นะ” “โอเค ๆ วาไม่แกล้งน้องแล้วก็ได้” ฉันยักไหล่จบและจบเรื่องทั้งหมด ก็ดีเหมือนหันฉันก็เริ่มขี้เกียจเถียงเด็กน้อยต่อแล้ว “เจเข้าบ้านกัน” ฉันยื่นมือไปหาเจเจทว่ากลับถูกปัดออก “พี่คริสของเจ!” เด็กน้อยเบะปากเหลือบมองดูท่าทีของฉัน “อืม ๆ พี่คริสของเจก็ได้ เข้าบ้านกันดีกว่า” และในที่สุดเจเจก็หายงอนยอมจับมือกับฉันตามปรกติ “พี่มิราละ ไม่เห็นออกมาหาเจเจเลย” ยังไม่ลืมเรื่องที่จะให้มิรามาอุ้มอีก ถ้าฉันบอกไปว่ามิราไม่อยู่บ้านตอนนี้ เผลอ ๆ เจเจอาจจะร้องไห้งอแงอีกก็ได้ ช่วงนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้เอาแต่ใจตัวเองเป็นพิเศษ “พี่มิรา… เอ๊ะ!นั่นไง!” ฉันชี้ไปหามิราที่กำลังเปิดประตูรั้วพร้อมกับวัตถุดิบประกอบอาหารพะรุงพะรัง “มิราาาาาา~” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปเต็มไปด้วยความโล่งใจ โชคดีที่มิรากลับมาพอดีไม่งั้นนั้นฉันคงโดนเจเจป่วนร้องไห้งอแงและต้องให้พี่คริสช่วยกล่อมอีกรอบแน่นอน “อยู่กันครบเลย แล้วไหงไม่เข้าบ้าน” “เจเจดื้อน่ะสิ โชคดีมีพี่คริสมาช่วยชีวิตไว้ทัน” “อุ้มเจหน่อยครับ” เจเจอ้าแขนรอให้มิราอุ้มโดยไม่สนใจว่ามือเธอว่างหรือเปล่า “มา ๆ ฉันถือของให้” “ขอบใจ” มิราส่งข้าวของให้ทั้งหมดในมือให้ฉันก่อนหันไปถามพี่คริส “พี่คริสอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะคะ มิราซื้อมาเพียบเลย” “งั้นเย็นนี้พี่ฝากท้องด้วยนะ” “สำหรับพี่คริสได้เสมอค่ะ” มิรายิ้มหวานก่อนจะแบกเจเจเข้าไปในบ้านและตระเตรียมจัดการอาหารเย็นอย่างชำนาญ หลังจากรับประทานอาหารเย็นและเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วฉันก็รีบเอ่ยชวนพี่คริสย้ำอีกรอบหนึ่ง “พี่คริสพรุ่งนี้อย่าลืมนะคะที่วาชวน” “กี่โมงล่ะ?” “สักเก้าโมงเช้าก็ได้ค่ะ” “โอเค งั้นพี่กลับแล้วนะ” “ครับผมมม ฝันดีนะคะพี่คริส” ฉันกอดลาพี่คริสไปหนึ่งทีก่อนออกไปส่งนอกบ้าน ฉันยืนเกาะข้างรัวรอพี่คริสเข้าบ้านและเมื่อพี่คริสกลับเข้าบ้านของตัวเองแล้วฉันถึงกลับเข้าบ้านของตัวเองบ้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม