บทที่สาม(4)

868 คำ
ฉันแอบหรี่ตามองพี่คริสที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเงียบ ๆ โดยไม่บอกว่าฉันตื่นแล้ว น่ารักที่สุด ในที่สุดฉันก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งนิ่งจึงหลงฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันแต่ยังคงแอบหรี่ตามองอยู่จึงทำเอาพี่คริสหุบยิ้มและมองกลับอย่างสงสัย “ตื่นแล้วนี่!” “…” “ไม่ต้องแกล้งหลับต่อเลยนะ พี่เห็นลูกตาเราแล้วเมื่อกี้!” ในที่สุดฉันก็ลืมตาและส่งเสียงหัวเราะออกมาเต็มที่ “เมื่อกี้พี่คริสยิ้มอะไรอยู่คนเดียวคะ?” “ก็แค่กำลังนึกถึงเรื่องเด็กขี้งอแงเอาแต่ใจตัวเองอยู่น่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นฉันก็ขมวดคิ้วย่นหน้าผาก ถอนมือที่กำลังโอบกอดพี่คริสออกและลุกขึ้นนั่งกอดอกหน้าบูด “ใครคะ?เด็กคนนั้นที่พี่คริสนึกถึงเป็นใคร?” อย่าบอกนะว่าพี่คริสมีเด็กตามติดตีสนิทตอนเรียนอยู่ในตัวเมือง ฉันไม่อยากให้พี่คริสสนิทกับใครเกินหน้าเกินตาจนเก็บเอาไปนึกถึงแบบนี้ ใครกันที่ได้รับสิทธิ์นั้น! แม้แต่ฉันยังไม่เคยได้รับ ถ้ารู้ว่าเป็นใครฉันจะไปทึ่งหัว!! “จะใครที่ไหนล่ะ ก็เด็กหน้างอตรงนี้ไง” เมื่อได้ยินพี่คริสพูดแบบนั้นจากใบหน้าบูดบึ้งของฉันก็ยิ้มร่าขึ้นทันที “จริงเหรอ?วาเองเหรอ?” ฉันส่งยิ้มกว้างจนตาหยีล้มตัวลงนอนกอดพี่คริสตามเดิมและแน่นกว่าเดิม “เป็นอะไรอีกเรา คุ้มดีคุ้มร้าย” “เปล่า วาแค่ดีใจ หอมหน่อยนะ” ฉันไม่รอคำตอบยื่นหน้าเข้าหอมแก้มซ้ายทีขวาทีและรีบเด้งตัวลุกหนีทันทีเพราะรู้ว่าถ้าไม่รีบถอยหนีจะโดนพี่คริสเขกหัวเอา “ไอวา!” “วาไปตากผ้าดีกว่า ซักเสร็จแล้วม้างงงงป่านนี้” หลังจากที่ไอวาวิ่งหายไปเอาผ้าออกจากเครื่องซักผ้า คริสก็ลุกขึ้นหาผ้ามาเช็ดฝุ่น เธออมยิ้มและส่ายศีรษะเล็กน้อย เธอไม่คิดเลยว่าเด็กเอาแต่ใจตัวเองกลายมาเป็นเด็กขี้อ้อนและยอมตามใจเธอเกือบทุกเรื่องอย่างทุกวันนี้ได้ยังไงกัน ออดอ้อนแต่ละทีทำเอาใจฟูทุกที “ไม่ได้ ๆ” คริสพึมพำกับตัวเองรีบสลัดความคิดบ้า ๆ ออกจากสมองทันที เธอไม่ได้ชอบผู้หญิงสักหน่อย… เมื่อฉันสะบัดผ้าผืนสุดท้ายตากราวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็รีบวิ่งแจ่นกลับเข้าไปหาพี่คริสคนสวยเพื่อจะถามว่าจะให้ทำช่วยอะไรอีกดี “พี่คริส~ วาตากผ้าเสร็จแล้ว ทำอะไรต่อคะ?” “ไม่ต้องแล้ว” “หมดแล้วเหรอ?” ฉันมองไปรอบบ้านก็เห็นกระเป๋าเดินทางสองในเมื่อวานยังคงวางระเกะระกะอยู่ที่พื้น “นี่ไง เดี๋ยววาช่วยจัดแล้วกัน” เมื่อพบเป้าหมายต่อไปฉันก็พุ่งเข้าไปเปิดกระเป๋าออก กระเป๋าใบแรกเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้กระจุกกระจิก ส่วนกระเป๋าใบที่สองเต็มไปด้วยสมุดหนังสือและกระดาษเอกสารเกี่ยวกับอาหารอัดแน่นเต็มไปหมด เนื่องจากพี่คริสเรียนคหกรรมศาสตร์อาหารและโภชนาการ “มิน่าวาก็สงสัยว่าหนักอะไร” “ใบนั้นน่ะไม่ต้องไปยุ่ง ปิดไว้เดี๋ยวเอกสารซ้อนกันมั่ว” “โอเคค้าบบบ” ฉันยกมือทำท่าตะเบ๊ะรับทราบคำสั่งและปิดกระเป๋าใบที่สองที่เต็มไปด้วยเอกสารลงตามเดิมและนำเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้จากใบแรกขึ้นไปเก็บให้เข้าที่ “พี่คริสหอบหนังสืออะไรมาเยอะแยะเต็มไปหมดคะ?” “งานน่ะ วิจัยจบ” “วิจัยจบเหรอคะ?” งั้นแสดงว่าพี่คริสก็ต้องกลับไปมหาลัยในตัวเมืองอีกครั้ง… ฉันต้องห่างจากพี่คริสอีกแล้วเหรอ ไม่อยากห่างเลยสักวินาทีเดียว “ก็ไม่เชิง ต้องคิดสูตรอาหารคาวหรือหวานขึ้นมาใหม่น่ะ เหลือทำแค่อันนี้แหละก็จบแล้ว” “อ่อ… ค่ะ” ในระหว่างที่ฉันกำลังนั่งพักสายตาก็ดันเหลือบไปมองนาฬิกาแขวนผนังข้างฝาทำเอาฉันลุกพรวดขึ้นยืนจนพี่คริสตกใจ “เป็นอะไรเรา?” “เย็นขนาดนี้แล้วเหรอคะ?” อยู่กับคนที่เรารักเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ฉันขลุกตัวอยู่ในบ้านพี่คริสจนเกือบลืมไปรับเจเจกลับจากโรงเรียน ปรกติแล้วฉันจะไปรอเจเจก่อนเวลาเลิกเรียน เมื่อเจเจออกจากห้องเรียนก็จะเจอฉันทันที แต่วันนี้คงต้องรอสักสิบกว่านาทีเพราะกว่าจะเดินทางไปถึง “พี่คริส เดี๋ยววามานะคะ วาไปรับเจเจกลับจากโรงเรียนก่อน” “เจเจ?” คริสทวนชื่อด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่รู้จักใครที่ชื่อเจเจในหมู่บ้านนี้ “เดี๋ยววามาเล่าให้ฟัง ไปก่อนนะคะพี่คริส วาไปแป๊บเดียวไม่ต้องคิดถึงกันน้า~ อยู่คนเดียวได้นะคะ” “รีบไปเถอะ พี่อยู่คนเดียวได้อยู่แล้วน่า” คริสโบกมือไล่ไอวาที่ดูเหมือนรีบมาก ๆ จนลับตาไป “เด็กบ้า ใครเขาคิดถึงกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม