ฉันแอบหรี่ตามองพี่คริสที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเงียบ ๆ โดยไม่บอกว่าฉันตื่นแล้ว
น่ารักที่สุด
ในที่สุดฉันก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งนิ่งจึงหลงฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันแต่ยังคงแอบหรี่ตามองอยู่จึงทำเอาพี่คริสหุบยิ้มและมองกลับอย่างสงสัย
“ตื่นแล้วนี่!”
“…”
“ไม่ต้องแกล้งหลับต่อเลยนะ พี่เห็นลูกตาเราแล้วเมื่อกี้!”
ในที่สุดฉันก็ลืมตาและส่งเสียงหัวเราะออกมาเต็มที่
“เมื่อกี้พี่คริสยิ้มอะไรอยู่คนเดียวคะ?”
“ก็แค่กำลังนึกถึงเรื่องเด็กขี้งอแงเอาแต่ใจตัวเองอยู่น่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉันก็ขมวดคิ้วย่นหน้าผาก ถอนมือที่กำลังโอบกอดพี่คริสออกและลุกขึ้นนั่งกอดอกหน้าบูด
“ใครคะ?เด็กคนนั้นที่พี่คริสนึกถึงเป็นใคร?”
อย่าบอกนะว่าพี่คริสมีเด็กตามติดตีสนิทตอนเรียนอยู่ในตัวเมือง ฉันไม่อยากให้พี่คริสสนิทกับใครเกินหน้าเกินตาจนเก็บเอาไปนึกถึงแบบนี้ ใครกันที่ได้รับสิทธิ์นั้น!
แม้แต่ฉันยังไม่เคยได้รับ ถ้ารู้ว่าเป็นใครฉันจะไปทึ่งหัว!!
“จะใครที่ไหนล่ะ ก็เด็กหน้างอตรงนี้ไง”
เมื่อได้ยินพี่คริสพูดแบบนั้นจากใบหน้าบูดบึ้งของฉันก็ยิ้มร่าขึ้นทันที
“จริงเหรอ?วาเองเหรอ?”
ฉันส่งยิ้มกว้างจนตาหยีล้มตัวลงนอนกอดพี่คริสตามเดิมและแน่นกว่าเดิม
“เป็นอะไรอีกเรา คุ้มดีคุ้มร้าย”
“เปล่า วาแค่ดีใจ หอมหน่อยนะ”
ฉันไม่รอคำตอบยื่นหน้าเข้าหอมแก้มซ้ายทีขวาทีและรีบเด้งตัวลุกหนีทันทีเพราะรู้ว่าถ้าไม่รีบถอยหนีจะโดนพี่คริสเขกหัวเอา
“ไอวา!”
“วาไปตากผ้าดีกว่า ซักเสร็จแล้วม้างงงงป่านนี้”
หลังจากที่ไอวาวิ่งหายไปเอาผ้าออกจากเครื่องซักผ้า คริสก็ลุกขึ้นหาผ้ามาเช็ดฝุ่น
เธออมยิ้มและส่ายศีรษะเล็กน้อย เธอไม่คิดเลยว่าเด็กเอาแต่ใจตัวเองกลายมาเป็นเด็กขี้อ้อนและยอมตามใจเธอเกือบทุกเรื่องอย่างทุกวันนี้ได้ยังไงกัน
ออดอ้อนแต่ละทีทำเอาใจฟูทุกที
“ไม่ได้ ๆ”
คริสพึมพำกับตัวเองรีบสลัดความคิดบ้า ๆ ออกจากสมองทันที
เธอไม่ได้ชอบผู้หญิงสักหน่อย…
เมื่อฉันสะบัดผ้าผืนสุดท้ายตากราวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็รีบวิ่งแจ่นกลับเข้าไปหาพี่คริสคนสวยเพื่อจะถามว่าจะให้ทำช่วยอะไรอีกดี
“พี่คริส~ วาตากผ้าเสร็จแล้ว ทำอะไรต่อคะ?”
“ไม่ต้องแล้ว”
“หมดแล้วเหรอ?” ฉันมองไปรอบบ้านก็เห็นกระเป๋าเดินทางสองในเมื่อวานยังคงวางระเกะระกะอยู่ที่พื้น “นี่ไง เดี๋ยววาช่วยจัดแล้วกัน”
เมื่อพบเป้าหมายต่อไปฉันก็พุ่งเข้าไปเปิดกระเป๋าออก
กระเป๋าใบแรกเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้กระจุกกระจิก
ส่วนกระเป๋าใบที่สองเต็มไปด้วยสมุดหนังสือและกระดาษเอกสารเกี่ยวกับอาหารอัดแน่นเต็มไปหมด
เนื่องจากพี่คริสเรียนคหกรรมศาสตร์อาหารและโภชนาการ
“มิน่าวาก็สงสัยว่าหนักอะไร”
“ใบนั้นน่ะไม่ต้องไปยุ่ง ปิดไว้เดี๋ยวเอกสารซ้อนกันมั่ว”
“โอเคค้าบบบ”
ฉันยกมือทำท่าตะเบ๊ะรับทราบคำสั่งและปิดกระเป๋าใบที่สองที่เต็มไปด้วยเอกสารลงตามเดิมและนำเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้จากใบแรกขึ้นไปเก็บให้เข้าที่
“พี่คริสหอบหนังสืออะไรมาเยอะแยะเต็มไปหมดคะ?”
“งานน่ะ วิจัยจบ”
“วิจัยจบเหรอคะ?”
งั้นแสดงว่าพี่คริสก็ต้องกลับไปมหาลัยในตัวเมืองอีกครั้ง… ฉันต้องห่างจากพี่คริสอีกแล้วเหรอ ไม่อยากห่างเลยสักวินาทีเดียว
“ก็ไม่เชิง ต้องคิดสูตรอาหารคาวหรือหวานขึ้นมาใหม่น่ะ เหลือทำแค่อันนี้แหละก็จบแล้ว”
“อ่อ… ค่ะ”
ในระหว่างที่ฉันกำลังนั่งพักสายตาก็ดันเหลือบไปมองนาฬิกาแขวนผนังข้างฝาทำเอาฉันลุกพรวดขึ้นยืนจนพี่คริสตกใจ
“เป็นอะไรเรา?”
“เย็นขนาดนี้แล้วเหรอคะ?”
อยู่กับคนที่เรารักเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ฉันขลุกตัวอยู่ในบ้านพี่คริสจนเกือบลืมไปรับเจเจกลับจากโรงเรียน
ปรกติแล้วฉันจะไปรอเจเจก่อนเวลาเลิกเรียน เมื่อเจเจออกจากห้องเรียนก็จะเจอฉันทันที แต่วันนี้คงต้องรอสักสิบกว่านาทีเพราะกว่าจะเดินทางไปถึง
“พี่คริส เดี๋ยววามานะคะ วาไปรับเจเจกลับจากโรงเรียนก่อน”
“เจเจ?” คริสทวนชื่อด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไม่รู้จักใครที่ชื่อเจเจในหมู่บ้านนี้
“เดี๋ยววามาเล่าให้ฟัง ไปก่อนนะคะพี่คริส วาไปแป๊บเดียวไม่ต้องคิดถึงกันน้า~ อยู่คนเดียวได้นะคะ”
“รีบไปเถอะ พี่อยู่คนเดียวได้อยู่แล้วน่า”
คริสโบกมือไล่ไอวาที่ดูเหมือนรีบมาก ๆ จนลับตาไป
“เด็กบ้า ใครเขาคิดถึงกัน”