“ทำงานไม่ได้เรื่องขนาดต้องให้เมียฉันมาช่วยเลยหรือยังไง หรือว่าต้องให้เปลี่ยนคนใหม่” พูดตำหนิใส่พนักงานแล้วสายตาก็หรี่มองภรรยาแบบไม่พอใจ
“เอ่อ ดาขอโทษค่ะคุณวิเนตย์”
“ไม่ต้องมาขอโทษ ปัญหาแค่นั้นยังแก้ไขเองไม่ได้ต่อไปฉันจะไว้ใจให้เธอดูแลจุดนี้ได้ยังไง”
“คุณวิเนตย์คะ” วธุกาเรียกเขาเบาๆ
“อะไร!” แต่สามีเธอกลับตวาดกลับมาให้หน้าเสีย
“ฉันแค่อยากบอกว่าลูกค้ากำลังเดินมาทางนี้ค่ะ เบาๆ เสียงหน่อย แค่นี้แหละค่ะที่อยากบอก” พูดเสร็จวธุกาก็เดินจากจุดบริการกลับเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว บางสิ่งบางอย่างกำลังบอกว่าเธอไม่สมควรแต่งงานกับเขาเป็นอย่างยิ่ง กลับขึ้นไปนั่งบนระเบียงบ้านอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
“ผมคิดว่าคุณเข้าใจแต่เปล่าเลย” วิเนตย์เดินมาด้านหลังพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องของเรายังไงล่ะ”
“แล้วฉันไม่เข้าใจเรื่องไหน กฎสามข้อของคุณเหรอคะ ฉันว่าฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยล่ะ” หญิงสาวประชดเขานิดๆ
“เปล่า ไม่ได้อยู่ในกฎแต่เป็นข้อที่คุณควรจะปฏิบัติในฐานะของเมียผม”
“อย่าอ้อมค้อมเลยค่ะ จะพูดอะไรก็พูดมา”
“ห้ามยุ่งกับรีสอร์ตของผมหรืองานของพนักงานผม คุณรู้ใช่ไหมคุณวาทว่าคุณไม่ได้เป็นเมียผมเต็มตัว หน้าที่คุณมีแค่เรื่องเดียวเราคุยกันแล้ว”
“อย่าพูดว่าเราคุยกันแล้ว คุณเข้าใจอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก สรุปก็คือคุณไม่ต้องการให้ฉันเกี่ยวข้องกับชีวิตของคุณ เงินทองของคุณ หรือกระทั่งงานของคุณด้วยใช่ไหมคะคุณวิเนตย์!” วธุกาอดไม่ได้จริงๆ ที่จะขึ้นเสียงใส่สามี นี่มันบ้าบอคอแตกเกินไปแล้ว วิเนตย์มองหน้าเธอด้วยสายตานิ่งเฉยแล้วเอ่ยถ้อยคำบาดใจออกมา
“ใช่ คุณเข้าใจถูกแล้ว”
“แล้วคุณมาแต่งงานกับฉันทำไม!” วธุกาลุกขึ้นยืนพร้อมน้ำตาคลอเบ้า แต่เธอจะไม่ให้มันไหลออกมาให้เขาสมเพช มองเขาเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน รีบเดินขึ้นบันไดบ้านไปพร้อมกับซุกหน้าร้องไห้อยู่บนเตียงเพียงลำพัง
ส่วนผู้เป็นสามีนั้นกำลังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม วิเนตย์ไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะทำร้ายวธุกาจนน้ำตารื้นเบ้าได้ แต่จุดประสงค์ของเขาก็ชัดเจนมาตั้งแต่แรก วธุกาควรจะทำความเข้าใจกับเรื่องนี้เสียใหม่ ไม่เช่นนั้นหญิงสาวอาจจะคิดว่าตนเองเป็นภรรยาเขาอย่างเต็มตัว ต้องพูดให้รู้เรื่อง เขาเดินขึ้นบันไดตามภรรยาไป หย่อนสะโพกลงนั่งบนที่นอนนุ่มจนยุบยวบ
“ผมชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วนะคุณวาท”
“ฉันรู้ค่ะ” วธุกาตอบทั้งที่ยังนอนหันหลังให้เขา
“แต่คุณกำลังทำตัวเหมือนเรียกร้อง” คนได้ยินถึงกับความอดทนขาดสะบั้นสลัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นมานั่งเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
“เรียกร้อง! ฉันนี่นะเรียกร้อง คุณคิดออกมาได้นะคะคุณวิเนตย์ ฉันเพิ่งแต่งงานกับคุณเมื่อคืนนี้เองคุณลืมไปแล้วเหรอคะ ฉันเป็นภรรยาคุณ การที่ฉันลงไปช่วยงานคุณนิดๆ หน่อยๆ กลับกลายเป็นว่าฉันกำลังเรียกร้อง ว่าแต่เรียกร้องอะไร เงินทองหรือความสนใจ จากคุณงั้นสิ!”
“สงสัยผมจะเลือกคนผิด”
“คุณวิเนตย์...” เขาเลือดเย็นเกินกว่าที่ใครจะคาดถึง วธุกายกมือขึ้นกุมขมับนึกเจ็บใจเหลือเกินที่พลาดท่าเสียทีเขาไปแล้วในคืนเข้าหอ หากว่ายังไม่ได้มีอะไรกัน เธอจะจูงมือเขาไปหย่าตอนนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ขืนทำแบบนั้นในตอนนี้จะได้กลายเป็นข่าวใหญ่ประจำจังหวัดไปอย่างแน่นอน และคนที่เสียหายก็คือเธอและครอบครัว
“คุณเป็นเมียผมแต่ไม่ทั้งหมด โปรดจำไว้คุณวาท ผมให้คุณได้แค่นี้จริงๆ เพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่มีใครแทนที่ลูกกับเมียที่ตายไปแล้วของผมได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
“นี่เรื่องจริงใช่ไหมคะ คุณแต่งงานกับฉันเพราะเรื่องบนเตียงจริงๆ ใช่ไหม” วธุกาย้ำความคิดนี้ของเขาอีกหน
“คุณเข้าใจไม่ผิดคุณวาทและคุณต้องยอมรับมันให้ได้ ระหว่างเรามันเป็นได้แค่นี้แหละ”
“แล้วถ้าหากว่าฉันขอหย่าล่ะคะ” วิเนตย์นิ่วหน้าเล็กน้อยที่ได้ยิน หายใจแรงๆ ก่อนจะตอบภรรยาออกมา
“ตอนนี้ไม่ได้”
“ต้องนานแค่ไหนคะที่ฉันต้องเป็นเมีย...ของคุณ” ผู้เป็นภรรยาเอียงหน้าถาม คนเป็นสามีเลยต้องยิ้มน้อยๆ ให้หญิงสาวแล้วเอ่ยตอบออกมา
“น้อยสุดหนึ่งปี”
“หนึ่งปี?” แทบจะแค่นหัวเราะกับคำพูดนี้ของเขา หญิงสาวมองเห็นแต่ผลประโยชน์ที่เขาได้โดยที่เธอมีแต่เสีย จ้องเขาแล้วเค้นเสียงถามออกไปอย่างเจ็บใจ
“ทำไมต้องหนึ่งปีด้วย ฉันไม่ป่นปี้ไปหมดแล้วเหรอตอนนั้น”
“ฟังพูดเข้า ทำเหมือนผมจะไปกระทำชำเราคุณฝ่ายเดียวงั้นแหละ” เขาขำนิดๆ ในความคิดของภรรยา
“หืม หมายความว่าไง”
“อ้าว ผมก็ถูกคุณสูบพลังไปเหมือนกันนะคุณวาท”
“ฉันซีเรียสอยู่นะคะ” หญิงสาวขึงตามองเขาทำนองว่านี่ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น เวลานี้เธอรู้สึกขวัญเสียกับการเริ่มต้นชีวิตคู่อยู่ไม่น้อย
“หย่ากันเร็วมันไม่ดีสำหรับคุณ คุณจะเสียหายมากกว่าผม ระหว่างนี้คุณก็ทำหน้าที่ของคุณให้เต็มที่นะคุณวาท ชีวิตที่ใช้ร่วมกันในช่วงนี้จะได้มีความสุข” เขาพูดเหมือนหวังดีต่อตัวเธอ
“มันจะมีเหรอคะความสุขที่ว่า ฉันมองไม่เห็นทางเลย” วธุกาหลุบตาต่ำมองผ้าปูที่นอนอย่างช้ำใจ แค่วันแรกเธอก็ทุกข์มหันต์เข้าเสียแล้ว ความสุขที่ว่ามันคงไม่มีอยู่จริงหรอก
“ก็ต้องมีบ้างล่ะ มานี่สิ” วิเนตย์ดึงภรรยาเข้ามากอดแล้วแนบริมฝีปากเข้าหา จูบนุ่มนวลปลอบโยนวธุกาให้คลายเศร้า
“เห็นไหมล่ะมันต้องมีเรื่องดีๆ บ้างสำหรับเรา” เขาเอ่ยหลังถอนริมฝีปากออก วธุกาเถียงไม่ได้เพราะถูกเขาตรึงเอาไว้ด้วยสายตาคู่คมที่มองมาอย่างอบอุ่น
“คุณหลอกล่อเก่งจัง”
“อ้าว นึกว่ากำลังเคลิ้มตามอยู่”
“ก็เกือบไปแล้วล่ะ”
“เราแต่งงานกันภายใต้เงื่อนไขที่เราต่างฝ่ายก็รู้ดี ถ้าคุณไม่พอใจหรืออยากยกเลิก ต้องหนึ่งปีเป็นอย่างน้อยนะคุณวาท คนอื่นจะได้ไม่นินทาให้เสื่อมเสียทั้งคุณและผม” วิเนตย์พูดพร้อมกับเหน็บเส้นผมตรงใบหูนุ่มของภรรยา
“ฉันเหนื่อยจัง ไม่คิดว่าการแต่งงานกับคุณจะเหนื่อยขนาดนี้” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นบอกเขาตรงๆ
“อย่าพูดแบบนี้ผมไม่ชอบ”
“แล้วไงคะ ฉันแต่งงานกับคุณแล้วต้องตื่นขึ้นมากินข้าวคนเดียวทั้งสามมื้อ ให้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในบ้าน งานของสามีก็ออกไปยุ่งไม่ได้ อีกหน่อยคงได้เป็นง่อยตายกันพอดี”
“ผมก็ไม่ได้ห้ามนี่คุณจะออกไปไหนมาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในบ้านของผม” เหมือนทางออกของเขาจะดีสำหรับเขาแค่คนเดียว วธุกายิ้มฝืดแล้วหัวเราะเบาๆ
“โอเค ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้ว จะพยายามอดทนอยู่เป็นเมียของคุณต่อไปอีกหนึ่งปีก็แล้วกัน”
“เอาเป็นว่าคุยกันรู้เรื่องแล้ว”
“ก็คงงั้น”
“งั้นผมไปทำงานต่อก็แล้วกัน วันนี้มีทัวร์จากรัสเซียมา ห้องพักเต็มหมดทุกห้อง คงยุ่งทั้งวัน” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป เพียงแค่ประตูปิดลงหมอนใบใหญ่ก็ถูกปาใส่สุดแรงเกิด ตึง!
‘ไอ้บ้าๆๆๆ’