หญิงสาวไม่มีวันทำใจได้หรอกในเรื่องนี้ ในเมื่อเขาไม่ให้ยุ่งงานในบ้าน แต่ให้ออกนอกบ้านไปได้ เรื่องอะไรที่เธอจะอยู่ให้ชอกช้ำใจ วธุกาไม่มีรถขับ แต่หญิงสาวก็ยังมีเพื่อนสนิทที่พอจะขับรถมารับถึงรีสอร์ตแห่งนี้ได้เหมือนกัน
“แกออกมากับฉันแบบนี้คุณวิเนตย์เขาจะไม่โกรธเอาเหรอ เพิ่งแต่งงานเองนะ” นนท์นทีเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนประถมเอ่ยขึ้นระหว่างที่ขับรถพาวธุกาออกจากวิเนตย์ธารารีสอร์ตไป
“เขาคงไม่โกรธแกหรอกนนท์อย่าคิดมาก ฉันอยากหาที่สงบๆ พักสมองเสียหน่อย ขอฉันไปนอนที่รีสอร์ตของแกนะ”
“ยัยวาท แกพูดอะไรออกมา กลับไปนอนที่บ้านยายนวลน้อยยังจะดีเสียกว่ามานอนกับฉันนะ ฉันเป็นผู้ชายนะถึงจะเคยแก้ผ้าเล่นน้ำมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ฉันโตเป็นผู้ชายเต็มตัวที่สำคัญหล่อมากด้วย”
“พอๆ เลิกบรรยายสรรพคุณตัวเองให้ฉันฟังได้แล้ว ฉันไม่ได้จะไปนอนกับแกแต่ไปนอนที่รีสอร์ตแก ขืนกลับไปบ้านนะมีแต่คำถามจากคุณป้าให้ปวดหัวหนักกว่าเดิมอีก”
“แหมเล่นคำซะด้วย เอาละๆ ฉันให้แกไปพักผ่อนได้ ค่ำๆ จะกลับไปส่งที่บ้านคุณวิเนตย์ แต่ไม่ให้ค้างคืนไม่อยากเป็นมือที่สามทำลายครอบครัวคนอื่น”
“แกไม่รู้อะไรแกไม่เข้าใจหรอกนนท์” วธุกายังไม่พร้อมจะบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นเพื่อนได้รับฟัง หญิงสาวแค่อยากหลบไปพักหัวใจที่มันอ่อนล้าเหลือกำลังในยามนี้
“เอาไว้แกพร้อมเมื่อไหร่ค่อยอธิบายให้ฉันเข้าใจก็แล้วกัน” เห็นเพื่อนรักมีสีหน้าไม่สบายใจนนท์นทีก็ไม่อยากเซ้าซี้มากไปกว่านี้
“ขอบใจแกนะนนท์ที่เข้าใจ”
หญิงสาวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการว่ายน้ำที่รีสอร์ตของนนท์นที โดยขอยืมชุดว่ายน้ำน้องสาวของเพื่อนสนิทมาสวมใส่ ซึ่งเจ้าของชุดตอนนี้ได้แต่งงานย้ายออกไปอยู่กับครอบครัวสามีในกรุงเทพฯ ได้หลายปีแล้ว เป็นหนทางระบายความเครียดอีกช่องทางหนึ่งของวธุกา
“จะว่ายน้ำเอาโล่หรือไงยัยวาท” นนท์นทีตะโกนถามเพื่อนรักอยู่ข้างสระว่ายน้ำ หลังจากเห็นหญิงสาวจ้วงว่ายแบบไม่คิดชีวิตเสียหลายรอบ คนในสระเลยหันทิศทางการว่ายกลับเข้าฝั่งแล้วขึ้นมานั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระด้านข้างเพื่อนชาย
“ฉันปวดหัวว่ะนนท์ แต่งงานทั้งทีกลับเจอสามีบ้าๆ อย่างคุณวิเนตย์ จะหย่าก็ไม่ได้ต้องรออีกหนึ่งปี” พูดไปพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูมาซับเนื้อตัวไปด้วย
“ทำไมต้องปีหนึ่ง งง เดือนสองเดือนก็พอมั้ง”
“ไม่ได้หรอกปัจจัยมันมีเยอะทั้งฉันและเขา”
“มีอย่างนี้ด้วย”
“ฉันเพิ่งเข้าใจคำโบราณที่ว่า เลือกผัวผิดคิดจนตัวตาย ก็งานนี้แหละ”
“ขนาดนั้นเชียว ฉันก็บอกแล้วว่าให้ดูดีๆ นี่อะไรพอเขามาขอปุ๊บก็ตกลงแต่งปั๊บ มันก็ต้องมีบ้างที่ไม่เข้าใจกันเป็นธรรมดา ดูอย่างฉันสิยังไม่มีคู่ก็ยังอยู่ได้” แม้วธุกาไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง แต่นนท์นทีก็พอจะเดาได้ว่าชีวิตคู่ของเพื่อนรักคงไม่ได้มีความสุขมากเท่าที่ควร
“ก็แกมีบ้านมีรีสอร์ตของตัวเอง ผิดกับฉันที่เป็นแค่ผู้อาศัยและกำลังจะถูกเจ้าของในอนาคตไล่ออกจากบ้านยังไงล่ะ”
“จะอะไรก็แล้วแต่แกก็แต่งงานกับคุณวิเนตย์ไปแล้ว ยังไงก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าเขาเป็นสามี วันนี้อาจจะไม่ได้รักกันแต่วันข้างหน้าก็ไม่แน่หรอก มีเวลาตั้งหนึ่งปีนะวาททำให้ผู้ชายสักคนรักฉันว่ามันน่าลองนะ”
“ทำให้ผู้ชายสักคนรัก พูดง่ายแต่ถ้าแกได้เห็นหน้าเขาจะพูดไม่ออกเลยทีเดียว”
“นอนเตียงเดียวกันทุกคืน มันต้องมีใจอ่อนบ้างแหละวาท” พูดถึงตรงนี้วธุกาก็เจ็บใจจี๊ดๆ ขึ้นมา
“เขายังรักเมียเก่าเขาอยู่อันนี้เขาพูดชัดเจนมาก ฉันไม่มีวันแทรกเข้าไปในหัวใจของเขาได้หรอกนนท์” นนท์นทีได้ยินแล้วก็ยื่นมือออกไปแตะหัวไหล่เพื่อนสาว
“พูดจาน่าสงสารมากคุณเพื่อนรัก อดทนไว้นะสักวันเขาต้องเห็นความดีของแกบ้างล่ะ”
“ฉันไม่ต้องการให้เขาเห็นความดีหรอกนนท์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการอะไร มัน... เฮ้อ! งงว่ะนนท์ ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าต้องการอะไรจากเขา แล้วจะไปทำอะไรได้วะ” หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าให้กับความรู้สึกของตัวเอง
“แกจะต้องการอะไรวาทก็แค่อยากหนีให้พ้นป้ามหาประลัยหรือไม่ก็อยากมีครอบครัวมีลูกน่ารักๆ แกเคยพูดบ่อยๆ ใช่ไหม ว่าแกอายุขนาดนี้ถ้าท้องก็อยู่ในวัยเสี่ยงเข้าไปแล้ว แกอยากมีครอบครัวมีลูกนั่นแหละที่แกเคยฝันเอาไว้ เพียงแต่มันคลาดเคลื่อนไปหน่อย”
“ครอบครัว ลูก สองสิ่งนี้นี่แหละที่เขาไม่ต้องการ มันเศร้าเนอะแต่ดูเหมือนแกจะเข้าใจฉันมากกว่าตัวฉันเองอีกนะนนท์” หญิงสาวมองเพื่อนอย่างซาบซึ้งใจ
“แน่นอนก็ฉันเพื่อนแก”
“ขอบใจนะที่ให้ฉันมาว่ายน้ำแก้เครียด แต่เดี๋ยวก็ต้องกลับไปทำหน้าที่เมียบนเตียงของเขาต่อ” ประชดไปเขาก็ไม่รับรู้อยู่ดี
“จ้า แม่เมียบำเรอสวาทจอมอสูรร้าย”
“เหมาะมากชื่อนี้” วธุกาชี้นิ้วใส่เพื่อนแล้วหัวเราะขื่นๆ ให้ตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วกระโดดลงสระว่ายน้ำไป อีกสักสิบรอบเธอถึงจะกลับขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววานให้นนท์นทีขับรถไปส่งที่วิเนตย์ธารารีสอร์ต
รถของนนท์นทีแล่นเข้ามาจอดช่วงหกโมงเย็น มีหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้จัดการของที่นี่ยืนอยู่ตรงจุดบริการ หันมามองทั้งคู่ที่กำลังโบกมืออำลากัน
“ไปไหนมาครับคุณวาท คุณวิเนตย์ถามหาใหญ่เลย” เอกวัสยิ้มให้ภรรยาของเจ้านาย ก่อนจะปรายตามองไปยังรถคันที่เพิ่งแล่นออกไปอย่างสงสัย
“ไปบ้านเพื่อนค่ะ”
“เหรอครับ อ้อ คุณวิเนตย์นั่งรออยู่ที่บ้านนะครับ”
“รอฉันเหรอคะ” หญิงสาวชี้นิ้วใส่ตัวเองแบบงงๆ แต่ก็อดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ที่สามีมีปฏิกิริยาต่อการหายไปของเธอ
“ครับบอกว่าถ้าเห็นคุณมา ก็ให้ไปหาอย่างเร่งด่วนเลยครับ เห็นตามหามาตั้งแต่ตอนเที่ยงกว่าๆ แล้ว”
“เร่งด่วน ท่าจะเรื่องใหญ่นะคะ” วธุกาทำตาโตเหมือนกับได้ยินเรื่องราวน่าตกใจ
“อันนี้ต้องลองเข้าไปดูเองนะครับ ปกติผมเองก็ไม่เคยเห็นคุณวิเนตย์เป็นอย่างนี้มาก่อนเหมือนกัน”
“ทำไมคะ อ้อ คุณชื่ออะไรนะคะฉันยังไม่รู้จักเลย เสียมารยาทจริงๆ” หญิงสาวเพิ่งนึกได้จึงรีบถาม ยอมรับว่าเคยเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อนแต่ไม่เคยรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันจริงๆ
“ผมชื่อเอกวัสครับเป็นผู้จัดการที่นี่ เรียกคุณวัสเฉยๆ ก็ได้ครับคุณวาท” ส่วนอีกคนดูเหมือนจะรู้จักภรรยาเจ้านายเป็นอย่างดี
“ผู้จัดการคนเก่งของวิเนตย์ธารานี่เอง งั้นฉันไปหาคุณวิเนตย์ก่อนนะคะ สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากพบเมียคนนี้นักหนา” วธุกาคิดไม่ออกว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับเขาแบบไหน รีบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เหมือนกำลังต้องการทำใจก่อนจะเดินเข้าไปในบริเวณบ้าน
“พี่วัสเจ้านายเราเป็นอะไรไปพี่ วันนี้ทั้งวันหงุดหงิดหัวเสียตลอดเลย เพิ่งแต่งงานได้วันเดียวแท้ๆ หน้างี้อยากจะหนีให้ไกลๆ เลย” ศิรดาเกาะขอบเคาน์เตอร์ถามเอกวัสเมื่อวธุกาเดินพ้นสายตาไป
“ไม่รู้สิดา พี่ว่านะสงสัยจะหาเมียไม่เจอเลยอารมณ์เสีย”
“ไม่จริงหรอก ตอนกลางวันยังพ่นไฟใส่คุณวาทอยู่เลย หาว่ายุ่งกับงานของแก คุณวิเนตย์นี่ก็แปลกเนอะ มีเมียแต่ไม่ให้เมียยุ่งกับงานของตัวเอง”
“ไม่ต้องแปลกใจหรอกดา เจ้านายเราเขาต้องการแค่เมีย” เอกวัสพูดแล้วก็อมยิ้มเดินจากไปอย่างเงียบๆ
“ต้องการแค่เมีย ทำไมต้องมีคำว่าแค่ด้วยพี่วัสบ้าหรือเปล่าเนี่ย” ศิรดามองตามหลังไปอย่างไม่เข้าใจ