ตอนที่ 5 ยังไม่วางใจ

1434 คำ
เมื่อมื้ออาหารค่ำจบลง จางซูเจินก็อาสาเป็นคนล้างจาน ต่างจากทุกครั้งที่มักจะเกี่ยงงานและอุ้มลูกหนีเข้าห้องไปก่อน หญิงสาวเก็บถ้วยชามไปยังลานซักล้างด้านหลังที่ติดกับห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก ลงมือทำความสะอาดภาชนะเหล่านั้นเสร็จแล้ว ก็เดินกลับเข้ามาสำรวจภายในบ้าน เธอพบว่านอกจากห้องครัวอยู่ด้านหลังและห้องอเนกประสงค์ที่ใช้ทั้งเป็นห้องนั่งเล่นและเป็นห้องกินข้าวแล้ว ก็ยังมีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้อง ตรงข้ามมีห้องเก็บของขนาดเล็กและห้องนอนของแม่สามี เธอเปิดเข้าไปดูห้องเก็บของเล็กๆ นั้นแล้วมีความคิดว่าอยากแยกห้องนอนกับสามี แต่คิดดูดีๆ แล้วเยี่ยซิ่วอิงติดตนเองมาก หากตนย้ายมานอนห้องเล็กอีกฝ่ายต้องย้ายมานอนด้วยแน่ ห้องนั้นน่าจะเตรียมไว้สำหรับเยี่ยซิ่วอิง ในวัยนี้ต้องหัดให้เด็กรู้จักการนอนคนเดียวได้แล้ว แต่ว่าเสี่ยวอิงยังนอนอยู่ที่ห้องของพ่อแม่ มันจะต้องมีเหตุผลแน่ และหนึ่งในเหตุผลนั้นก็คือเอาไว้เป็นตัวขัดขวางความสุขของพ่อแม่ ‘เท่าที่ฟังดู เอาไว้ขัดขวางความสุขของแม่ฝ่ายเดียวมากกว่า หลี่เฉียงดูไม่น่าพิศวาสเมียตัวเองเสียเท่าไรนัก’ เธอเดาเหตุผลนั้นด้วยตัวเอง จากนั้นก็เดินเข้าห้องนอนไป เยี่ยหลี่เฉียงอยู่ในชุดพร้อมจะนอนแล้ว แต่เขายังไม่นอนแต่กลับนั่งพิมพ์เอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษ ดูแล้วเขาน่าจะเชี่ยวชาญด้านภาษาและทำหน้าที่แปลเอกสารจากภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษ “แม่คะ เข้านอนได้แล้ว” เด็กหญิงเรียกมารดา เสียงที่สดใสและฟังดูตื่นเต้นกับความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของมารดานั้น ทำให้เธอตำหนิมารดาของเด็กหญิงอยู่ในใจ ที่ทำให้เด็กคนหนึ่งต้องมีปมว่าแม่ไม่รัก “เข้านอนกันเถอะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วขยับไปนอนข้างเยี่ยซิ่วอิง แล้วกอดเด็กน้อยพร้อมทั้งเอามือตบเบาๆ ที่ก้นจนเด็กหญิงหลับไปอย่างง่ายดาย เสียงพิมพ์ดีดของเยี่ยหลี่เฉียงดังเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เขาแปลเอกสารแล้วเขียนไว้ด้วยลายมือก่อนจะลงมือพิมพ์เอกสาร ดูท่าทางแล้วเขาดูพิมพ์ไม่คล่องเท่าไร น่าจะอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มหัดใช้งาน “คุณทำงานอะไรเหรอคะ” เธอถามเขาเสียงเบา ระวังไม่ให้ลูกสาวตื่นขึ้นมา “สนใจด้วยเหรอ” เขาถามกลับโดยที่นิ้วก็ยังคงสาละวนอยู่กับแป้นพิมพ์นั้น ไม่ได้หันหน้ามาพูดคุยกับเธออย่างจริงจัง “ให้ฉันช่วยพิมพ์ให้ไหม คุณจะได้นอนพักผ่อน” เธออาสาจะช่วยเขาพิมพ์ เพราะดูจากแป้นพิมพ์แล้วมีความใกล้เคียงกับปัจจุบันอยู่มาก เธอน่าจะพิมพ์มันได้คล่องกว่า “ไม่ต้อง” เขาพูดเสียงเรียบ จริงๆ แล้วเขาซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนี้มาเพื่อลดเวลาในการทำงานที่บริษัทเพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะผลงานของเขาเป็นตัวชี้วัดรายได้ในแต่ละเดือน และสัญญาการจ้างงานในปีถัดไป เพราะช่วงนี้ประเทศกำลังให้ความสำคัญกับการศึกษา บัณฑิตที่เรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยพอจบออกมาทุกคนก็มีงานรองรับ บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนก็ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง เขาต้องพัฒนาฝีมือตัวเองให้อยู่ในลำดับต้นๆ เพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานของตน และรักษางานในตำแหน่งนักแปลเอกสารนี้ไว้ “งั้นฉันนอนแล้วนะ” เธอบอกเขาแล้วหลับตาลงไม่รบกวนสมาธิเขาอีกต่อไป เยี่ยหลี่เฉียงพิมพ์เอกสารไปได้สักพัก เสียงกรนเบาๆ ของจางซูเจินก็ดังขึ้น เขาหันกลับไปดูสองแม่ลูกที่นอนกอดกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นภรรยานอนกอดลูกแล้วให้ลูกนอนกลางเตียง ปกติแล้วอีกฝ่ายจะอุ้มลูกไปอยู่ขอบเตียงแล้วมานอนตรงกลางเพื่อยั่วยวนเขา วันนี้เธอแปลกไปมากจนเขาอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเอาศีรษะไปกระแทกอะไรตอนที่วิ่งหนีการจับกุมบ่อนพนันใต้ดินหรือไม่ ก่อนจะสะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไป จางซูเจินตื่นขึ้นมาในตอนกลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำที่อยู่นอกบ้าน หญิงสาวถือตะเกียงนำทางออกไปแล้วแขวนไว้ที่หน้าห้องน้ำ บรรยากาศตอนกลางวันก็ดีอยู่หรอก แต่ตอนกลางคืนสงบเงียบจนน่ากลัว ทำให้เธอรีบเข้าไปในบ้านแล้วปิดล็อกลงกลอนอย่างแน่นหนา พอกลับเข้าไปในห้องก็เห็นว่าเยี่ยหลี่เฉียงนั้นกำลังนอนหลับอยู่ ทั้งพ่อทั้งลูกยันผ้าห่มลงมากองที่ปลายเท้า ท่านอนหรือก็ถอดแบบกันออกมาโดยสมบูรณ์ ‘เสี่ยวอิงลูกพ่อของแท้เลย’ หลังจากเอ็นดูท่านอนของทั้งคู่ จางซูเจินก็ขยับไปยืนข้างเยี่ยหลี่เฉียงแล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้กับเขา มือหนาคว้าข้อมือเธอแล้วจับเอาไว้จนร่างบางเซไปซบที่หน้าอก “คิดจะทำแบบนี้อีกแล้วนะ” เขาพูดอย่างรู้ทัน อันที่จริงรู้สึกตัวตั้งแต่เธอลุกไปห้องน้ำแล้ว “ทำอะไร ฉันจะห่มผ้าให้คุณกับลูก” เธอพูดเสียงเบา ไม่อยากรบกวนการนอนของลูกสาว เยี่ยหลี่เฉียงสบสายตาที่จริงจังนั้น ลมหายใจอุ่นๆ รดรินใบหน้าอย่างใกล้ชิด แต่เขาไม่รู้สึกพิศวาสอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขารู้สึกรังเกียจเธอเสียด้วยซ้ำที่ชอบใช้มารยาในการปลุกเร้าตน เมื่อเขาปล่อยมือเธอ จางซูเจินรีบยกตัวออกจากเขา ในมือยังกำผ้าห่มเป็นหลักฐานว่าเธอพูดความจริง “ขอบคุณ” เขากล่าวขอบคุณแต่ไม่ได้กล่าวขอโทษที่เข้าใจเธอผิด แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาดึงผ้าห่มมาห่มด้วยตนเอง แล้วไม่ลืมที่จะขยับห่มให้แก่เยี่ยซิ่วอิงตัวน้อยด้วย “วันหลังห่มให้ลูกก่อนไม่ต้องห่มให้ผม” “ก็ห่มให้คุณเสร็จ ฉันต้องขึ้นไปนอนฝั่งนั้นกับลูกอยู่แล้วจะห่มให้ภายหลัง หรือฉันต้องเดินอ้อมไปห่มให้ลูกแล้วค่อยเดินมาห่มให้คุณอย่างนั้นหรือ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หมั่นไส้ ไม่รู้ว่าจางซูเจินในยุคนี้เธอคิดอะไรอยู่ ถึงได้เลือกผู้ชายฐานะปานกลางคนนี้ นอกจากหน้าตาดีแล้วก็ดูเหมือนไม่มีอะไรดีสักอย่าง หลงตัวเอง เย็นชา น่าหมั่นไส้ นั่นคือสิ่งที่เธอสังเกตเห็นจากตัวเขา เยี่ยหลี่เฉียงได้ยินประโยคที่โต้เถียงออกมาก็รู้สึกขัดใจ จางซูเจินจะเจ้าเล่ห์แค่ไหนเธอก็ไม่เคยโต้เถียงเขาอย่างเอาจริงเอาจริงแบบนี้ เธอเน้นพูดด้วยมารยาและจริตที่ยั่วยวน เชื้อเชิญให้เขายอมหลับนอนกับเธอเสียมากกว่า เธอเดินไปนอนฝั่งของตัวเอง แล้วดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ตัวเอง เยี่ยซิ่วอิงยันผ้าห่มลงไปอีกรอบคงเพราะความอึดอัดและนอนดิ้นตามประสา ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ หญิงสาวลุกขึ้นไปหยิบเสื้อและถุงเท้าในลิ้นชักออกมา สวมทับให้กับเด็กน้อย เพราะหากยันผ้าลงไปอีกครั้งจะได้มีถุงเท้าคอยให้ความอบอุ่นแก่เท้า รวมถึงเสื้อกันหนาวให้หน้าอกอบอุ่นเอาไว้อีกตัว เยี่ยหลี่เฉียงมองกิริยาที่อบอุ่นนั้นด้วยความประหลาดใจ เพียงข้ามวันภรรยาก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แต่เขาก็ยังไม่ได้วางใจเธออยู่ดี จางซูเจินหันไปสบตากับเขา เยี่ยหลี่เฉียงสบตานั้นเพียงครู่ก่อนจะหลับตาแล้วตะแคงตัวหันหลังให้เธอ ริมฝีปากอิ่มเอิบเม้มปากแน่น ไม่รู้ว่าสองสามีภรรยาก่อนหน้านี้จะมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่อย่างน้อยเธอก็บอกแล้วว่าจะเปลี่ยนตัวเอง เขาน่าจะให้โอกาสเธอบ้าง กลับมองเธอว่าเสแสร้งแกล้งทำ มองว่าเธอจะเข้าหาเขาด้วยวิธียั่วยวนแบบนั้นแค่เพียงจะห่มผ้าให้ จางซูเจินขยับตัวเข้าไปนอนกอดเยี่ยซิ่วอิงตัวน้อย แล้วข่มตาให้หลับลงไป พรุ่งนี้เธอจะเริ่มแสดงให้ทุกคนเห็นว่าจางซูเจินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม