ภีม
แกรก ผมเดินมาไขประตูห้องเก็บของในเวลาเช้าวันใหม่ ก่อนจะเปิดมันออกแล้วก็เจอกับร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิมที่ผมผลักเธอเมื่อคืน
“ออกมา” ผมเอ่ยออกไปเสียงเรียบก่อนที่เธอจะเงยมามองหน้าผม
“ฮึก” เสียงสะอื้นที่คงดังเรื่อยๆตั้งแต่เมื่อคืนแน่นอน
“ฉันบอกให้ออกมา!” พูดดีๆคำเดียวไม่เคยฟังหรอก ชอบให้ตะคอกอยู่เรื่อย
“.....” ยัยนี่เดินออกมาด้วยตัวที่สั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำมา
“ไปทำอาหารได้แล้ว ฉันหิว”
“ค่ะ” แล้วเธอก็เดินเข้าห้องครัวไปด้วยอาการสั่นๆเหมือนเดิม
“เร็วๆ!”
“เฮือก”
“เสียงดังแค่นี้แม่งก็สะดุ้งแล้ว จะไปทำอะไรกินวะ”
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่ต้องมาขอโทษ ไปทำข้าวมา”
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้ เธอก็ยกอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว ผมเลยลุกไปนั่งประจำที่ตัวเอง แค่ก แค่ก
“ทำบ้าอะไรของเธอวะ!” ผมถามออกไปทันที เพราะกับข้าวตอนนี้มันเค็มมาก
“ปะ...เป็นอะไรคะ” ยังมีหน้ามาถาม
“ได้แหกปากชิมก่อนเอามาไหมวะ ว่ามันรสชาติยังไง”
“นะ...น้ำมนต์ขอโทษค่ะ น้ำมนต์คงหยิบเครื่องปรุงผิด” แล้วก็ก้มหน้าสารภาพผิด เพื่ออะไรวะ
“หรอ งั้นก็กินส่วนที่เธอทำผิดให้หมด”
“ตะ...แต่มันไม่หิว”
“แต่ฉันสั่งให้กิน!”
“ฮึก คุณภีม น้ำมนต์ไม่หิว” แม่งอายุเท่าไหร่แล้วว่ะ เอะอ่ะร้องๆ
“ฉัน บอก ให้ กิน!”
“ฮึก” แล้วเธอก็ต้องเดินมานั่งกินอาหารที่เธอเป็นคนทำ คือผมคิดว่าคงเบลอหยิบน้ำตาลได้เกลืออ่ะ เพราะมันไม่มีความหวานสักนิดนอกจากเค็มอย่างเดียว
ผมนั่งมองยัยเด็กบ้านี่ตักกับข้าวด้วยมือสั่นๆก่อนจะค่อยๆเอาเข้าปาก และ...
แค่ก แค่ก แค่ก
“คุณภีม...” แล้วเธอก็เงยหน้ามามองหน้าผม แต่อย่าหวังว่าน้ำตาของเธอมันจะเป็นผลต่อผม
“กิน ให้ หมด”
“ฮึก”
สามสิบนาทีผ่านไปกับข้าวที่พร่องไปกว่าครึ่งด้วยฝีมือของคนทำเองนั่นแหละ
“คุณภีม น้ำมนต์อิ่มแล้วค่ะ”
“ฉันบอกว่าให้กินให้หมด!”
“แต่น้ำมนต์อิ่มแล้ว” เธอพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกจากดวงตาเหมือนเขื่อนแตกแต่ไร้เสียงสะอื้น
“อยากเข้าไปนอนเล่นในห้องเก็บของอีกสักคืนสองคืนไหม”
“ไม่ค่ะ ไม่”
“ก็รีบกินให้หมด”
“แต่...”
“.....” ผมไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไร แต่ผมมองเธอนิ่งๆ มันเลยทำให้เลิกพูดและก้มหน้ากินข้าวต่อ
“คุณภีม น้ำมนต์ไม่ไหวแล้ว”
“ฉันสั่ง”
“แต่น้ำมนต์...อุบ” อ้วก อ้วก ยัยเด็กนั่นพูดยังไม่จบก็วิ่งเข้าครัวแล้วก็ได้ยินเสียงอ้วกดังออกมา
“หึ” แค่นี้ก็ดีแล้ว ผมพอใจ ผมเลยเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
น้ำมนต์
“ฮึก” ตอนนี้ฉันต้องลากสังขารมาเก็บจานข้าวที่โต๊ะเพื่อทำความสะอาดก่อนจะพาตัวเองกลับเข้าห้องนอนแล้วอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวอย่างอ่อนแรง
เมื่อกี้ฉันยอมรับว่าฉันเหม่อลอยจนเผลอหยิบเครื่องปรุงผิดจนอาหารเค็มจัดขนาดนั้น เลยต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ประเด็นคือนอกจากมันจะเค็มแล้ว ฉันยังต้องกินมันไปครึ่งจานจนมันยัดไม่ลงแล้วจริงๆ เลยอ้วกออกมาแบบเมื่อกี้ไง
“แม่จ๋า น้ำมนต์คิดถึงแม่” ฉันพูดกับตัวเองออกมา ฉันไม่เคยเห็นหน้าแม่ตัวเองสักครั้ง เพราะท่านจากไปทันทีที่ฉันคลอดออกมา จะมีก็แต่รูปถ่ายใบเดียวที่ป้าสำรวมท่านเก็บไว้ให้
“น้ำมนต์เหนื่อย แม่มารับน้ำมนต์ไปอยู่ด้วยได้ไหมคะ” ตั้งแต่เล็กจนโตคุณภีมแกล้งฉันตลอด และก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่จะให้ฉันหนีไปก็ทำไม่ได้ เพราะบุญคุณที่คุณท่านเลี้ยงดูมาอย่างดีมันค้ำคออยู่ การที่ฉันต้องทนให้คุณภีมรังแกแบบนี้มันก็ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณและไถ่โทษให้กับคุณภีมไปในตัวที่ฉันไปแย่งความรักจากคุณท่านมา
“ฮึก”
ซ่า!!!
“เฮือก!”
“จะนอนกินบ้านกินเมืองเลยหรือไงห๊ะ” คุณภีมถามด้วยเสียงที่แข็งกร้าวหลังจากราดน้ำใส่หน้าฉันเสร็จ
“ขอโทษค่ะ” ฉันบอกออกไปอย่างรู้สึกผิด เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเลยแล้วยังต้องมาเสียพลังงานอ้วกในตอนเช้าอีก
“ออกไปทำอาหารให้ฉันกับโบว์เดี๋ยวนี้”
“ค่ะ” แล้วฉันก็รีบลุกไปจัดการตัวเองก่อนจะออกไปข้างนอกเพื่อทำอาหารให้คุณภีมกับแฟนเค้า ก่อนออกมาฉันดูเวลาถึงได้รู้ว่าห้าโมงเย็นแล้ว ฉันเผลอหลับไปนานมากเหมือนกันแห๊ะ
“เอ่อ ไม่ทราบว่าอยากทานอะไรคะ” ฉันต้องถามก่อน ไม่งั้นฉันทำมาก็ไม่ถูกใจ
“ไม่มีสมองคิดเองหรือไง” เสียงพี่โบว์พูดออกมา
“คิดได้ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าทำมาคุณจะทานกันหรือเปล่า” ฉันไม่ได้ประชดนะ แต่ฉันแค่พูดไปตามที่ฉันคิดและเคยเป็นมา
“นี่เธอว่าฉันกับภีมเรื่องมากหรอ!” พลั่ก แล้วพี่โบว์ก็ลุกมาผลักไหล่ฉันดีที่ฉันทรงตัวได้เลยไม่ล้ม
“เปล่าค่ะ แต่น้ำมนต์แค่อยากถามให้แน่ใจ จะได้ทำมาถูกใจ”
“อยากทำอะไรก็ทำมา รำคาญ” คุณภีมพูดออกมา
“ค่ะ” แล้วฉันก็รีบเดินเข้าครัวเพื่อปรุงอาหารทันที
และฉันก็เลือกเมนูผัดผักรวม ต้มยำ แกงเขียวหวาน ก่อนจะยกมาวางที่โต๊ะทุกอย่าง เคร้ง!
“อุ๊ยโทษที พอดีมือลั่น” ฉันกำลังวางจานข้าวให้พวกเค้า แต่พี่โบว์ก็ยื่นมือมาปัดช้อนในมือฉันร่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ โอ๊ย” ฉันบอกแล้วก้มเก็บช้อนแต่ก็ต้องร้องออกมาเมื่อถูกเท้าของพี่โบว์เหยียบเข้าที่มืออย่างแรง
“ว้าย โทษที ฉันไม่ทันมอง”
“หึ” เสียงคุณภีมที่ถูกใจกับสิ่งที่ฉันโดนแกล้งดังออกมา แต่ฉันชินแล้วแหละ เพราะมันเป็นแบบนี้ประจำ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวน้ำมนต์ไปเอาช้อนให้ใหม่” แล้วฉันก็เดินเข้าครัวเพื่อเอาช้อนมาเปลี่ยนให้พี่โบว์ใหม่ ก่อนจะตักข้าวรินน้ำให้พวกเค้าทั้งสองแล้วยืนอยู่ใกล้ๆโต๊ะเผื่อพวกเค้าต้องการอะไร(คำสั่งของคุณภีม)
“คนใช้บ้านภีมทำอาหารไม่ได้เรื่องเลยนะคะ” พี่โบว์พูดกับคุณภีม
“นั่นสิ ฉันไม่อยากกินแล้วด้วย” คุณภีมพูดกับพี่โบว์แต่ฉันไม่ได้เงยหน้าไปมองพวกเค้าหรอกนะ ได้แต่ยืนก้มหน้าอยู่นิ่งๆกับที่
“งั้นเราออกไปหาอะไรทานข้างนอกกันไหมคะ”
“ได้สิ แต่ฉันเสียดายกับข้าวพวกนี้ เธอว่าควรทำยังไงดี”
“ก็ให้คนใช้ภีมทานสิคะ”
“เอางั้นหรอ”
“ค่ะ”
“งั้นเธอก็จัดการสิ”
คุณภีมใจร้าย!!