“แต่ก็ยังดีกว่าคุณนะคุณเปรม หน้าตาสวยแต่นิสัยไม่ดี ไม่มีใครทนคุณได้นานหรอก พี่ใหญ่” เต็มสิบหันมาหาการัตน์ “พี่คงจะไม่ว่านะครับ ถ้าหากวันไหนผมทนไม่ได้ ส่งน้องสาวนิสัยเสียกลับไปในสภาพไม่ครบสามสิบสอง ผมกลัวระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ไหว ถ้าไม่จับหักคอจิ้มน้ำพริก ก็คงจะโยนลงจากบ้านแทบไม่ทันละครับพี่”
“แล้วคิดว่าฉันจะยอมให้นายทำอย่างนั้นง่าย ๆ หรือไงยะไอ้ไม่เต็มสิบ” ชิชะ...ดูถูกกันมากเกินไปแล้ว เธอจะต้องลบคำพูดเหล่านี้ออกไปให้ได้ คอยดูละกัน
“ฉันจะทำให้นาย...ลบคำพูดทุกคนที่พูดวันนี้ แล้วหันมาพูดดี ยกฉันเป็นคุณผู้หญิงแสนดีและน่ารักให้ได้” เปรมมิกาพูดเสียงกร้าว เท้าสะเอว เชิดหน้าขึ้นสูงอย่างไม่กลัวคอจะหัก ทำได้...เธอต้องทำได้
“แล้วเราจะทำไงละเปรม ปกติพี่เห็นผู้หญิงที่เต็มคุยด้วยดีที่สุด นอกเหนือจากแม่และญาติ ๆ แล้ว ก็เห็นจะมีแต่แฟนนะ” การันต์เอ่ยถามพลางกลั้นหัวเราะขณะทอดสายตาไปมองเต็มสิบ ถ้าตาไม่ฝาดเขาคิดว่าได้เห็นแก้มสีน้ำตาลแดงของอีกฝ่ายแดงขึ้นมา
อืม...เต็มสิบมีแฟนน้อยจนแทบจะไม่มีด้วยซ้ำ อดีตแฟนซึ่งคบหากันมาก็หลายปีก่อนจะถูกทิ้งก็ยังเป็นฝ่ายหญิงเสียอีกที่เข้ามาแนะนำตัว สานต่อความสัมพันธ์ด้วย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากพฤติกรรมของเต็มสิบที่ค่อนข้างจะเป็นคนเก็บตัวและขี้อายด้วย...
“ผมว่าคุณใหญ่มาเหนื่อย ๆ เข้าไปพักในบ้านก่อนดีกว่าครับ นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยววันนี้ผมทำผัดกระเพราหมู กับต้มยำเห็ดให้ทาน” เต็มสิบรีบตัดบท ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจกับคำถามของรุ่นพี่ ที่ยังไม่สู้สายตามุ่งมั่นมาดหมายของคนตัวเล็กซึ่งมองมาแล้ว ในอกมันไหววูบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล จะบอกว่ากลัวก็ไม่ใช่ แต่ให้กล้าก็ไม่ใช่อีก มันก่ำกึ่งอย่างบอกไม่ถูก
“อะไรกัน พี่เชื้อมาทั้งที มีอาหารเลี้ยงแค่นี้เองเรอะ แล้วจะไปพอกินอะไร” เปรมมิกาเอ่ยขึ้นอย่างให้รู้ว่าเธอกำลังก่อกวนอารมณ์ของเต็มสิบที่ค่อย ๆ เย็นลงแล้วให้ร้อนรุ่มขึ้นมาอีก คิ้วเข้มเลิกขึ้นและนัยน์ตากลมโตใสแจ๋วส่งสารท้าทาย
“ก็กินเท่าที่มี นึกว่าจะดีที่มีของกินน้อย ๆ คุณจะได้ลดหุ่นอวบอ้วนมีไขมันเกาะให้กระชับขึ้นสักหน่อย” เต็มสิบตอบแบบประชดประชัน แล้วรีบก้าวตามการันต์ซึ่งลงไปยืนรอที่รถก่อนแล้ว เพื่อจะเอากระเป๋าใส่เสื้อผ้าไปเก็บยังห้องพักของแต่ละคน ซึ่งเมื่อมีหนึ่งห้องนอนใหญ่ การันต์เลยต้องพักกับเขา และหนึ่งห้องรับแขกขนาดไม่ใหญ่ที่จะต้องเป็นที่พำนักของเปรมมิกา
คนถูกว่าอ้วนรีบก้มมองสภาพตัวเองอย่างเร็ว อีตาไม่เต็มสิบปากเสีย เธอยังไม่ได้อ้วนสักหน่อย ยังรูปร่างเพรียวบางเหมือนเดิม แต่เกะกะด้วยเฝือกที่เข้ามาเท่านั้นแหละ ชิ...ตัวเองดีนักหรือไง รูปร่างสูงใหญ่แล้วก็ดำปิดปี๋ นี่ถ้าหลงไปอยู่ในสวนสัตว์ อาจคิดไปได้ว่ามีหมีหลุดออกมาเดินเพ่นพ่านเสียด้วยซ้ำ คอยดูนะ จะทำให้ลบทุกคำที่พูดดูถูกเธอไว้ให้หมดเลย
“ไม่สนุกหรือผิง มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ฉันเห็นแกเครียดมาหลายวันแล้วนะ” พ่อหนุ่มร่างใหญ่กล้ามโตแต่นิสัยภายในคือผู้หญิงเกินร้อยเอ่ยถามเพื่อนอย่างเป็นกังวล มีใครทำให้เพื่อสาวเธอไม่สบายใจอีก
“อือ...นิดหน่อย” คนถูกถามพยักหน้ารับ เหม่อมองออกไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายปรายทาง
แสงไฟจากร้านรวงที่อยู่บนฝากฝั่งและเรือตกปลาหมึกที่ลอยลำอยู่กลางท้องทะเลจะสาดส่องมา เกลียวน้ำสาดซัดเข้าหาฝั่งเป็นประกายระยิบระยับบ้าง ท้องฟ้าแม้จะดีดวงดาราส่งสกาวพร่างพราวระยับ แต่ก็อับแสงด้วยไม่มีพระจันทร์สาดส่องลงมา พระพายพาหอบเอาสายลมพัดมาแตะต้องเรือนกายให้เหนียวเหนอะหนะ โอบแขนรัดรอบลำขาเสลาซึ่งงอขึ้น ทาบหน้าบนเข่ามลอย่างเหนื่อยหน่าย
“ดูเหมือนว่าหมอทินภัทรกับแม่จะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วล่ะ เบนเข็มมายังฉันเต็มร้อย!” มัญชิษฐาบอกเสียงราบเรียบคล้ายมิใส่ใจขณะไล้ปลายนิ้วเล่นกับทรายละเอียดซึ่งเกาะติดอยู่บนเท้าและลำขาเสลา
“อือ...” คนถามรับคำในลำคออย่างไม่เข้า มัญชิษฐาจะมานั่งเศร้าซึมกะทือทำไม ในเมื่อรู้อยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย ส่วนทินภัทรกับแม่ ได้ข่าวมาว่าสองคนนี้กำลังกรอบแกรบ ไม่แน่ว่าตำแหน่งในโรงพยาบาลก็อาจหลุดมือไปเลยต้องหาที่ยึดเกาะ...หลักที่จะต้องมั่นคง แน่นปึกอย่างมัญชิษฐาที่จะทำให้ฐานะมั่นคง
“ฉันเบื่อที่จะต้องมานั่งสู้รบปรบมือด้วยนะ หมอทินนิสัยอย่างกับเด็ก งอแง ดื้อดึง ขี้บ่น แล้วเมื่อไม่ได้ดังใจก็จะพาลพาโลหาเรื่องไม่รู้จักจบสิ้น น่าเบื่อ... ส่วนแม่ก็จู้จี้จุกจิก อวดร่ำอวดรวย มองตัวเองว่าดีเลิศ ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นว่าด้อยกว่าตัวเองเสมอ” แม้เธอจะเป็นคนไม่สนใจคนอื่น เอาแต่ใจมิใช่น้อย แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองดีกว่า รวยกว่าแล้วจะดูถูกคนที่ด้อยกว่า
“ถ้าไม่ชอบก็ไม่เห็นจะต้องไปสนใจ ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเสียก็หมดเรื่อง” ชานนท์นามที่พ่อแม่ตั้งให้ แต่เจ้าตัวไม่พอใจสั่งให้เพื่อน ๆ เรียกว่าชาช่า
“ก็ทำอยู่ตลอดนะ แต่ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะเป็นนกรู้ หรือฉันดวงซวยกันแน่ ถึงได้เจอสองแม่ลูกนั่นตลอด ตามติดยิ่งกว่าแมลงวันหัวเขียวตามของเหม็นเน่าอีก” ไม่รู้จะเปรียบเทียบอย่างไรดีแล้ว เธออยู่บ้านไม่ได้เพราะอีกฝ่ายบุกไปหา ที่ร้ายสุดคือแทบจะบุกถึงห้องนอนเสียด้วยซ้ำ แล้วไปเที่ยวไหนก็ถูกตามเจอตลอดจนน่าสงสัย เอาเครื่องติดตามตัวมาติดไว้ที่ร่างเธออย่างนั้นแหละ
“แกคิดจะทำยังไง ให้ฉันช่วยไหม ถึงหมอทินจะน่าเบื่ออย่างที่แกว่า แต่พี่เขาก็หน้าตาพอใช้ได้นะ ถ้าได้มานอนกอดสักคืน ฉันคงชุ่มฉ่ำปอดละแก” ชานนท์เอ่ยถามนัยน์ตาวาววับ ไล้ปลายลิ้นเลียบนปากหนา ถ้าได้หม่ำทินภัทร คุณหมอหนุ่มหุ่นล่ำบึก กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ โหย...แค่คิด กายก็ซู่ซ่าขึ้นมาทันที
“ไม่กลัวเขาเอามีดหมอจิ้มท้องหรือไง”
“ถ้าได้จิ้มประตูหลังหมอทินนะแก ต่อให้ต้องถูกจิ้มจนท้องลาย ก็คุ้มยะ”
มัญชิษฐาส่ายศีรษะอย่างระอิดระอา รู้ว่าเขารังเกียจ พูดจากระทบกระเทียบเปรียบเปรยทุกครั้งที่เจอหน้า จนขนาดว่ามานั่งเจ็บช้ำร้องไห้ตาบวมอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่วายพาตัวเองไปให้เขาด่าเขาว่าอีกนะ คนเราก็แปลก ยิ่งรู้ว่าเขาไม่ชอบก็ยิ่งหาเรื่องเข้าใกล้
“แล้วแกจะทำไงต่อไป” ชานนท์ถามอย่างเป็นกังวล พรุ่งนี้แฟนหนุ่มชาวอังกฤษจะมาหา เขาต้องกลับไปทำหน้าที่...ภรรเมียเอาใจคุณสามีหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่รักกัน ส่วนหมอทินภัทรนะ เอาไว้เป็นขนมหวานยามห่างคุณสามี
“คงหลบอยู่อย่างนี้สักพัก ไม่อยากไปหาแม่ ไม่อยากเจอพ่อเลี้ยง”