chapter 5
‘ถ้าอย่างนั้น หนูไม่กลับดึกแต่จะกลับเช้าเลยละกันคะ พ่อจะได้ไม่กังวลว่าหนูจะเป็นอันตราย’ มัญชิษฐาตอบกลับในใจ ก่อนลุกจากที่นั่งขึ้นไปบนห้อง หวังว่าน้ำเย็นจะช่วยคลายเพลิงโทสะในกายลงบ้าง ด้วยว่าตะวันยังไม่ตกดินพอจะให้ออกไปท่องราตรี
“ว้าว!!”
เรียวปากนุ่มอิ่มเต็มมีสีสันมากขึ้นห่ออู้ ดวงตากลมโตใสแจ๋วเบิกกว้างกับภาพเบื้องหน้า กระท่อมไม้ขนาดหลังกะทัดรัด มีต้นเข็มซ้อนปลูกเรียงรายทำเป็นรั้วเล็ก ๆ กั้นจนถึงบันไดบ้าน ที่พอเหยียบย่างขึ้นไปด้านบนก็จะผ่านประตูบ้านซึ่งทำด้วยไม้มีหลังคากั้น ก่อนจะเป็นระเบียงกว้าง ขอบระเบียงทำเป็นชานไว้ให้นั่งพักอิงหลังด้วยขอบไม้ จากขอบหลังคานอกจากจะมีไม่ไผ่ผ่าซีดไว้รองรับน้ำแล้วยังจะมีกระถางดอกไม้เล็ก ๆ เรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บางกระถางตอนนี้มีดอกไม้อวดกลีบบานชูช่ออย่างสวยงาม
ไม่น่าเชื่อเลย! เปรมมิกาตกตะลึงงันอย่างคาดไม่ถึงจริง ๆ อีตาหน้าเป็นจะมีอารมณ์ศิลปินกับเขาด้วย สร้างบ้านอย่างสวยงามน่าอยู่เชียว คงหวังไว้เป็นเรือนหอละซิ แต่กินแห้วไปแล้วกระบุงโต แหม...เธออยากจะหัวเราะใส่หน้าเสียจริง
“พี่ใหญ่จะให้เปรมพักที่นี่หรือคะ” หญิงสาวหันมาเอ่ยถามพี่ชาย สาวเท้าจะเดินขึ้นไปสำรวจบ้านอย่างเชื่องช้า เพราะต้องใช้ไม้ค้ำพยุงกายไม่ให้ล้ม อันเนื่องมาจากขายังมีเฝือกยาวจากปลายเท้าถึงหัวเข่าด้วยความพอใจ ทว่าเจ้าของบ้านนะซิ เปิดประตูออกมา หน้าตาบูดเบี้ยวราวกับลิงอึไม่ออก สองหนุ่มสาวมองสบกันอยู่ชั่วครู่ ก่อนคนตัวเล็กกว่าจะสะบัดหน้าเริดเชิดหนีอย่างหงุดหงิด ซึ่งเธอเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนั้น ร่างแบบบางกลับหลังหันเดินไปหาพี่ชายอย่างทุลักทุเล
“หวัดดีครับคุณใหญ่” เต็มสิบเอ่ยทักรุ่นพี่ที่เขาเคารพรักประดุจพี่ชายแท้ ๆ ผู้ที่ให้โอกาสและบุญคุณอย่างล้นหลาม ถ้าไม่มีการันต์ในวันนั้นก็ไม่มีเขาและสวนป่าปาล์มแห่งนี้ในวันนี้เหมือนกัน แม้ว่าทรัพย์สินทั้งหมดจะต้องถูกหารออกเป็นสอง ทว่าเขาก็ยังภาคภูมิใจว่ายังมีของเขาอยู่ครึ่งหนึ่งและเมื่อมีเงินพอเขาสัญญาว่าจะซื้อมันกลับคืนมา
“ขับรถมาไกล เหนื่อยมากไหมครับคุณใหญ่” เต็มสิบตวัดสายตาไปยังอีกคนที่ทำให้การัตน์เหนื่อยที่ต้องขับรถมาไกล อีกทั้งเส้นทางก็ไม่ได้สะดวกอย่างที่ควรเป็น
“ความจริงให้ผมไปรับก็ได้” ไปรับแล้วเอาคนบางคนมาทิ้งไว้ข้างทางคงจะดีไม่น้อย
‘ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาอย่างนั้นเลยนะไอ้ไม่เต็มสิบ คิดว่าฉันอยากมานักหรือไง’ จมูกโด่งยู่ย่น ถลึงตาขุ่นเขียวใส่เต็มสิบที่มองทุกอย่างคือความผิดของเธอ
“พี่ถือโอกาสนี้มาพักผ่อนด้วยนะเต็ม” ถือโอกาสนี้ทบทวนแผนการที่วางไว้ให้รอบคอบอีกครั้ง ป้องกันความผิดพลาดทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น
เต็มสิบรับรู้ถึงความตึงเครียดที่แผ่กระจายมา เขาพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจความนัยที่ส่งมา การันต์เล่าให้เขาฟังถึงสาเหตุที่พาเปรมมิกามาพักที่นี่แล้ว มันทำให้เขาไม่พอใจไปถึงคนสร้างเรื่องอย่างไอ้ผู้ชายคนนั้น แต่ก็ไม่เท่าเปรมมิกา ที่นึกยังไง อกหักแค่นี้ไม่เห็นจะต้องทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย ร้อนไปถึงพ่อแม่แล้วยังจะการันต์กับเพื่อน ๆ อีกที่ต้องทำอะไรเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางอีก
“แต่พี่มาก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมมีแผนการปรับปรุงไร่สวนปาล์มเสนอ”
“พี่ให้เต็มเป็นคนจัดการได้อย่างเต็มที่แล้วไม่ใช่เหรอ” การันต์ตอบกลับอย่างเชื่อใจ เขาไม่ได้อยากจะได้ที่ดินของเต็มสิบ ทว่าอยากช่วยชายหนุ่ม เสนอให้ยืมเงินไปแล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมก็เลยต้องมัดมือชกในอีกทาง ให้เงินโดยแลกกับที่ดินครึ่งหนึ่งและให้ชายหนุ่มเป็นคนจัดการบริหารเอง เมื่อมีเงินพอก็ให้มาบอก เขาพร้อมจะขายคืนโดยไม่คิดกำไรแม้แต่บาดเดียว ถือว่าพี่ช่วยน้อง
การันต์เดินตามร่างหนุ่มรุ่นน้องไปนั่งริมระเบียงของบ้าน นัยน์ตาคมกวาดมองบ้านหลังเล็กกะทัดรัด มองไปทางไหนล้วนแล้วแต่สบายตา ดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา แตกต่างจากบ้านเขาอย่างสิ้นเชิง...บ้านหลังใหญ่ ผู้คนมากมายล้นหลาม แต่...หาความสุขความอบอุ่นไม่ได้เลย ญาติพี่น้องเป็นเสมือนคนแปลกหน้า บ้างก็เหมือนศัตรูคอยห้ำหั่นด้วยคำพูดและท่าทีหยามเหยียด ใครล้มก็พร้อมกระทืบซ้ำ ก่อนจะเดินข้ามไปอย่างไม่ไว้หน้า
“ผมอยากขอคำแนะนำจากคุณใหญ่นะครับ บางอย่างผมทำได้ แต่บางอย่างผมยังไม่แน่ใจว่าควรจะไปทางไหนดี”
“หน้าตาก็เหมือนโจรทีหนึ่งแล้ว ผิวก็ยิ่งกว่าโอเลี้ยง ปากก็เปราะอีก ขยันทำแต่งานเกินไป...แฟนเลยหนีไปมีผู้ชายคนใหม่” เปรมมิกาเปรยขึ้นมาลอย ๆ มีทางไหนให้เธอแขวะเต็มสิบได้นะ ทำทั้งนั้นแหละ อยากโยนความผิดทุกอย่างมาให้เธอทำไมละ แล้วยังจะมองด้วยสายตาขยะแขยงและรังเกียจที่มอบให้อีก คิดแล้วเพลิงโทสะก็พุ่งปรี่ อยากโถมตัวไปตบให้หน้าหัน จิกให้ลูกกะตาหลุด
“เปรม!” การันต์เรียกเสียงขุ่น ไม่รู้เขาคิดผิดหรือเปล่าที่จับสองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน จะฆ่ากันตายก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ขา...พี่ใหญ่ เรียกน้องทำไมหรือคะ” เปรมมิกาขารับเสียงใส ตีสีหน้าใสซื่อไม่รู้ไม่ชี้เสียสนิท “ก็มันจริงนี่คะ ถ้าไม่มัวแต่ไปขลุกอยู่กับต้นไม้ใบหญ้า ป่านนี้อาจมีลูกเล็กเด็กแดงวิ่งไล่จับกันเต็มหน้าบ้านแล้วมั่ง แต่นี้อะไร จนเขาท้อง...โย้แล้ว ถึงได้รู้ว่าเขานอกใจ เปรมว่าน่าอายจะตายไป”
“แฟนไปมีคนใหม่ ผมก็แค่เจ็บปวดนิดหน่อย ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย ผิดกับบางคน แค่อกหัก รับไม่ไหว ประชดกินเหล้าเมาหยำเป ครองสติไม่ไหว ขับรถไปชนกับต้นไม้หน้าตาเฉย อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าหน้าอาย แต่คงต้องเรียกว่าบ้ามากกว่า”
“ไอ้!” เปรมมิกาพูดไม่ออกเมื่อเต็มสิบสวนกลับมาอย่างไม่ไว้หน้า ใบหน้าผุดผาดแดงปลั่ง งอง้ำ ตาขุ่นขวาง
“ไอ้เต็มสิบปากเสีย ใครว่าฉันกินเหล้าประชดแล้วเอารถไปชนต้นไม้ยะ หน้าตาอย่างฉัน ถึงไม่สวยมากมาย แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่นะยะ หาผู้ชายมาเป็นแฟนได้ถมเถไป ไม่เหมือนนายก็แล้วกัน หมกตัวอยู่แต่ในสวนป่าปาล์มกับคอกสัตว์ สงสัยจะได้พวกสัตว์ตัวเมียที่เลี้ยงไว้เป็นเมียแทนเสียมากกว่า”
การัตน์ส่ายศีรษะอย่างระอิดระอา เมื่อเปรมมิกาและเต็มสิบสาดคำพูดใส่กันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร อย่างกับพริกกะเกลือ เข้ากันไม่ได้เลย หวังว่ากัดกันไปกัดกันมาคงไม่เผลอรักกันหรอกนะ...แล้วถ้าเกิดเหตุแบบนั้นเขารับได้ไหม คำถามผุดขึ้นมาในสมองของการัตน์ ดวงตาคมกริบตวัดไปมองร่างหนาแกร่งของหนุ่มรุ่นน้อง
จะว่าไปเต็มสิบก็หน้าตาดีอยู่นะ นิสัยก็ดี ไม่เจ้าชู้ ไม่สูบบุหรี่กินเหล้า ซึ่งอย่างหลังถ้าต้องออกงานก็มีบ้างตามมารยาททางสังคม ฐานะแม้จะไม่ร่ำรวยมากมาย แต่ก็ถือได้ว่าอยู่ในขั้นพอมีพอกิน ไม่เป็นหนี้เป็นสินใคร แล้วยังขยันทำมาหากินอีก ได้คนอย่างนี้เป็นแฟน เปรมมิกาสบายมากกว่าจะเดือนร้อนทั้งกายและใจ เต็มสิบเข้มแข็งและแกร่งพอที่ปกป้องเปรมมิกาให้ปลอดภัยและสามารถปะทะกับคนในครอบครัวเขาได้ด้วย ถ้าทั้งคู่เป็นแฟนกันได้ เขาว่าดีมากเลยล่ะ ถ้าเป็นจริงเขาก็พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่ แต่มองไปแล้ว...หนทางมีน้อยนิดมาก