ตอนที่ 7

1384 คำ
“อือ...มีอะไรก็โทรหาแล้วกัน แกก็รู้ถึงที่รักฉันมา ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพื่อนสำคัญเสมอ” ชานนท์ดักคอไว้ก่อน ด้วยมัญชิษฐามีเขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวจะเกรงอกเกรงใจ อยากให้เขามีเวลาอยู่กับที่รักให้นานที่สุด ให้คุ้มกับเวลาที่ต้องห่างกัน แต่เพื่อนรักไม่สบายใจจะให้เขามีความสุขได้ยังไงกันละ “อือ...ขอบใจนะ” มัญชิษฐายกมือไปวางทับบนมือใหญ่ของเพื่อนที่วางอยู่บนไหล่ตนเอง “แล้วนี่แกจะไปไหน จะกลับเลยหรือเปล่า” มัญชิษฐาเอ่ยถามน้ำเสียงเหงาเศร้า ถ้าจะมีใครสักคนเคียงข้าง ขอแค่เป็นคนดีและรักที่เธอเป็นเธอ ไม่ได้รักที่ทรัพย์สมบัติ จะดีแค่ไหนนะ แต่...ศีรษะทุยสะบัดส่ายแรง ๆ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แค่แนะนำตัวว่าเธอชื่อเสียงใด แต่ละคนก็ตาวาวอย่างกับเจอขุมทรัพย์แล้ว “เดี๋ยวจะอยู่กับแกอีกสักพัก รอให้แกหลับก่อน ถึงจะไป แต่ตอนนี้คอแห้งแล้ว ว่าจะไปหาอะไรมากินหน่อย แกจะเอาอะไรไหม” “อะไรก็ได้ เอามาเถอะ” มัญชิษฐาตอบอย่างเหนื่อยหน่าย ด้วยไม่มีกะจิกกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มร่างใหญ่ ทว่าเวลาพูดกลับบีบน้ำเสียงให้แหลมเล็ก ท่วงท่ากิริยาสะบัดสะบิ้งอย่างต้องการให้ตัวเองดูเป็นผู้หญิงเดินจากไปไกลพอแล้ว ชายหนุ่มซึ่งยืนหลบมุมสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ก็เดินเท้าเบาไปทรุดตัวลงนั่งใกล้กับคนซึ่งหมายตาเอาไว้ “ขอนั่งด้วยคนนะคุณ” “ที่นั่งเยอะแยะไป คุณจะนั่งตรงไหนก็ตามใจซิ แต่อย่างมานั่งบนหัวฉันแล้วกัน” มัญชิษฐาตอบกลับอย่างประชดประชันน้ำเสียงแข็งกร้าว ยามค่ำมืดแบบนี้ เธอเป็นผู้หญิงนั่งอยู่คนเดียวก็ไม่ปลอดภัยพอแล้ว เวลานี้กลับมีใครไม่รู้มาขอนั่งด้วย คิดได้ว่าเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ดังนั้นควรรีบไปก่อนเกิดเหตุร้ายอันไม่คาดคิด ทว่าเพียงแค่สองขาเรียวยาวยืดตรง ทาบสองมือบนพนักเก้าอี้ยันตัวขึ้น “จะรีบไปไหนละคุณ อยู่คุยกันก่อนซิ” มือแข็งแกร่งก็ยื่นไปจับแขนกลมกลึงและบีบเต็มแรง “ว้าย! ปล่อยฉันนะ!” ไม่ทันสิ้นเสียงร้องและสะบัดมือที่จับแขนเอาไว้ให้หลุด หัวใจมัญชิษฐาก็หลุนตุบลงไปกองอยู่ปลายเท้า เมื่ออีกฝ่ายซึ่งเธอยังไม่เห็นหน้า ออกแรงกระตุกจนร่างโปร่งบางเซถลาไปนอนพังพาบบนร่างหนาแกร่งราวกับหินแกรนิตอย่างแนบชิดจนได้กลิ่นหอมอ่อนของโคโลนญ์ ท่อนแขนกำยำรัดร่างกลมกลึงจนแนบชิด “อยู่คนเดียวมืดๆ ไม่กลัวอันตรายหรือไงคุณผู้หญิง” ถือโอกาสโน้มใบหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมที่ผสมผสานทั้งน้ำหอมและผิวกายสาวเต็ม ๆ ปอด อืม...หอมดี “ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” มัญชิษฐาตวาดเสียงแข็ง โชคดีว่าสองแขนไม่ได้ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ เธอเลยใช้มือยันอกกว้างพยายามยันตัวเองขึ้น แต่กลับถูกรัดจนเอวแทบจะหักเป็นสองท่อน ในหูได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายเต็ม ๆ ดังก้อง แม้จะอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานมัญชิษฐาก็ยังมีสติพอ ไม่ได้กลัวจนลนลานทำอะไรไม่ถูก เธอเที่ยวผับเที่ยวบาร์แทบทุกคืน เจอผู้ชายหน้าหม้อชอบพาตัวเองเข้ามาเกี้ยวพาราสี บางรายหนักหน่อยมือไวเสียด้วย เผลอนิดก็จับโน่นจับนี่หากำไรตลอดเวลา เลยทำให้เธอมีสติและได้เกราะคุ้มกันไว้ป้องกันตัวในยามเกิดเหตุการณ์เช่นตอนนี้ มัญชิษฐาผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา การต้องอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนนี้ สิ่งหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง...อันตราย เธอก็ไม่รู้ว่าอันตรายยังไง แต่รู้ว่าผลของการใกล้ชิดจนได้กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ทำให้เธอสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งหัวใจ ถ้ากลิ่นกายของอีกฝ่ายจะเหม็นเน่าเหมือนพวกกินเหล้าเมายา พวกขยะสังคมทั้งหลายแหล่จะดีกว่านี้ เพราะเธอจะได้รู้สึกขยักแขยง อยากจะดิ้นให้หลุด “หือ...ท่าทางคุณไม่กลัวเลยนะคุณผู้หญิง” ชายหนุ่มแนบปากลงบนลำคอระหงแผ่วเบา “ถ้าผมไม่ปล่อย เธอจะทำยังไงละคนสวย...” เขาเอ่ยถามพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ “ผิวคุณลื่นและนุ่มมืออย่างนี้” ฝ่ามือหนาร้อนผ่าวลูบไล้ลำแขนเสลา “แล้วตัวคุณก็นุ่มนิ่มน่ากอดน่าหอม...” เขาซุกไซ้จมูกโด่งคลอเคลียผิวเนื้อนุ่มหอม “อ๋อ...อยากมีอะไรกับฉันหรือ” คำพูดที่กระแทกเข้าช่องหู เปิดเส้นทางให้มัญชิษฐาคิดได้ว่าจะพาตัวรอดยังไง รอยยิ้มเล็กๆ ผุดตรงมุมปากด้านหนึ่ง นัยน์ตาคมกริบเป็นประกายวามวามราวกับตาแมวส่องสว่างกลางที่มืด “อยากจูบฉันใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวถามเสียงเซ็กซี่ นิ้วยาวเรียวลูบไล้บนกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง “อืม...” ชายหนุ่มแสร้งทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย “ถ้าผมอยาก...แล้วฉันจะต้องทำยังไงละคุณผู้หญิง ถึงจะได้จูบหวาน ๆ จากคุณล่ะ” ในเมื่ออีกฝ่ายเสนอมา เขาก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ ทั้งที่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายหาทางยืดเวลา เพื่อจะทำให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมแขนเขา ก็อยากรู้เหมือนกัน หญิงสาวจะทำยังไง “ง่าย ๆ คุณแค่ช่วยคลายแขนที่รัดฉันออกสักหน่อยก็ได้แล้วละ อยู่อย่างนี้อึดอัด หายใจไม่ออก” ถ้าขอให้ปล่อย เธอรู้ดีว่าไม่มีทาง แต่การขอให้คลายแรงรัดลงทำได้ง่ายกว่า รัดจนร่างเธอแทบจะจมหายลงไปในอกแล้ว จะขยับกายก็ทำไม่ได้อีก ไหนจะสองขาเรียวที่ถูกสอดรัดเอาไว้ด้วยขาแข็งแกร่งจนเธอสัมผัสได้ถึงลอนกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวอยู่อีกล่ะ “ฉันจะได้ให้คุณจูบอย่างถนัดถนี่อย่างไงละ” ‘เวลาฉันเอาคืนจะได้หนักหน่วงและแม่นยำด้วยไงล่ะ’ คิ้วหนาเป็นปื้นเลิกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าปล่อย...คุณจะตบหน้าผมหรือเปล่าละคุณผู้หญิง” “ฮื่อ...ไม่ตบ” ‘แต่ไม่รับรองว่าจะไม่ทำอย่างอื่น’ “สัญญาด้วยเกียรติเนตรนารีที่เรียนมา” ‘ฉันจะทำให้ผู้ชายขี้หลีอย่างแก เจ็บจนกระอักเลยเชียวแหละ’ มัญชิษฐายิ้มตาวาววับในความมืด แสร้งทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมคลายอ้อมแขนรัดร่างสมส่วนออกเล็กน้อย ให้อีกฝ่ายได้เคลื่อนไหวอย่างใจต้องการ ทว่ายังฝ่ามือร้อนผ่าวยังทาบตรึงไว้ระหว่างเอวและสะโพก นิ้วยาวร้อนลากไล้คลึงเนื้อนุ่มเบา ๆ “อย่างนี้ค่อยดีหน่อย” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานแผ่วเบา ฝ่ามือนุ่มนิ่มทาบบนอกกว้าง เริ่มลูบไล้แผ่วเบา มารยาหญิงเรื่องนี้ตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ แต่เพราะชาช่าบอกว่า ผู้ชายร้อยทั้งร้อยมักหลงเพลิดลืมตัวยามได้เจอเข้ากับเสน่ห์ ความอ่อนหวานช่างออดอ้อนเอาใจของผู้หญิง เธอก็เคยลองใช้กับกับพวกไก่แจ้มาแล้วหลายตัวแล้วและได้ผลทุกครั้ง กับผู้ชายมือไวตรงหน้าก็คงไม่ต่างกัน “คุณอยากให้ฉันจูบตรงไหนก่อนดี” นิ้วยาวเคลื่อนไล้ไปบนใบหน้า ที่ความมืดมิดทำให้เธอมองไม่เห็นว่าหน้าตาเขาแท้จริงเป็นอย่างไร รับรู้เพียงแค่ว่าแกร่งกระด้าง จากคางไปถึงสันแก้มโหนกนูนไม่อิ่มเนื้อเหมือนแก้มเธอ หน้าผากกว้าง ละเว้นดวงตา เพราะกลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหวใช้สองนิ้วจิ้มให้บอดไปเสียก่อน เรื่อยลงไปตามจมูกโด่งขึ้นรูปท่าจะสวย และสุดท้ายริมฝีปาก ซึ่งเมื่อแตะลงไปแล้วมัญชิษฐารู้สึกสะท้านไหววูบ ขนบนเรือนกายลุกเกรียว จากกระแสไฟอ่อน ๆ แล่นวาบจากปลายนิ้วไปสู่ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจอย่างฉับพลัน แต่ก็ต้องรีบสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม