"คืนนี้เนื้อทองนอนกับพี่เถอะนะ พี่แทนคงอยู่ในงานจนสว่างโน่นแหละ..." กันหาเอ่ยขึ้นลอยๆ ในขณะที่เนื้อทองกำลังช่วยซ่อมเสื้อตัวโปรดให้กับหล่อน
"เนื้อทองรออยู่รอจนกว่านายจะกลับก็ได้ค่ะ...แต่..."
"บอกแล้วไงว่าพี่แทน ยุ่งๆ ในงานไม่กลับมาหรอก เชื่อพี่สิ ไหน...เสร็จหรือยังนั่น" หล่อนแสร้งเปลี่ยนเรื่องเป็นเร่งให้เนื้อทองสนใจกับงานในมือต่อไป
"เหลืออีกนิดเดียวแล้วค่ะ เอ่อ...แล้วนี่นายรู้ใช่ไหมคะว่าพี่หม่อนจะไปเดินเที่ยวในงานด้วย"
"รู้สิ เขาจะมาขึ้นมารับบนเรือนแต่พี่บอกว่าจะไปกับเนื้อทอง พี่แทนยุ่งจะตายไม่อยากให้มาเสียเวลากับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แขกผู้ใหญ่ก็เยอะ"
"อ่อค่ะ..." เด็กสาวรู้สึกโล่งอกยิ่งนักที่ได้ฟังเช่นนั้น เพราะหากเป็นความดื้อดึงของกันหาที่จะออกไปข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว มีหวัง...ความผิดมันจะลงบนหัวหล่อนโดยไม่ต้องสงสัย
"แล้วนี่เราจะใส่ชุดนี้ไปงานจริงๆ เหรอ...หืม..." แววตาอบอุ่นเอื้ออารี มองร่างเล็กอย่างต้องการสำรวจตรวจตรา เนื้อทองเป็นคนรูปร่างบาง ตัวเล็ก แต่สัดส่วนเต็มวัยสาว หากแต่ถูกเสื้อผ้าธรรมดาๆ ตัวโคร่งอย่างเสื้อยืดกางเกงยีนที่หล่อนชอบใส่อยู่ทุกวันบดบังส่วนเว้าส่วนโค้งนั้นเอาไว้หมดสิ้น
ผิวสีแทนผุดผ่องเหมือนน้ำผึ้งเดือนห้า ไม่ได้ขาวซีดอย่างสมัยนิยม อาจเพราะไม่ค่อยดูแลตัวเองมากนักและอยู่ในไร่ในสวนเช่นนี้ด้วย จากเด็กน้อยขี้แยในวัยเยาว์ที่มักแอบมองเธออยู่ตามรั้วบ้านในสมัยแรกๆ ที่พบกัน จนกระทั่งได้รู้จักคุ้นเคย เนื้อทองก็ติดเธอแจ วิ่งตามต้อยๆ ไปทุกที่ของไร่ เป็นทั้งลูกมือและผู้ช่วยในตอนที่หล่อนยังช่วยอัศเวทย์ทำงานได้
จนกระทั่งตอนนี้...สาวน้อยตัวเล็กคนนั้นก็เติบโตขึ้น พร้อมๆ กับเธอที่โรยราลงทุกทีๆ มองเพียงผิวเผินจะเห็นได้ว่าเนื้อทองมีหน้าตาเหมือนพ่อของแกไม่มีเพี้ยน ตั้งแต่สีผิว ผมเส้นใหญ่และหนาดกดำ คิ้วคมเข้มโค้งวาดดั่งคันศร จมูกโด่งเล็กเป็นสันได้รูป ดวงตากลมโตเป็นประกาย ยิ่งตอนประหม่าจะน่ามองยิ่งนัก อาจจะเป็นริมฝีปากและโครงหน้าเอนเอียงไปฝั่งแม่บ้างเล็กน้อย แต่สรุปใจโดยรวมแล้ว หากนำมาขัดเกลาให้มากขึ้น หล่อนเชื่อว่าเนื้อทองจะเฉิดฉายได้ไม่แพ้สาวกรุงเลยทีเดียว
"ค่ะ ชุดนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่คะ พี่หม่อนให้เนื้อทองยังไม่เคยได้ใส่เลย" เด็กสาวหยุดมือที่จับเข็ม ก้มมองสำรวจตัวเองที่อยู่ในชุดติดกันสีน้ำเงินเข้ม มีระบายสีขาวด้วยผ้าชีฟองตรงคอเสื้อ และแขน ขายาว...หล่อนคิดว่ามันคือชุดที่เหมาะสมกับหล่อนเป็นที่สุดแล้ว แต่ดูแววตานายสาวจะยังไม่ใคร่พึงใจนัก
"ใช่สิ...เราใส่แต่เสื้อยืดกางเกงยีนนี่ พี่บังคับเท่าไหร่ก็ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่ซื้อให้สักที ชุดนี้ก็ชื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้ว พี่มีชุดใหม่ เดี๋ยวทำผมใหม่ให้ด้วย แต่งหน้าสักนิด...พี่ว่าเนื้อทองต้องสวยกว่าสาวๆ ทุกคนในงานแน่เลย"
"โอ๊ย! ไม่เอาค่ะพี่หม่อน นี่เนื้อทองก็แต่งมาแล้วนะคะ อีกอย่างเนื้อทองไม่รู้จะสวยไปให้ใครดูด้วยค่ะ ไปแป๊ปๆ เดี๋ยวเราก็กลับกันแล้วนี่คะ พี่หม่อนคงอยู่ดึกมาไม่ได้หรอก มันไม่ดี" หล่อนทำหน้ายู่ แย้งความคิดของกันหาทันที
หลายครั้งที่ถูกรบเร้าเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่หล่อนคิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยาก และเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ อีกอย่างงานดูแลคนป่วยก็ไม่จำเป็นต้องสวยเสียด้วย เครื่องสำอางบางตัวไม่ดีต่อสุขภาพและผิวพรรณอีกต่างหาก
"เอาเถอะ...ปีหนึ่งจะมีงานใหญ่ในไร่สักที ไม่ได้ให้แต่งสวยทุกวันเสียหน่อย"
"เสร็จแล้วค่ะ..." ประจวบเหมาะกับเนื้อที่ซ่อมเสร็จพอดี เด็กสาวจึงส่งให้กันหาตรวจดูอีกครั้ง ก่อนทำท่าจะลุกยืนและออกไปรอข้างนอก
"หยุดเลยเนื้อทอง มานี่..."
"พี่หม่อนอ่ะ เนื้อทองไม่ชอบ เนื้อทองจะใส่ชุดนี้" หล่อนเริ่มงอแงเหมือนทุกครั้งที่ถูกขัดใจ ซึ่งไม่บ่อยนักเพราะหญิงสาวมักเป็นคนมีความรับผิดชอบ แต่บางครั้งบางคราวเพราะขาดแม่คอยดูแล และกลับมีกันหามาเอาใจใส่แทน อารมณ์แบบลูกแหง่จึงมีบ้างอยู่ประปราย
"มาเร็ว เดี๋ยวสาย...นี่ก็เกือบทุ่มเข้าไปแล้ว..."
"อื้อ!!...."
"ไม่ต้องเลยเนื้อทองมานี่มา" กันหาไม่ได้สนใจอาการขัดขืนเล็กๆ น้อยๆ นั้น จับเอาเสื้อตัวพาดกับแขนเอาไว้และใช้มืออีกข้างดึงเนื้อทองเข้าห้องแต่งตัวไป จัดการแปลงโฉมนิดๆ หน่อย โดยให้เปลี่ยนชุดที่หล่อนเลือกให้ใหม่ เปลี่ยนทรงผมจากที่ผูกรวบเป็นหางม้าแบบธรรมดาๆ ไว้ด้านหลัง มาถักเปียเล็กๆ สองข้างและม้วนให้เป็นลอนธรรมชาติ ปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง รับกับชุดแซ๊กผ้าชีฟองเข้ารูป ปักแซมด้วยลูกไม้เลื้อยไปตามเนื้อผ้า และชายกระโปรง
จากนั้นก็เสริมเครื่องสำอางให้บนใบหน้าเล็กเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องจัดจ้านมากนัก เพียงเท่านี้...คนแปลงโฉมก็ยิ้มแก้มปริด้วยความพึงพอใจ
"เนื้อทองของพี่สวยมาก..."
"สวยสู้พี่หม่อนไม่ได้หรอกค่ะ" หล่อนยิ้มอายๆ และพูดในความเป็นจริง กันหาในชุดกระโปรงยาวเสื้อแขนตุ๊กตามีสายผูกรัดไขว้ตรงสะเอวทำให้ดูคอดกิ่ว ผมก็ยาวดำขมับ ปล่อยสยายเกือบถึงสะโพก ด้านหน้าซอยสไลม์เป็นระดับๆ ลงมา มองดูแล้วหวานหยดย้อยยิ่งนัก
แม้กันหาจะสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนที่ค่อนไปทางผอมแห้งเนื่องจากมีโรคภัยไข้เจ็บอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้บั่นทอนความงดงามของหญิงสาวได้เลย สำหรับเนื้อทองแล้ว กันหา...คือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก สวย...ทั้งหน้าตา และจิตใจอันงดงาม
"ทุ่มครึ่งแล้ว...เราไปกันเถอะ..."
"ค่ะพี่..." นางซินผู้ถูกนางฟ้าใจดีเสกมนต์เปลี่ยนร่างยืนขึ้นมีท่าทีเคอะเขินเห็นได้ชัด จนกันหาต้องจูงเดินออกไปนอกห้องเสียเอง กลับกลายเป็นว่าคนป่วยต้องดูแลหล่อน หาใช่หล่อน...คอยประกบดูแลคนป่วยไม่
งานที่จัดขึ้นอยู่ห่างกับบ้านไม้หลังใหญ่เพียงไม่กี่เมตร ทั้งคู่จึงสามารถเดินไปได้อย่างสบายๆ โดยกันหาใช้ผ้าพันคอคลุมศีรษะเอาไว้กันน้ำค้าง เหล่าคนงานและชาวบ้านก็ทยอยไปพร้อมๆ กับพวกหล่อนหลายคน มาจากหลายๆ ทิศทาง เดินบ้าง นั่งรถมอเตอร์ไซค์มาบ้าง หรือบางคนก็ยกโขยงกันมากับรถยนต์ ดูแล้วครึกครื้นไม่น้อย
หลายๆ คนทักทายกันหาแต่มิได้เอ่ยปากคุยกับหล่อนไม่ เพียงแค่เมียงมองแปลกใจแล้วก็เดินผ่าน กันหาจึงหัวเราะกระซิก ด้วยรู้ว่าเหล่านั้นจำเนื้อทองไม่ได้นั้นเอง
"ดูสิ...คนคุ้นเคยแท้ๆ พอแปลงโฉมเข้าหน่อยใครๆ ก็จำนางฟ้าของพี่ไม่ได้แล้ว"
"พี่หม่อน...อย่ายอมากสิคะ เนื้อทองอายนะ"
"จ้า จ้า...อยากรู้นักพี่แทนเห็นเข้าจะทำหน้ายังไง"
"ไม่เอาหรอกค่ะ เนื้อทองไม่อยากให้นายเห็น นายดุเนื้อทองแน่ๆ ที่เอาเสื้อผ้าเครื่องใช้ของพี่หม่อนมาใส่"
"พี่แทนเขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก อย่าคิดมากไปเองสิ หืม..."
"ค่ะ..." เด็กสาวยังคงก้มหน้างุด เดินตามกันหาด้อยๆ จนกระทั่งถึงบริเวณของซุ้มจัดงาน เสียงเพลงดังกระหึ่มขึ้น หน้าเวทีมีขาแดนส์หลายคนวาดลีลาแบบไม่มีใครยอมใคร โต๊ะที่ถูกจัดวางมากมายมีกลุ่มหนุ่มสาวจับจองนั่งดื่มกินกันอย่างสุขสำราญ
นายสาวของไร่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ทุกคนที่เห็นหล่อนยกมือไหว้ทักทายอย่างเป็นมิตรชื่นชม ก่อนที่หล่อนและเนื้อทองจะปลีกตัวเดินเข้าไปในซุ้มสำหรับแขกเหรื่อซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่
อัศเวทย์ซึ่งนั่งคุยกลุ่ม อบต ก็รีบลุกมาหาหล่อนทันทีที่เห็น ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างส่งยิ้มให้อย่างเป็นไมตรี
"มาช้าจัง...หม่อนของพี่สวยเหลือเกิน..." สายตาแพรวพรายเป็นประกายชื่นชมยินดีในความงดงามของภรรยา ใครเห็นก็เป็นต้องอิจฉา เพราะมันมีไว้มอง...คนคนเดียวเท่านั้น ก็คือกันหา เมียรักของเขา
และเพราะไม่ได้สาดสายตาแลใครก่อนหน้าชายหนุ่มจึงเพิ่งจะได้สังเกตว่าด้านหลังของกันหามีใครบางคนยืนก้มหน้างุดหมุนไปหมุนมา มือก็จับประสานกันดูแล้วก็ต้องส่ายศีรษะ จะอายอะไรใครกัน...แม่คุณ...
"พาใครมาด้วยเหรอ เนื้อทองล่ะ..." เหตุที่ถามหาเพราะโดยปกติแล้ว เนื้อทองจะต้องทำตัวเป็นฝาแฝดกับภรรยาของเขาอยู่ตลอดนั่นเอง ยิ่งคืนนี้ด้วยแล้วเด็กสาวต้องมีหน้าที่ดูแลคนป่วยให้ดีเป็นพิเศษ ไม่ควรปล่อยให้มากับใครก็ไม่รู้เช่นที่เห็น สีหน้าคมกร้านตึงเครียดขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงลูกน้องวัยละอ่อนซึ่งละเลยหน้าที่
กันหายิ้มกึ่งหัวเราะ แล้วก็หันไปจับมือเนื้อทองให้เดินมายืนข้างๆ ตน
"พี่แทนดูสิคะ...ว่านี่ใคร..."
"..." อัศเวทย์ชะงักงัน...แปลกตาที่ได้เห็นสาวน้อยหน้าหวานคนหนึ่งมีแววตาตื่นตระหนกไร้ซึ่งความมั่นใจ ค่อยๆ ยกมือไหว้เขา
"เนื้อทอง..."
"ใช่แล้วค่ะ นี่ไงเนื้อทอง สวยใช่ไหมล่ะคะ เนื้อทองเป็นสาวแล้วพี่แทนคงไม่เคยสังเกต"
ใช่... เพราะเขามักมองหล่อนเป็นเด็กเมื่อวานซืน ที่มักทำอะไรขัดหูขัดตาเขาอยู่เรื่อย คงเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเขาจึงไม่ทันสังเกตว่าบัดนี้...เนื้อทองโตขึ้นมาแล้วจริงๆ
ไม่ใช่เด็กน้อยผมเปียขี้แยอีกต่อไป...
"มาไหว้กำนันกับปลัดก่อนเถอะ...เดี๋ยวพี่จะไปหาอะไรให้กินนะ"
"ค่ะ..." กันหายังมิวายจูงมือสาวน้อยของหล่อนตามติดไปด้วย ซึ่งอัศเวทย์ไม่เคยบ่นเรื่องนี้ เพราะเขาก็ต้องการให้เนื้อทองดูแลใกล้ชิดภรรยาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
เมื่อทักทายผู้หลักผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการแล้ว กันหาและเนื้อทองก็หาที่นั่งเหมาะๆ ชมการแสดงบนเวที สักพักเมื่อเหล่าแขกผู้มีเกียรติกลับไปแล้ว อัศเวทย์ก็มาคอยดูแลด้วยอีกที
"พี่แทนไม่ดื่มเหล้าเหรอคะ..." กันหาเอ่ยปากถามในขณะที่เธอและเนื้อทองมีเพียงน้ำผลไม้และขนมนิดๆ หน่อยๆ นั่งกินเพลินๆ
"ทำไมเหรอ หืม..."
"งานประจำปีทั้งที หม่อนอยากให้พี่แทนได้ผ่อนคลายบ้างค่ะ เครียดมาเป็นปีๆ เจ้านายก็ต้องการฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายด้วยเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่แค่ลูกน้อง"
"พี่ดื่มมาแล้วนิดๆ หน่อยๆ กับกำนันแล้วก็ท่านปลัดน่ะ"
"อ่อค่ะ..."
"หม่อนเหนื่อยไหม...อยากกลับไปพักหรือยัง" ชายหนุ่มจับมือภรรยาสาว ลูบไล้เบาๆ ด้วยความอ่อนโยน
"ยังค่ะ คงนั่งฟังเพลงอีกสักพัก พี่แทนไม่ต้องห่วงหม่อนหรอกค่ะ ไปสนุกกับพวกคนงานเถอะ"
"ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่แหละดีแล้ว..."
ทั้งคู่พูดคุยกันราวมีกันอยู่เพียงสองคน เหตุการณ์แบบนี้เนื้อทองค่อนข้างชินเสียแล้ว หล่อนรู้สึกโหวงเหวงชอบกลเช่นกัน อาจเพราะอยู่ในช่วงวัยที่อยากจะเรียนรู้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่ไม่เคยได้เปิดโอกาสให้กับตัวเองเลย
"พี่แทนดูนี่สิคะ..." จู่ๆ กันหาก็ยกขวดโหลใบหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะ พร้อมแก้วเรียบร้อย อัศเดชย์ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามหล่อน
"นี่เมียพี่พกยาดองด้วยแล้วรึ...เห็นหน้าสวยๆ นึกว่าชอบจิบไวน์ที่ไหนได้..."
"พี่แทนบ้า! นี่ไร่ฝั่งโน้นเขาฝากพี่ยะมาให้ค่ะ หม่อนก็บอกพี่ยะให้เอามาให้พี่แทน แกลืมซะงั้นเพิ่งจะเอามาให้หม่อนเมื่อกี้เองค่ะ ตอนที่พี่แทนคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ เห็นว่าดองสมุนไพรร้อยแปด สรรพคุณนี้เกินเทพเชียว" พูดพลางกันหาก็หัวเราะเบาๆ กึ่งขำกึ่งเย้าผู้เป็นสามี
"งั้นหม่อนก็ดื่มเป็นเพื่อนพี่สิ...หืม..."
"ถ้าหม่อนดื่มได้คงไม่เหลือถึงพี่แทนหรอกค่ะ" หล่อนยังหัวร่อต่อกระซิก ไม่ทันมองว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องเนื้อทองซึ่งนั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จาอย่างมีเลศนัย
"เนื้อทอง!"
"คะ!! นาย คือนายมีอะไรจะใช้เนื้อทองเหรอคะ" เด็กสาวเลิ่กลั่กรีบเงยหน้าขึ้นมาตอบ กะพริบตาถี่ๆ จนน่าขัน
"เอานี่หน่อยไหม..." เขาชูขวดโหลบรรจุแอลกอฮอล์ที่รสเผ็ดเข้มข้นกว่าเหล้าเพียวๆ ด้วยซ้ำไป เนื้อทองเห็นเช่นนั้นก็เบ้หน้า กลืนน้ำลายเหนียวลงคอฝืนๆ ทันที หล่อนคงตายแน่...ถ้าต้องดื่มมันเข้าไปแม้เพียงสักหยดเดียว เพราะตั้งแต่เกิดมาของพรรค์นี้ไม่เคยแตะต้องเลยด้วยซ้ำไป
"ไม่เอาค่ะ เนื้อทองไม่เคยดื่ม...มันเหม็น..."
"เอาหน่อยน่า...นิดเดียวเอง ไม่ถึงตายหรอก ไหนบอกโตเป็นสาวแล้วของพวกนี้ก็ต้องหัดเอาไว้บ้าง เวลาออกสังคมไปกับเพื่อนกับฝูงได้ทันเขา" ว่าแล้วชายหนุ่มก็โบกมือเรียกคนงานให้นำแก้วเหล้ามาให้ เขารินน้ำสีน้ำตาลเข้มใส่แก้วใบเล็กนั้นและส่งยื่นให้เนื้อทองอย่างไม่รีรอ
"เอาสิ..."
"..." หล่อนหันไปมองกันหาเผื่อจะพอเป็นที่พึ่งได้บ้าง
"เอาเถอะจ้ะ นิดเดียวนานทีพี่แทนจะใจดีกับเนื้อทองแบบนี้นะ" คนนั่งข้างที่คอยลุ้นอดที่จะแขวะสามีไม่ได้ คงตั้งใจจะแกล้งเด็กสาวนั่นแหละ ส่วนจุดประสงค์อื่นหล่อนแทบจะมองไม่เห็น
อัศเวทย์จับแก้วเหล้ายัดใส่มือเล็กโดยไม่ลังเลเมื่อเห็นเจ้าหล่อนยังไม่ยอมยินดีไปกับคำเชิญของเขา ในที่สุดเนื้อทองก็ต้องจำใจยกน้ำสีเข้มนั้นเข้าปากดื่มมันเข้าไปอย่างฝืนๆ
"แค่กๆๆๆ" สิ่งแรกที่รู้สึกเมื่อกระดกจนหมดแก้ว คือความร้อนของน้ำค่อยๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของหล่อนเป็นทางจนรับรู้ได้ชัดเจน จากนั้นก็แสบร้อนในลำคอพะอืดพะอมพิกล กลิ่นเหล้าฉุนขึ้นจมูกจนเหม็นเ**ยน...
"เนื้อทอง! เป็นยังไงบ้าง พี่แทนพอแล้วค่ะ..."
"พี่ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่ให้ลองจิบ เอาล่ะ...ถ้าแค่นี้จะเป็นจะตายก็กลับไปนอนกินนมซะ อย่างมาวุ่นวายในงานให้รกตาพี่เลย" อัศเวทย์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อฝ่ายภรรยามีท่าทีตำหนิเขา กับเนื้อทองแล้วกันหามันจะเข้าข้างถือหางเสียจนเคยตัว
"พี่แทนร้ายกาจที่สุด"
"เอาล่ะ...พี่พาไปดื่มกับคนงานฝั่งโน้นดีกว่า หม่อนอยากกลับบ้านหรือยังพี่จะได้ไปส่งก่อนแล้วค่อยกลับมา หืม"
"เดี๋ยวหม่อนนั่งสักพักดีกว่าค่ะ ให้เนื้อทองได้ตากลมสักหน่อยคงดีขึ้น เรากลับกันเองได้พี่แทนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คนของเราเยอะแยะเต็มไปหมด"
"ก็ได้...ถ้ายังไงก็เรียกใครไปเรียกตามพี่ได้นะ"
"พี่แทนไปเถอะ...หม่อนขอให้พี่แทนมีความสุขนะคะ" หล่อนยิ้มเศร้า...จนอีกฝ่ายสะกิดใจ แต่ก็ไม่ได้นึกคาดการณ์ยืดยาว ชายหนุ่มหอมแก้มขาวหอมกรุ่นนั้นด้วยความรักใช้สัมผัสแทนคำพูดเป็นหมื่นเป็นแสน ก่อนจะกอดขวดโหลเดินจากไปยังกลุ่มคนงานที่คุ้นเคย
"เนื้อทอง...เป็นยังไงบ้างจ้ะ ไหวไหม..."
"จะ...อ๊วกค่ะพี่...เหม็น แล้วก็ร้อนด้วย" ฤทธิ์สุราแล่นพล่านไปตามกระแสเลือด ทำให้เด็กสาวรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด หัวใจสั่นระทุก แต่ผิวเนื้อเย็นเฉียบชื้นเหงื่อ
"ถ้างั้นกลับบ้านกันเถอะ เดินได้หรือเปล่า มา...พี่ช่วย"
"เนื้อทองไหวค่ะ แต่พี่หม่อนอย่าเดินเร็วนะคะ เวียนหัวจังเลย"
กันหาประคองร่างเล็กสะโอดสะองค่อยๆ พากันเดินกลับไปยังเส้นทางเดิม ปริมาณของยาดองที่เนื้อทองดื่มเข้าไปนั้นไม่ได้มากมาย แต่เป็นเพราะหล่อนไม่เคยแตะต้องของมึนเมาจึงทำให้มันทำปฏิกิริยากับหล่อนได้ง่ายขึ้น สิ่งเดียวที่อยากทำตอนนี้ก็คือนอนให้เร็วที่สุด กลิ่นฉุนๆ บาดจมูกนั้นยังคงสำแดงเดชไม่เจือจางทุกครั้งที่หายใจ รู้สึกทรมานเหลือเกินจริงๆ
เพียงเล็กน้อยยังเป็นขนาดนี้...แล้วถ้าเป็นคนที่ดื่มเก่งๆ เวลาเมามันจะมากมายขนาดไหน เคยเห็นเคยรับรู้ว่าถึงขั้นเสียชีวิตเสียผู้เสียคนไปเลยก็มี
แต่ทำไมน้ำเมา...ถึงได้ยังเป็นที่นิยมชมชอบกันนัก