หลังจากแต่งงานพาขวัญได้เข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยรองประธาน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณากรสามีของหญิงสาวนั่นเอง ซึ่งพาขวัญสามารถทำหน้าที่แบ่งเบาภาระงานของคุณากรได้มากทีเดียว แม้บางครั้งความคิดเห็นของทั้งคู่จะไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ก็ตาม
“บ่ายโมงตรงลูกค้าจะเข้ามาพบผม รบกวนคุณพาขวัญช่วยต้อนรับด้วยนะครับ” น้ำเสียงทุ้มน่าฟัง ดังขึ้นภายในห้องประชุม เอ่ยบอกหญิงสาวที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรองประธานบริษัท ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของตัวเองให้ทราบ
“ได้ค่ะ ไม่ทราบว่าลูกค้าที่ว่าชื่ออะไรคะ” ผู้ช่วยทำงานอย่างเต็มความสามารถ เวลางานคืองาน พาขวัญเต็มที่เสมอ หากนอกเหนือเวลางานเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกเรื่อง
“คุณพลอยชมพู ลูกสาวของคุณประดับมุข” ชื่อที่คุณากรเอ่ยออกมา พาให้หนังตาของพาขวัญกระตุกตึกๆ หรี่สายตามองหน้าเจ้าของประโยคที่ยกยิ้มมุมปากมาให้ จนเธออยากจะลุกจากเก้าอี้พุ่งเข้าไปตบปากนั้นสักที
“คุณพลอยชมพูจะเข้ามาดูสถานที่งานแสดงเครื่องเพชร งานนี้ผมอยากให้คุณพาขวัญดูแลเธอเป็นพิเศษ เพราะว่าเธอและครอบครัวของผมรู้จักคุ้นเคยกันมานาน และครอบครัวของคุณพลอยชมพูก็มาใช้บริการโรงแรมของเราทุกปีในการจัดงาน” พาขวัญจิกขาตัวเองแน่น เพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา แสร้งยิ้มหวานให้สามีที่นั่งอยู่ข้างกัน
“ได้สิคะ ดิฉันจะดูแลแขกของคุณคินน์เป็นอย่างดีเลยค่ะ” ใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าสายตากลับแข็งกระด้าง จิกคุณากรตาแข็งกระด้าง อย่างกับจะใช้สายตาเป็นมีดเฉือนชายหนุ่มให้ขาดเป็นชิ้นๆ โดยที่คุณากรไม่ได้สะทกสะท้านต่อสายตาของภรรยาแม้แต่น้อย ส่งยิ้มให้พาขวัญเช่นกัน
ยิ้มเยาะเย้ย ของคนชนะ
เพล้ง!!
“แอ้ม! คุณทำอะไรของคุณกัน กี่ใบแล้วที่แก้วกาแฟผมแตกเพราะคุณ” เมื่อเข้ามาในห้องทำงาน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกครั้งที่พาขวัญถูกคุณากรแกล้ง ก็คือแก้วกาแฟที่ลอยละลิ่วลงสู่พื้นห้อง
“จะกี่ร้อยกี่ใบมันก็ไม่ใช่เงินแอ้ม แอ้มทำแตกคุณมีหน้าที่ซื้อมาใหม่ก็แค่นั้น แล้วก็อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจ คุณตั้งใจให้แอ้มรับงานนี้เพราะต้องการเอาคืนแอ้มใช่ไหม” ร่างบอบบางอรชร มีส่วนโค้งส่วนเว้า เดินเข้าหาคนที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างเอาเรื่อง นิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้าคุณากร จนชายหนุ่มต้องจับนิ้วนั้นไว้
“อย่ามาชี้หน้าผมแอ้ม คุณก็รู้ว่ผมไม่ชอบ ส่วนเรื่องที่ผมให้คุณต้อนรับน้องพลอยชมพู ก็ตามนั้น” ไหวไหล่ใส่อย่างกวนประสาทคนที่ยืนหน้าดำหน้าแดงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ตรงหน้า
จะว่าตัวเองโรคจิตก็คงใช่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เวลาเห็นพาขวัญโมโหเขารู้สึกว่าตัวเองคือผู้ชนะอย่างภาคภูมิใจ ที่สามารถรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่นมและสะโพกไม่เล็กคนนี้ได้
“คุณ คุณนี่มัน...กรี๊ด...อือ...” เสียงแหลมที่ร้องกรี๊ดได้แค่แอะเดียวก็หายกลับเข้าไปในลำคอ เมื่อถูกมือหนาตะปบริมฝีปากไว้
เพราะกลัวเสียงพาขวัญจะเล็ดลอดออกไปให้พนักงานที่อยู่ชั้นนี้แตกตื่นไปกันใหญ่ แต่หญิงสาวกลับจับมือคุณากรดึงออกจากปาก เปลี่ยนมาอ้าปากงับลงบนมือนั้นเต็มแรง
“โอ๊ยๆๆ ยัยบ้า!! เป็นหมาหรือไงนะ ทำไมชอบกัดจังวะ” คุณากรจับศีรษะเล็กผลักออกห่าง ดึงมือตัวเองออกจากปากของหญิงสาว สลัดมือที่เปื้อนด้วยน้ำลายทิ้งอย่างนึกรังเกียจ
“เป็นบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ นี่ผมต้องไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าไหมเนี่ย” คนถูกกล่าวหาว่าเป็นสุนัขถึงสองรอบตวัดสายตามองคนปากเสียตาขวาง
“ถ้ายังพูดไม่เข้าหูอีกล่ะก็ แอ้มจะกระโดดกัดคอคุณจริงๆ ด้วย แล้วก็ล้มเลิกความคิดที่จะให้แอ้มไปต้อนรับยัยพลอยชมพูแอ๊บแอ้ของคุณซะ เพราะแอ้มไม่ทำ” ใครจะทำกัน ในเมื่อยัยพลอยชมพูที่ว่าคือผู้หญิงในอุดมคติของคุณากร
ผู้หญิงเรียบร้อย สดใส น่ารัก พูดคะ พูดขา ที่คุณากรเอ่ยปากบอกเธอว่านี่แหละ ผู้หญิงที่ชายหนุ่มอยากได้มาเป็นภรรยา อยากได้มาเป็นแม่ของลูกในอนาคต แล้วแบบนี้เธอควรไปต้อนรับอยู่หรือไง แม้จะเป็นเรื่องงานก็เถอะ แต่ขอเว้นยัยนี่ไว้คนแล้วกัน
“คุณไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้นพาขวัญ เพราะผมคือเจ้านาย คุณคือลูกน้อง คุณมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของเจ้านาย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็...เชิญ” คุณากรยิ้มหยัน ผายมือเชิญหญิงสาวอย่างเย้ยๆ
พาขวัญหรี่สายตามอง เรียวปากอิ่มแย้มยิ้มมุมปาก ขยับตัวเดินเข้ามาใกล้จนชายหนุ่มต้องขยับเท้าถอยออกไปอย่างระแวดระวัง ผู้หญิงคนนี้สารพัดพิษจนเขาไม่สามารถไว้ใจเธอได้ แม้เธอจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายและกฏหมู่ก็ตาม
“คิดดีๆ นะคะคินณ์ ว่าคุณอยากให้แอ้มไปต้อนรับผู้หญิงแกล้งใสซื่อ เพื่อหลอกผู้ชายโง่ๆ อย่างคุณไปทำสามีคนนั้นไหม แต่ถ้าคุณอยากลองก็ได้ แอ้มพร้อม” คราวนี้เป็นพาขวัญบ้างที่ยิ้มหยัน สะบัดหน้าเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มไป พร้อมกับเสียงของคุณากรที่ร้องด่าตามหลังไป
“ยัยปีศาจ”