ภายในที่ทั้งคู่ถูกหินผลักเข้ามา ล้วนมีแต่ความมืดมิด ราวถูกดึงดูดเข้าสู่ห้วงรัตติกาลอันไร้ขอบเขต
“ ชู่ ว ว ว …ห้ามส่งเสียงเชียว ! ”….เด็กสาวกล่าวเสียงแผ่วเบาที่ข้างหูมัน
" ไม่ให้ส่งเสียงแล้วเจ้าส่งเสียงทำไม ? " หลิวหงเหินถามยียวนทั้งที่ยังรั้งร่างนางไว้แนบอก
" เจ้าสมควรเป็นคนโฉดอันดับหนึ่งโดยแท้ ขนาดส่งเสียงห้ามเจ้ายังต่อปากต่คำอีก ! "
เสียงนางเง้างอนน่าเอ็นดูยิ่ง จนหลิวหงเหินอยากต่อปากต่อคำกับนางอีกสักหลายประโยค ทว่ามันกลับต้องเงียบงันไว้ เพราะมีเสียง กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก...คล้ายโลหะกระทบอยู่ในความมืด
ผสานเข้ากับเสียงระเบิดตูม ตาม ที่อยู่หลังผนังหิน หลิวหงเหินจึงเข้าใจได้ไม่ยากว่า เทพอสรพิษกำลังส่งพลังปราณทำลายล้างประตูหินที่ขวางทางเข้าอยู่
" เป็นผู้ใดลุกล้ำเข้าพื้นที่ข้า ไม่คิดมีชีวิตสืบต่อแล้วหรือไร ? " มีเสียงแหบพร่าก้องกระจายในความมืด สะกดให้หลิวหงเหินตื่นตระหนกเหลือกตามองหา
แต่เด็กสาวที่ข้างกายส่งเสียงปรามดัง ชูว ว ว มันจึงเงียบนิ่ง แล้วอิงผนังผ่อนลมหายใจแผ่วเบา
" นั้นเจ้าหรือ'เฝิงหวง' เป็นเจ้าใช่หรือไม่ ? " เสียงในความมืดกระจัดกระจายรอบทิศทาง บ่งบอกว่าผู้กล่าวคำมีกำลังภายในลึกล้ำนัก
เสียดายที่เสียงตอบรับกลับเป็นแรงกระเพื่อมสั่นบนผนังหิน ซ้ำร้ายยังมีหินก้อนใหญ่ระเบิดกระเด็นออกมาเป็นโพรง ทำให้แสงสว่างสาดส่องสู่ภายใน จึงพอมองเห็นความเป็นไปภายในขึ้นมารำไร.....
ที่ติดกับผนังหินทางขวามือ มีรูปเงาคล้ายมนุษย์ร่างกายทรุดโทรม เรือนผมมันยางรุงรังลงปรกหน้าอก หนวดเครายาวเฟื้อยมาถึงหน้าท้อง ซ้ำร้ายที่เอวมันยังมีโซ่เส้นใหญ่ร้อยรัดรอบตัว แล้วลากสายยืดยาวไปติดกับผนังหินอันแข็งกระด้าง
" เป็นเดรัจฉานตนใดกล้ามารังแกเฝิงหวงของข้า " เสียงมันตวาดก้องไปพร้อมกับประตูหินพลันระเบิดพังทลาย เศษซากหินกระเด็นกระดอนเกลื่อนกลาดไป...
โดยมีเทพอสรพิษยืนตัวสั่นเทาอยู่หน้าช่องทาง ซึ่งมีแสงสว่างฉายวาบอาบไล้ร่างเข้ามา
หลิวหงเหินมองมันด้วยความแปลกประหลาดตานัก เพราะดูร่างกายมันเจริญวัยกลายเป็นคนอายุสามสิบกว่า ที่มีหน้าตายับย่นผิดจากเดิมไป
" เป็นเจ้าเองรึ !...ตัวเดรัจฉานบัดซบ !" ชายพิการตวาดไปพร้อมกับท่อนเหล็กในมือมันที่ชี้ตรงเข้าใส่เทพอสรพิษ
ทันทีนั้นที่ปลายไม้เท้าเหล็กได้เกิดกระแสลมปราณ พุ่งทะลวงเป็นสายพลังไร้รูปฝ่าอากาศเข้ากรีดเฉือนผนังหินเป็นทางยาว
เช่นเดียวกับเทพอสรพิษที่ตอบโต้กลับด้วยพลังพิษพิสุทธิ ที่ปล่อยออกจากสองดัชนี พร้อมเพรียงกับมันพลิ้วกายหลบเลี่ยงเข้าสู่ภายใน
พลังดัชนีของมันถูกสลายไปด้วยไม้เท้าอีกข้าง ก่อนชายผู้ถูกล่ามโซ่จะกระโจนขึ้นยืน โดยใช้สองไม้เท้าต่างขาอันห้อยลากพื้น
ที่แท้มันเป็นชายพิการทุพลภาพ ซ้ำดวงตาทั้งสองข้างมันยังบอดสนิท ดูไปน่าอเนจอนาถคลับคล้ายปีศาจร้ายมากกว่าเป็นผู้เป็นคน
" ที่เจ้าใช่ออกเป็นดัชนีพิษพิสุธิ์ หรือเจ้าเป็นศิษย์ปีศาจอสรพิษตนนั้น ! " มันกู่ร้องด้วยเสียงแหบพร่า โดยสองแขนมันยังถ่ายเถลมปราณไม่หยุดยั้ง
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...บังอาจเรียกผู้อื่นเป็นปีศาจ ช่างไม่ดูสารรูปตัวเองเลย ! "
โดยไม่ทันที่มันจะสิ้นคำกล่าวกร้าว สองไม้เท้าพลันสะบัดกวัดแกว่งฝ่าอากาศ เกิดเป็นกระแสพลัง7-8ระลอก กระหน่ำเข้าหาเทพอสรพิษอย่างดุดัน
เทพอสรพืษขยับหลบเลี่ยง พร้อมใช้สองดัชนีคลี่คล้ายพลัง ก่อนมันจะพลิ้วตัวโผผินลงไปยืนอยู่หน้าช่องทางที่เพิ่งพังทลายไป
" ที่แท้เจ้าคือเทพกระบี่มรณะ ' ซ้งเซียง ' ปรมาจารย์ผู้สร้างเพลง 'กระบี่พรากนภา 'อันลือเลื่อง... คืดไม่ถึงจะมีสภาพไม่เหมือนคนไม่เหมือนผีเช่นนี้ "
คำพูดมันทำเอาชายพิการตัวสั่นเทา ปากได้แต่บนพึมพำว่า " เทพกระบี่มรณะ เทพกระบี่มรณะ...." คลับคล้ายหลงลืมตนไปเนินนานแล้ว
ไม่ว่าผู้ใดย่อมไม่เชื่อสายตาเป็นแน่ ว่าชายพิการผู้อยู่เบื้องหน้าจะเป็นปรมาจารย์เพลงกระบี่แห่งยุค...
...... หลิวหงเหินมองดูมันโดยมีคำถามมากล้นเกลื่อนกลาดหัว
แต่แล้วมันต้องหยุดจ้องมองกระทันหัน เมื่อเด็กสาวเอื้อมมือมาสัมผัสแขนมัน พร้อมพูดแผ่วเบาที่ข้างหู
" ได้โอกาสหลบหนีแล้ว !"...
นางกล่าวรวบรัดพลางขยับกายนำหน้า ทว่ากลับต้องหยุดชะงัก เมื่อเทพอสรพิษสะบัดดัชนีปล่อยลมปราณเข้าใส่
" พวกเจ้าห้ามไปไหน ! ต้องนำทางข้าไปหาศิษย์ชั่วช้าเสียก่อน ! " มันร้องก้อง ก่อนจะกระโดดเข้าหาคนทั้งคู่
" ผู้ใดก็ห้ามแตะต้องเฝิงหวง ! " ชายพิการร้องปรามไปกับไม้เท้าเหล็กสะบัดปลดปล่อยพลัง
เทพอสรพิษพลิกตัวหลบ พร้อมแใช้พลังวัตรโต้ตอบกลับ
สองพลังปราณกรีดตวัดบาดเฉื่อนกันกลางอากาศ ส่งแรงสะท้านกร้าวไปทั่วห้อง
" ผูใดเป็นเฝิงหวงของเจ้ากัน นางเป็นเพียงเด็กสาวแรกรุ่นเท่านั้น "...เทพอสรพิษร้องบอก ทั้งที่ยังร่ายไหวกระบวนท่า ปลดปล่อยพลังปราณไม่หยุดยั่ง
" เจ้าอย่าได้คิดหลอกลวงผู้คน กลิ่นนางหอมฟุ้งกระจายเช่นนี้ จะไม่ใช้เฝิงหวงได้อย่างไร ? "
ชายพิการตวาดตอบ โดยใช้ไม้เท้าข้างเดียวกวัดแกว่งปล่อยพลังปราณ ไม้เท้าอีกข้างยันพื้นต่างขาพาตัวโยกไหวไปมา
" เจ้ากลับกลายเป็นปีศาจโง่งมไปแล้วรึ ซ้งเซียง " เสียงมันลอยวนอยู่เบื้องบน ตามร่างกายที่ลอยตัววิ่งไต่ผนังหินไปไม่หยุด พร้อมกับส่งพลังปราณโจมตีตรงมายังชายพิการ อย่างไม่ปราณีปราศัย
" ผืดท่าแล้ว !...เทพกระบี่มรณะเสียเปรียบอยู่มืใช่น้อย มันอยู่แต่กับที่อย่างนั้น ไม่อาจต้านรับพลังโจมตีจากเบื้องบนได้นานนัก " หลิวหงเหินร้องโพรงหลังชมดูเพียงครู่
" เสียเปรียบอีกไม่นานหรอก เจ้าคนโฉด ! "
เด็กสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน ก่อนล่วงมือเข้าไปในสายรัดเอว หยิบเอากุญแจเหล็กสีดำมะเมื่อมออกมา แล้วนางจึงปล่อยกุญแจพุ่งไปในอากาศ พร้อมทั้งกวัดแกว่งขลุ่ยถ่ายทอดลมปราณม้วนหมุนให้กุญแจหยุดนิ่ง จากนั้นจึงบังคับให้มันพุ่งตรงไปยังแม่กุญแจที่คล้องโซ่ อันรอยรัดร่างชายพิการอยู่
นางเพียงควงขลุ่ยวูบเดียว กุญแจพลันไขปลดคลายล๊อก จนโซ่ตรวนหลุดออกกระแทกพื้นดัง โค๊ง เคร๊ง โค๊ง เคร๊ง....
เสียงโซ่ตรวนผสานไปกับเสียงหัวเราะกึกก้องของชายพิการ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า...เฝิงหวงเจ้าปลดปล่อยข้าพเจ้าแล้ว เจ้าอภัยให้ข้าแล้ว ! ".. มันกู่ร้องสะท้านสะเทือนไปทั่วโถงหิน พร้อมทั้งโผผินร่างท่องทะยานขึ้นเบื้องบน
มันใช่ไม้เท้าเหล็กต่างเท้าแตะผ่านผนังหินส่งแรง ให้ร่างท่องพลิ้วไปราวสายลมโชย ... พร้อมเพรียงกับสะบัดร่ายรำไม้เท้าคู่ เป็นยอดวิชาพรากนถาอันสลับซับซ้อน ร้อยวนรังษีกระบี่หลายสิบสายดั่งห่วงคมไร้สภาพ แผ่ขยายเป็นวงรอบทิศทาง...
หลิวหงเหินชมมองจนเคลิบเคลิ้มละลานตา แก่นแท้แห่งเพลงกระบี่พรากนภาอัศจรรย์พันลึกถึงเพียงนี้....แม้แต่จูเง็กจือที่ใช้กระบี่ออกได้หมดจรด ยังเทียบไม่ได้กับปรมาจารย์ผู้คิดค้นวิชา
ถึงกระนั้น ในใต้หล้าหาได้มียอดวิชาใดไร้คู่เปรียบ
พลังพิษพิสุทธิ์ที่เทพอสรพิษใช้ออก สามารถต้านรับรังษีกระบี่ได้ทุกกระบวนท่า ซ้ำยังถ่ายเทลมปราณบังคับเศษหินข้างตัวเข้าใส่ชายพิการอีกแรง
ทั้งคู่สัปยุทธกันกลางอากาศ เคลื่อนที่ราวสองวิหคโผผินบินร่อนร่าง ส่งกระพือแรงลมมหาศาล จนฝุ่นผงตลบอบอวลไปทั้งโถงหิน...
โดยไม่มีใครคิดฝัน พลันปรากฏเงาร่างทะมึนพวยพุ่งมาจากช่องประตู ดิ่งตรงเข้าที่ด้านหลังเทพอสรพิษอย่างดุดัน
พลันนั้นไม้เท้าหัวมรกตวาววับตรงเข้ากระแทกแผ่นหลังมันเต็มแรง จนร่างเทพอสรพิษล่วงลงจากกลางอากาศ ตกกระทบพื้นหินดังสนั่น
เทพอสรพิษเกลือกกลิ้งไปกับพื้น รู้สึกถึงพลังอึดอัดแผ่กระจายไปทั่วร่าง จนมันสำรักเลือดออกมาอึกใหญ่ สายตาเดือดดาลจับจ้องมองผู้ทำร้ายมันไม่วางตา
" เป็นเจ้าเอง !...เจ้าศิษย์ชั่ว !..." มันกู่ร้องคับแค้น ขณะยันตัวขึ้นยืน...
ผู้มาคือเซียนโอสถ ที่กำลังล่อนร่างลงไปหยัดยืน ในมือมีไม้เท้าหัวมรกต อันเปล่งประกายเรืองรองอาบไล้ใบหน้ามัน ราวภูตผีจากนรกภูมิ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ใช้มั้ยท่านอาจารย์ ? "...มันหัวร่อชั่วร้าย พลางหรี่ตามองอาจารย์ตนด้วยความชิงชัง
พร้อมกับที่ชายพิการล่อนร่างลงมาใช่ไม้เท้าเหล็กค้ำยืนเคึยงข้างเซียนโอสถ
" เจ้า !....ใช่เซียนโอสถหรือไม่ ? "...ชายพิการถามแหบแห้ง โดยมันทำจมูกฟุตฟิต คล้ายพยายามสูดดมกลิ่น
" เป็นข้าพเจ้าเอง ท่านซ้งเซียง " มันตอบคำเยียบเย็น ทั้งที่ยังจับจ้องมองอาจารย์ตาไม่กระพริบ โดยมือยังควงไม้เท้าหัวมรกต คิดกระหน่ำจู่โจมตามต่อ
" เดรัจฉานตนนี้ คิดทำร้ายเฝิงหวงรึ ? "...ชายพิการถามดุดัน พลางเอียงคอเงี่ยหูฟัง
" ถูกต้องแล้ว !....ท่านมาร่วมมือกับข้าพเจ้ากำจัดมันเถิด ! "...เซียนโอสถกล่าวเหี้ยมเกรียม พร้อมๆกับพวยพุ่งลมปราณผ่านไม้เท้า จนมรกตบนยอดไม้สว่างเจิดจ้า
ไล่เลี่ยกับชายพิการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน รู้สึกโกรธแค้นชายที่ไม่เคยพบหน้าขึ้นมาทันใด
" เจ้าศิษย์ชั่วช้า คิดใช้พวกมากกลุ้มรุมข้าอย่างนั้นรึ ! "...
" จะกำจัดมารร้าย ใยต้องใช้วิธีขาวสะอาดด้วยเล่า !"...ไม่ทันสิ้นวาจา ไม้เท้าหัวมรกตพลันเปิดกระบวนท่าจู่โจม
ผสานกับสองไม้เท้าเหล็กของชายพิการ ที่พวยพุ่งพลังวัตรติดตามเป็นสาย ก่อกำเนิดเป็นสามพลังแกร่งกล้าอันเหี้ยมอำหิต มุ่งหมายทำลายชีวิตผู้คนโดยไร้การรอมชอม
ทว่าเทพอสรพิษพลันสะบัดดัชนีตีโต้ไปด้วยความฉับไว แต่อาการปั่นป่วนภายในทำให้มันได้แต่เบี่ยงเบนพลังและล่าถอย เคลื่อนคล้อยหลบเลี่ยงไปรอบๆ
...ถึงเวลานี้หลิวหงเหินกระจ่างชัดแล้ว ว่ามันถูกเซียนโอสถหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ให้ชักพาเทพอสรพิษมาถึงจุดอับจนเพียงนี้....
' ใช้วิธีชั่วร้ายกำจัดมาร นับเป็นวิญญูชนอันใดได้ ?....หรือที่พวกมันกระทำเป็นการสร้างมารร้ายให้เพิ่มขึ้นกันแน่ ?....'
หลิวหงเหินเริ่มสับสนกับธาตุแท้คน แต่แล้วมันจำต้องสลัดทิ้งความคับข้องใจไป เมื่อเด็กสาวข้างกายเสถลาร่างเข้าผิงผนัง
" รีบพาข้าไปหามารดาเถิด ข้ารู้สึกไม่ดีงามเลย ! ".. นางกล่าวด้วยสีหน้าซีดเซียว อุ้งมือบนไหล่ชายหนุ่มเย็นเฉียบ
" ต้องไปทางใดถึงจะพบมารดาเจ้าได้เล่า ? "...มันกล่าวรนรานขณะช่วยพยุงเด็กสาวไม่ให้ล้มพับ
" ตบที่แผ่นหินกลมๆทางนู้นสามครั้ง "...นางชี้ตรงไปที่ผนังหินด้านตรงข้ามกับที่ซึ่งเคยพันธนาการชายพิการ
ทันทีนั้น หลิวหงเหินพลันประคองร่างนางเผ่นโผน หลบเลี่ยงกระแสปราณอันบาดเฉื่อนเกลื่อนอากาศ ขยับซ้าย ป่ายขวา ทอดท่าร่างไปจนถึงหน้าแผ่นหินกลมทื่นางบอก
พอมันตบแผ่นหินกลมนั้นเต็มแรงสามครา พื้นที่ทั้งคู่ยืนหยัดพลันเลื่อนเปิดเกิดเป็นช่องกว้าง ทำให้ทั้งคู่วูบตกไปทันทีทันใด...
ร่างกายทั้งสองล่วงดิ่งกลางอากาศเพียงอึดใจ ก็พลันตกกระทบเข้ากับธารน้ำฉ่ำแฉะ อันไหลระลอกเป็นสายไปตามทางแคบ พลักส่งให้ทั้งคู่ไถลไปตามกระแสน้ำโดยไม่ต้องเปลื่องเรี่ยวแรง...
โว้ ว ว ว ว ! ......
เด็กสาวตะโกนร้องสุดสุขสันต์ คล้ายหลงลืมอาการเจ็บป่วยไปสิ้น นางกู่ร้องเริงร่าจนหลิวหงเหินอดยิ้มตามไปไม่ได้
...กระทั่งทั้งคู่ล่วงหลุดออกจากทางน้ำไหล โผล่ออกพ้นช่องโพรง แล้วทิ้งตัวลงไปยังหนองน้ำเล็กๆเต็มแรง
โ ค ร ม ม ม ม....
เสียงกระแทกน้ำดังสนั่น เลื่อนลั่นมาพร้อมเสียงเด็กสาวที่ยังสดใสอยู่ในสายน้ำ
" โห้ !...สนุกมั้ยเจ้าคนโฉด ? "...นางกล่าวร่าเริ่งทั้งที่ใบหน้ายังซีดเซียวนัก
หลิวหงเหินได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบรับ พลางยันตัวขึ้นยืนเหนือหนองน้ำ เพื่อสังเกตุรอบข้างว่าตกมาที่ใดกันแน่...
ด้วยแสงที่ส่งสว่างไสวจากโพรงหินเบื้องบน เผยให้เห็นท้องฟ้าและหมู่เมฆไกลตา ....ดูเหมือนช่องโพรงนั้นจะเป็นทางออกสู่ภายนอกได้ ภายในนี้คงเป็นโถงถ้ำหินในภูเขาแน่ๆ
ดูเหมือนเด็กสาวจะชำนาญหนทางยิ่ง นางกระโจนขึ้นจากหนองน้ำอย่างง่ายดาย แล้วเร่งเดินตรงไปยังโพรงถ้ำอีกด้าน ที่ดูเหมือนจะถูกสร้างเป็นห้องหับส่วนตัว โดยมีไข่มุกร้อยเรียงกันเป็นม่านบังตาวาววับ
" ซียี้...เจ้าซุกซนอันใดอีกแล้ว ? "...เกิดเสียงเยียบเย็นลอยลอดออกจากม่านไข่มุก ทำให้เด็กสาวพลันยิ้มสดใสยิ่งกว่าเก่า
แต่แทนที่นางจะกล่าวทักทายมารดา กลับยกขลุ่ยขึ้นเป่า ส่งทำนองอ้อยอิ่งอยู่กลางแสงสว่างที่สาดส่อง ดูคล้ายนางไม้น้อยเริงเล่นกับแสงอาทิตย์ก็ไม่ปาน
พอหลิวหงเหินคิดจะก้าวติดตามไป พลันเกิดเสียงพิณสดใสลอยรอดมา เป็นเสียงอันไพเราะเสียจนหลิวหงเหินไม่ทันระวัง ว่าภายในเสียงจะแฝงพลังปราณอันแกร่งกล้าพวยพุ่งเข้ามากระแทกร่างมัน ให้ร่างระหงปลิวกระเด็นตกน้ำไปอีกครา
ตู ม ม ม ....
" เจ้าคนโฉด !.. ห้ามเข้ามาใกล้กว่านี้ ให้แช่อยู่ในน้ำไปอีดชั่วยามเถิด "....เสียงจากหลังม่านตวาดก้อง มากับลมปราณเปี่ยมล้น จนผิวน้ำสั่นเป็นละลอก
แทนที่เด็กสาวจะกล่าวแก้ตัวแทนมัน แต่นางกลับหัวเราะฮิ ฮิ ฮะ ฮะ มือควงขลุ่ยเล่นไปมาขณะกล่าวเสียงสดใส คล้ายไม่รู้ทุกข์รู้ร้อนสิ่งใด
" คนโฉดชุดครามเจ้าแช่น้ำตามมารดาข้าพเจ้าบอกเถิด รับรองว่าไม่เจ็บปวดกว่าพิษในกายเจ้าหรอก "....
นางแย้มยิ้มพริ้มพราย พร้อมทั้งก้าวเดินอารมณ์ดีเข้าสู่ม่านไข่มุกด้านใน.....