สองวันต่อมา...
“ร้องพอหรือยัง” ฮันเตอร์ยื่นมือมาเช็ดน้ำตารอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ฉันส่ายหน้าเป็นคำตอบแทนการพูด ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจะทำอะไรทั้งนั้น ฉันเหมือนคนเป็นง่อย
คนรักที่ฉันให้ใจไปเต็มร้อยตอบแทนรักของฉันได้อย่างสาสม สิ่งที่ได้กลับมาคือคำลวงหลอก ฉันเชื่อใจเขา ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำร้ายฉันแบบนี้
คำว่ารักที่บอกกับฉันเป็นเพียงแค่ลมปาก มันไม่เคยมีค่าอะไรกับเขาเลย
“กินข้าวหน่อยเดี๋ยวจะตายซะก่อน” ฮันเตอร์จ่อข้าวผัดปูของโปรดฉันมาที่ปาก ตอนนี้ต่อให้เป็นของที่โปรดปรานเท่าไหร่ก็ยังคงกลืนไม่ลงอยู่ดี
ผ่านมาสองวันแล้วนับตั้งแต่วันที่ฉันได้เห็นกับตาว่าคนรักของฉันกำลังขอคนรักของเขาแต่งงาน ฮันเตอร์พาฉันมาพักที่บ้านพักริมทะเลของเขา เพราะฉันบอกว่าไปไหนก็ได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าให้ฉันได้เจอกับผู้ชายใจร้ายคนนั้น
“ถ้ายังเห็นกูเป็นเพื่อน ช่วยแดกข้าวด้วยครับ” ฮันเตอร์ยังคงคะยั้นคะยอเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องฉันเลย ฉันรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง ทว่าฉันไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรนอกจากร้องไห้สะอื้นจะเป็นจะตาย
เพล้ง
เสียงจานข้าวผัดปูกระทบกับพื้น ฮันเตอร์เป็นคนทำ ฉันที่จะเป็นจะตายเพราะผู้ชายคนเดียวถึงกับสะดุ้งโหยง
“มึงฟังกูนะอ้อย” เสียงเข้มดังขึ้นทำให้ฉันที่สะอื้นต้องรีบหยุดทันที เพราะรู้ดีว่าฮันเตอร์เขาเป็นผู้ชายขี้หงุดหงิด รำคาญง่ายมาก
“...”
“กูไม่ได้ต้องการให้มึงเป็นแบบนี้ กูรู้เว้ยว่ามึงเสียใจ แต่มึงจะเป็นจะตายเพราะผู้ชายคนเดียวไม่ได้ ยังมีนักอ่านที่รออ่านผลงานของมึง ยังมีกูที่อยากให้มึงมีความสุข ที่กูบอกมึงเรื่องที่มันหลอกมึงเพราะกูอยากให้มึงตาสว่าง เสียใจได้ แต่ขอร้องเถอะ อย่าเอาทั้งชีวิตของมึงมาทิ้งกับผู้ชายแบบมัน มึงมีค่ามากกว่านั้นอ้อย มันไม่เห็นค่า ใช่ว่าตัวมึงไม่มีค่า” อ้อมกอดของเพื่อนโอบกอดฉันไว้แนบแน่น ฮันเตอร์รู้เรื่องงานของฉันเพราะฉันหยิบมันขึ้นมาเขียนในวันที่เขามาอยู่เป็นเพื่อน วันที่ฉันรู้ว่าช้างพลายไม่เคยเลิกกับแฟนไง
“เตอร์...” ฉันเจ็บปวดจนไม่รู้จะพูดอะไรดี ไม่มีแรงจะทำอะไรสักอย่าง ความเสียใจพรั่งพรูเป็นน้ำตาออกมาไม่ขาดสาย ฉันเสียใจจนอยากตาย คือฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนั้นกับฉัน ทั้งที่ฉันเป็นเพื่อนเขาและเขาก็รู้ดีว่าฉันไม่มีญาติที่ไหน ทำไมเขาถึงทำกับฉันได้ลง ทำไมถึงกล้าเล่นกับความรู้สึกของฉัน
“กูบอกกี่ทีแล้วว่ากูโอ๋ไม่เป็น” ฮันเตอร์เช็ดน้ำตาที่อาบแก้มฉันก่อนจะจูบที่หน้าผาก เราสองคนคือเพื่อน เพื่อนจริง ๆ เราไม่ได้คิดอะไรเกินเลยแบบชู้สาว อันเตอร์เขารักฉันแบบพี่น้อง เขาสงสารเพราะชีวิตของฉันไม่เหลือคนในครอบครัว
“ปล่อยเมียกูได้ยัง” เสียงของคนที่ฉันคุ้นชินดังขึ้น ฉันและฮันเตอร์ผลักออกจากกัน ฮันเตอร์ดึงฉันไปไว้ข้างหลังของเขา ฉันเห็นแววตาเหี้ยมโหดจากผู้มาเยือน
“มึงมาทำไม” ฮันเตอร์เอ่ยถาม
“มึงเอาของกูมาทำไมล่ะ” ช้างพูดพร้อมก้าวขาเดินเข้ามาเรื่อย ๆ
“อ้อยมันเป็นเพื่อนกู กูว่ามึงควรหยุด” ฮันเตอร์พาฉันเดินถอยหลัง
พรึบ
“มึงต่างหากที่ต้องหยุดเสือก” ช้างพลายพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ฉันที่ถอยหลังไม่ได้มองจึงไม่รู้ว่าด้านหลังมีชายชุดสูทยืนอยู่ ชายสวมชุดสูทรวบแขนทั้งสองข้างของฉันไว้
“เตอร์ มึงต้องช่วยกูนะ กูกลัว” ฉันกลัว กลัวเหตุการณ์ตอนนี้ กลัวผู้ชายที่เคยนอนกอดอยู่ทุกคืน
“มึงกลัวผัวมึงได้ไงเตี้ย” ช้างพลายยกยิ้มก่อนจะเดินมาหอมแก้มฉันอย่างกับคนโรคจิต เขาอุ้มฉันพาดขึ้นบนบ่า โดยที่ฮันเตอร์โดยชายร่างใหญ่ใส่ชุดสูททั้งสองคนดักไว้
“ไอ้ช้างสักวันมึงจะเสียใจที่ทำกับเพื่อนแบบนี้” เสียงของฮันเตอร์ตะโกนตามหลังมา เขาไม่ได้โดนทำร้ายแค่โดนดักทางไว้เท่านั้น
ห้าชั่วโมงต่อมา...
บ้านอ้อยหวาน
“รู้ไหมว่ากูคิดถึงมึงมากนะเตี้ย กูมารอมึงที่บ้านมึงก็ไม่กลับ รู้ไหมกูเป็นห่วงแค่ไหน” เขาพาฉันกลับมาบ้าน โดยที่ตลอดทางฉันและเขาไม่พูดกันสักคำ พอก้าวขาเข้าบ้านได้ คำพูดมากมายก็เอ่ยออกมา ทุกคำที่กลั่นจากปากของเขา ฉันไม่คิดจะเชื่อมันอีกแล้ว
“กินข้าวไหม เดี๋ยวกูทำให้กิน” เขายังคงถาม
“.....” โดยที่ฉันยังคงเงียบ
ไม่รู้สิ ฉันยังไม่อยากจะคุย ไม่อยากจะพบจะเจอเขา
“เตี้ยกูพูดกับมึงอยู่นะ” เขาคว้าที่ข้อมือของฉัน ซึ่งฉันยังนิ่งเงียบเช่นเดิม
“อย่าเป็นแบบนี้ดิ กูไม่ชอบ” เขาคุกเข่าลงตรงหน้าพร้อมกอดเอวฉันไว้ เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เรื่องที่ฉันกำลังประสบมันโคตรจะแย่ เขาทำเหมือนรักทั้งที่กำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เขากำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน
“...”
“พูดกับช้างหน่อยดิ อย่าเป็นแบบนี้”
“ช่วยบอกหน่อยดิ เคยรักกูบ้างไหม เคยมีบ้างไหม” แล้วฉันก็ถามคำถามสิ้นคิด ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วทำไมถึงได้ถามนะ ฉันนี่โง่จริง ๆ
“กู... กูไม่ได้รักมึงแบบนั้น กูรักมะปราง” โคตรเจ็บ หัวใจของฉันมันแหลกสลายมากกว่าเดิม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะเป็นแบบนี้ ทว่าได้ยินจริง ๆ กลับรับไม่ได้
คำตอบของเขามันชัดเจนว่าที่ผ่านมาฉันโง่ ฉันเป็นควายในสายตาของเขา
ฉันมองหน้าเขาด้วยสายตาสมเพช สมเพชตัวฉันนะ ก็ฉันมันโง่ไง โง่มาเป็นปี ๆ หลงดีใจว่ามันคือความรัก ที่ไหนได้มีแค่ฉันที่รักเขา “แล้วมึงมาหลอกกูทำไม หลอกกูทำไม มึงก็รู้ว่ากูไม่เหลือใคร... มึงก็รู้ว่ากูรักมึง ถ้าไม่รักกูทำไมไม่บอกกูตรง ๆ มึงทำแบบนี้เพื่ออะไร กูเพื่อนมึงนะช้าง มึงไม่สงสารกูบ้างเลยเหรอ”
“...” ช้างพลางโอบกอดฉันที่ร้องไห้ ฉันไม่อยากอ่อนแอให้เขาเห็น แต่ฉันก็ไม่ไหวจริง ๆ
ฉันคิดว่าเขาคงไม่รู้สึกอะไรที่ฉันเป็นแบบนี้ ฉันเสียใจแทบจะขาดใจเขาคงมีความสุขมาก
ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้จักรัก พอรู้จักก็ดันเป็นรักที่ตกอยู่ในสถานะของ ‘ชู้’ โดยที่ฉันไม่รู้ตัวสักนิด
เริ่มจากเพื่อนเลื่อนมาเป็นชู้ ตลกสิ้นดี
“ทำไมมึงใจร้ายกับกูแบบนี้ มึงไม่รักกูก็น่าจะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนบ้าง มึงปล่อยให้กูเข้าใจไปเองทำไม ปล่อยให้กูคิดว่ามึงรักกูทำไม มึงทำเพื่ออะไรวะช้าง มึงสนุกมากเหรอที่เห็นกูโง่” ฉันพยายามผลักเขาออก แต่เขากลับกอดฉันแน่นกว่าเดิม “ปล่อยกู ปล่อยกูนะ ปล่อยกูเถอะ ปล่อยให้กูอยู่แบบเดิม ปล่อยให้กูอยู่แบบนี้ ให้เวลารักษาแผลใจกู มึงกลับไปอยู่ที่ของมึง กลับไปอยู่กับคนที่มึงรัก ปล่อยกูไว้ตรงนี้ เราอย่าเจอกันอีกเลยช้าง”
“กูเคยบอกแล้วไงว่ากูจะไม่ทิ้งมึง” เขาพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ต่างจากฉันที่ร้องไห้จะเป็นจะตาย
เขาคิดว่าฉันซึ้งกับคำพวกนี้อยู่เหรอ
“มึงทิ้งกูเถอะ ตอนนี้กูต้องการให้มึงทิ้งกู กูขอร้อง กูเจ็บมึงได้ยินไหมว่ากูเจ็บ มึงมันคนโกหก คนเห็นแก่ตัว มึงหลอกกูได้ยังไง หลอกกูมาตั้งสองปี กูโง่ขนาดนั้นเลยใช่ไหมช้าง กูดูโง่มากใช่ไหม”
“อ้อยหวาน... กูรู้ว่ามึงเสียใจ กูรู้ว่าสิ่งที่กูทำมันแย่ แต่ตอนนี้กูไม่พร้อมที่จะเสียมึงไป กูทำไม่ได้ กูปล่อยมึงไม่ได้” เขาพูดประโยคที่โคตรเห็นแก่ตัวออกมา
“แล้วกูล่ะ กูต้องยอมเป็นชู้ อยู่ในมุมใดมุมหนึ่งที่มึงยื่นให้ใช่ไหม มึงกำลังจะแต่งงานกับเขา มึงพูดหมา ๆ แบบนี้ออกมาได้ยังไงวะ เห็นกูยอมเห็นกูรักมึงคิดว่ากูจะยอมมึงเหรอ”
“...อ้อย”
“มึงปล่อยกูเถอะ กูจะขาดใจตายแล้วช้าง ได้โปรดนะ ได้โปรดปล่อยกูไป กูเจ็บจะตายอยู่แล้ว กูเหนื่อย...” ก่อนที่ฉันจะพูดอะไรต่อ โลกที่ฉันมองเห็นก็หมุน รู้สึกเหมือนพื้นมันเอียงไปมา ภาพตรงหน้าที่มองเห็นมันเริ่มพร่ามัว ทุก ๆ อย่างเริ่มจะมืดลง