1 เพื่อนคนหนึ่ง
ครืด ครืด ครืด (ช้างพลาย)
“ว่าไงมึง” ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมารับสาย คนที่โทรมาคือช้างพลายหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทของฉัน
(อ้อยมึงมารับไอ้ช้างหน่อยดิ แม่งเมาว่ะ) แต่ปลายสายดันไม่ใช่เจ้าของเบอร์ เขาคือ ‘วิน’ หรือ ‘กวิน’ หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทของฉันอีกคน
“ทำไม แล้วอยู่ไหนกัน” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย ก็ฉันไม่เข้าใจทำไมฉันต้องไปรับในเมื่อกวินก็อยู่ด้วย
(อยู่ร้านเหล้าใกล้ ๆ บ้านมึงไง ไอ้ช้างมันทะเลาะกับมะปรางจนจะเลิกกัน มันเลยชวนกูมาแดกเหล้า แล้วกูกับมันก็เมาทั้งคู่ กูเลยจะไหว้และวานให้มึงมารับกูสองคนหน่อย ได้ไหมอ้อยจ๋า) กวินเล่าถึงเหตุผลที่เมามาย คงไม่อยากท้าทายตำรวจไทยจึงติดต่อมาหาฉัน
“ร้านเดิมใช่ไหม” ถามเพราะพวกนี้บางครั้งก็ชอบมากินเหล้าแถวบ้านฉัน และเป็นฉันที่เป็นคนไปเก็บซากอยู่บ่อย ๆ
(ใช่ครับที่รัก) กวินตอบ ประโยคที่เอ่ยว่าที่รัก สำหรับกวินนั้นมันเป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดา เพราะมันพูดเล่นกับฉันแบบนี้จนฉันชิน กวินมันเป็นคนกะล่อนปลิ้นปล้อน และชอบเล่นอะไรที่มันพิสดาร
“งั้นรอสักพักนะ แต่งตัวก่อน” ฉันบอกปลายสายและกดวางสาย จากนั้นก็ลุกจากที่นอน เปลี่ยนจากชุดนอนผ้าบางเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดา
ฉันชื่อ ‘อ้อยหวาน’ กำลังจะจบมหาวิทยาลัย ฉันเรียนคณะบริหาร ถามว่าชอบไหม ก็ไม่ได้ชอบแต่ที่ลงเรียนเพราะตอนนั้นไม่รู้สิ่งที่ตัวเองชอบ ฉันอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านหลังปานกลาง เมื่อก่อนฉันอยู่กับย่า พ่อของฉันจากไปเพราะพิษสุราเรื้อรังตั้งแต่ฉันอายุ 9 ขวบ ส่วนแม่ทิ้งฉันไปตั้งแต่เกิด
สรุปง่าย ๆ คือฉันเกิดจากความผิดพลาด แล้วพ่อก็เสนอตัวเป็นฝ่ายรับผิดชอบ เนื่องด้วยแม่บังเกิดเกล้าไม่ต้องการฉัน ยังดีที่ทนตั้งท้องจนฉันได้ลืมตาดูโลก
หลังจากที่พ่อเสีย ฉันจึงอยู่กับย่าเพียงแค่สองคน แต่แล้วย่าก็จากฉันไปด้วยโรคชราเมื่อตอนฉันอยู่ปี2 ฉันท้อและเสียใจมาก ย่าตายจากฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร ชีวิตของฉันมันเหมือนไม่มีจุดยืน มันเหมือนโลกของฉันมืดมิดไปหมด
ยังดีที่ฉันยังมีเพื่อน เพื่อนของฉันคอยปลอบคอยให้กำลังใจ โดยเฉพาะเพื่อนอย่างช้างพลาย ในยามที่ฉันอ่อนแอเขาดูแลฉันดีมาก หัวใจที่เคยมีเขาอยู่แล้ว มันจึงมีเขามากกว่าเดิม
ใช่แล้ว!
ฉันแอบรักเพื่อนสนิทของตัวเอง เวลาอยู่ใกล้เขาแล้วฉันรู้สึกอบอุ่น เขาคอยดูแลเอาใจใส่ฉัน เขาอยู่เป็นเพื่อนเวลาที่ฉันไปเฝ้าย่าที่โรงพยาบาล และอีกหลาย ๆ อย่างที่เขาทำให้ฉันประทับใจ
แต่มันก็ติดตรงที่ เราเป็นเพื่อนกัน ฉันคิดเสมอว่าช้างพลายคงไม่ได้คิดกับฉันมากกว่าเพื่อน ฉันจึงเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ ฉันไม่เคยมีแฟนเพราะไม่คิดจะมองใครนอกจากผู้ชายที่ชื่อช้างพลาย ฉันยินยอมที่จะอยู่ในสถานะแอบรัก และที่สำคัญไปกว่านั้นคือช้างพลายมีแฟน เขาดูรักกันมาก
“ทำไมเมาเหมือนหมาแบบนี้” ฉันบ่นเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนสนิท
“มันเสียใจมากมั้ง ยังไงกูฝากมันด้วยนะ และทางที่ดีมึงเอาซากมันไปไว้บ้านมึงก่อนดีกว่า เดี๋ยวแม่มันเห็นจะบ่นมันอีก” กวินพูดพร้อมพยุงช้างพลายขึ้นรถของฉัน ขณะพูดสภาพของกวินมันไม่ได้ดูเมาเลยสักนิด ไหนมันว่ามันเมา
“แล้วมึงอ่ะ พูดเหมือนจะไม่ไปกับกู” ในเมื่อมันบอกให้ฉันมารับเพราะกลัวโดนเป่าแล้วทำไมพูดเหมือนจะไม่ไปด้วยกัน
“กูจะไปต่อกับเด็กเว้ย ฝากมันด้วยนะมึง กูไปละ” กวินยัดช้างพลายใส่รถฉันเสร็จก็ชิ่งหนีไปเลย
อ้าว งง ตัวโต ๆ เลยสิ
ไหนว่าตัวเองก็เมา
แต่ที่ดูมันไม่ได้เมาเลยนะ
แล้วดูฉันสิ ตัวของฉันก็เล็กนิดเดียว แล้วไอ้ช้างตัวมันโคตรล่ำ ฉันจะแบกมันไหวได้ยังไง
“จะยืนงงอีกนานไหมเตี้ย” ประโยคนี้ดังขึ้น ฉันจึงโน้มตัวมองเข้าไปในรถ ไอ้ตัวปัญหามันนอนหลับตาอยู่ที่เบาะ
ช้างพลายมันชอบเรียกฉันว่าเตี้ยเพราะมันสูงกว่าฉันไง ฉันน่ะสูงแค่ไหล่มันเอง
“มึงเมาจริง ๆ ใช่ไหม” ที่ฉันถามก็เพราะสงสัย ช้างพลายมันคอแข็งจะตายไป เราเคยดวลเหล้ากันทั้งกลุ่ม มันยังชนะอยู่เลย มาวันนี้ทำไมเมา มันแปลกอยู่นะ
“จะให้กูอ้วกบนรถโชว์”
“อย่าทำร้ายรถกู” ว่าจบก็รีบสาวเท้าไปประจำที่ตำแหน่งคนขับทันที เพราะไอ้นี่มันบ้า คิดจะทำอะไรมันก็ทำ อย่าได้คิดท้าทายมันเชียว
“เมาบ้าบออะไรขนาดนี้” ความเงียบทำให้ฉันบ่นระหว่างทางที่กลับบ้านของฉัน ใช่ค่ะ กลับบ้านฉัน เพราะถ้ากลับบ้านของมัน ป้าจันทร์แม่ของมันได้ตีกะบาลลูกชายแน่
“กูรักมะปราง เลิกกันก็ต้องเสียใจดิวะ” มันพึมพำทั้งที่ตายังหลับอยู่ คงจะรักผู้หญิงคนนั้นมากสินะถึงเสียใจขนาดนี้
“เลิกกันแล้วเหรอ?”
“กำลัง” ช้างพลายมันว่ามาแค่นี้เเล้วเงียบ ฉันจึงไม่ได้ถามอะไรมันเพิ่ม
เลิกกันงั้นเหรอ?
ถ้าเลิกกันจริงฉันพอจะมีโอกาสไหมนะ
หรือทำได้แค่เพียงอยู่ใกล้ชิดในฐานะ...เพื่อนคนหนึ่ง