สองอาทิตย์ต่อมา...
ฉันยืนหน้าชาอยู่ที่งานรับปริญญาของรุ่นน้อง ยืนมองดูคนรักที่เราคบกันมาสองปีกว่าด้วยใบหน้าที่มีน้ำตาอาบสองแก้ม
ฉันร้องไห้ ส่วนเขายิ้มแย้มมีความสุข
ช้างพลายผู้ชายคนเดียวที่ฉันหลงรัก ตอนนี้เขากำลังขอแฟนสาวที่คบกันมานานหลายปีแต่งงานท่ามกลางความดีใจของหมู่รุ่นน้อง
แฟนสาวที่เขาเคยบอกว่า ‘เลิกรา’กันไปแล้ว
แต่วันนี้เขากำลังจะ ‘แต่งงาน’ กัน
เขาบอกกับฉันทุกวันว่า...เขารักฉัน
เขาบอกกับฉันว่าเขาเลิกกับคนรักของเขาไปแล้ว
เขาบอกกับฉันว่าเราจะรักกันตลอดไป
เขาบอกกับฉันว่าให้เชื่อใจเขา
เขาหยิบยกความดีว่าไม่เคยโกหก
แต่ความจริงมันสวนทางเมื่อสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันทำให้หัวใจของฉันแทบจะหยุดเคลื่อนไหว
ตลอดเวลาสองปีกว่าที่ฉันได้ยินคำว่า ‘รัก’ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้ฉันมันคือเรื่อง ‘ลวงโลก’
เขาโกหก หลอกลวงฉันมาเนิ่นนาน
“กลับเถอะ จะมาตอกย้ำตัวเองให้เจ็บไปกว่านี้ทำไม” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับเสื้อยีนส์ปกคลุมที่ใบหน้าของฉัน ฉันดึงเสื้อยีนส์ออกแล้วเงยหน้าสบตากับเจ้าของเสียง
“เตอร์ ฮือ ฮือ ฮึก ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้” โผเข้ากอดผู้ชายร่างสูงที่เป็นคนชี้ทางสว่างให้ควายอย่างฉันได้พบกับความเป็นจริง ความจริงที่ฉันควรรู้มานาน
“อย่าร้องดิ กูโอ๋ไม่เป็น” ผู้ชายนิ่งเงียบอย่างฮันเตอร์เอ่ยปากพูด พร้อมโอบกอดผู้หญิงตัวเล็กเช่นฉันไว้
ย้อนความกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน...
ฮันเตอร์ติดต่อมาหาฉัน บอกว่าคืนนี้จะพาไปดูอะไรบางอย่าง ตอนแรกฉันปฏิเสธเพราะกลัวว่าช้างพลายจะไม่ให้ไป แต่ฮันเตอร์ก็ยังคงคะยั้นคะยอ รบเร้าจนฉันต้องยอม ก็ยังไม่วายมีข้อเสนอมายื่นว่าถ้ายังเห็นว่าเขาเป็นเพื่อน ห้ามฉันบอกช้างพลายเด็ดขาด ฉันจึงต้องโกหกคนรัก ทั้งที่ไม่เคยคิดจะทำสักครั้ง เพราะฉันตั้งมั่นกับตัวเองไว้ว่าสำหรับคนรักฉันจะดูแลเป็นอย่างดี จะไม่โกหก เพราะเขาคือคนเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิงตัวคนเดียวเช่นฉัน
แต่แล้วผลตอบแทนที่ได้รับคือคำหลอกลวง คำโกหกจากปากผู้ชายที่พร่ำบอกว่ารักฉันมากมายเหลือเกิน
เมื่อฉันไปพบฮันเตอร์ตามเวลาที่เขานัด ฮันเตอร์บอกให้ฉันสูดหายใจลึก ๆ ทำใจให้สบายและยอมรับกับความจริงที่จะเจอ ตอนแรกที่เขาบอกฉันก็ยังงุนงง ทว่ามองเห็นภาพชายหญิงเดินเคียงคู่ยิ้มแย้มมีความสุขด้วยกัน สมองกลวง ๆ ของฉันก็เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง
เข้าใจได้ว่าฉันนั้นโง่เขลาเกินกว่าจะหาอะไรมาเปรียบ
เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ารักแท้ไม่มีจริง ผู้ชายที่ดีคงมีแค่ในนิยายที่ฉันปั้นแต่ง
ฉันจุกจนร้องไห้ไม่ออก มันอึ้งกับเหตุการณ์ที่เจอ ทุกอย่างชี้ชัดว่าฉันนั้นเป็น ‘ชู้’ มาโดยตลอด
จากเพื่อนเลื่อนมาเป็นชู้ รู้ถึงไหนได้อายถึงนั่น
เมื่อกลับเข้ามาในรถฮันเตอร์ก็หยิบการ์ดแต่งงานที่ชื่อเจ้าบ่าวคือคนที่ฉันนอนด้วยทุกคืน ส่วนชื่อเจ้าสาวนั้นไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน การ์ดแต่งงานกำหนดวันเวลาไว้เรียบร้อย ฮันเตอร์เล่าว่าเหลือแค่เพียงเจ้าสาวตอบตกลงในวันรับปริญญาของเธอเท่านั้น
หัวใจของฉันมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อได้รับรู้ความจริงที่ควรจะรู้ตั้งนานแล้ว เพราะเชื่อใจเขา วันนี้จึงโดนเขาหลอก
ฉันยังจำประโยคที่ฮันเตอร์บอกได้ดี
‘กูไม่อยากเห็นมึงโง่ ตกอยู่ในสถานะชู้ แบบที่มึงไม่รู้ตัว ถอยออกมาซะ เพราะไอ้ช้างมันไม่เคยรักมึงเลย’
ประโยคนี้ยังคงดังก้องในหัวของฉัน มันเป็นประโยคที่กระตุกต่อมน้ำตาของฉันให้ไหลได้เป็นทาง
ฉันกลับมาตั้งสติที่บ้านโดยที่ฮันเตอร์อยู่เป็นเพื่อนทั้งคืน เช้ามาฮันเตอร์ก็ยังคงอยู่เป็นเพื่อน สรุปก็คือฉันไม่ได้นอน เพราะนอนไม่หลับ สาย ๆ ช้างพลายผู้ชายลวงโลกก็โทรมาหาฉัน และอ้างว่างานยังเคลียร์ไม่เสร็จคืนนี้คงจะไม่ได้กลับ ถ้าเป็นก่อนจะตาสว่างฉันคงคะยั้นคะยอที่จะเสนอตัวไปพบเจอ เอาข้าวไปส่ง ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เเต่ตอนนี้มันไม่ใช่เพราะฉันรู้ว่าเขาไม่ได้งานยุ่ง เขาแค่อยู่กับคนที่เขารัก ส่วนฉันคือคนที่เขาไม่รัก ฉันนี่มันโง่จริง ๆ
ตอนนี้ฉันไม่พร้อมเจอหน้าเขา ไม่พร้อมอะไรสักอย่าง ก็ฉันตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่ไว้ใจสุดท้ายจะร้ายที่สุด ไม่คิดว่าเขาจะเอาความรักของฉันมาเล่นแบบนี้
พอตกเย็นอีกวันเขาก็กลับมาบ้าน ฮันเตอร์กลับไปก่อนเขาได้ไม่นาน ก่อนที่เขาจะกลับมาฉันนั่งมองจอโน้ตบุ๊คที่มันมีเนื้อหาของนิยายที่ฉันเขียนค้างไว้ นั่งมองอยู่นานว่าจะเขียนอะไรต่อ ปัญหาที่ฉันพบเจอทำให้ฉันจินตนาการถึงรักโรแมนติกไม่ออก ฉันปั้นแต่งเรื่องรักไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี
ยิ่งย้อนคิดถึงความทรงจำที่เราสองเคยมีร่วมกัน วกกลับมานึกถึงความจริงที่กำลังประสบมันยิ่งน่าสมเพช จ้องเนื้อหาที่ไปต่อไม่ได้อยู่พักใหญ่ ฉันก็ตัดสินใจกดลบเรื่องราวเนื้อหาในนิยายที่เคยสร้างไว้เกือบครึ่งเรื่อง เมื่อกดลบแล้วฉันเริ่มบันทึกเนื้อหาใหม่ทันที เนื้อเรื่องไหลลื่นเพราะคนเขียนกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์นั้น ยิ่งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นน้ำตาฉันยิ่งไหลเอ่อล้น ความเจ็บปวดทรมานวิ่งเข้ามาเกาะกินหัวใจของฉันอย่างรวดเร็วราวไฟฟ้าช็อต
จากนั้นความโกรธความเสียใจก็ได้เปลี่ยนเป็นความเฉยชาเพื่อรอวันระเบิด
ณ ปัจจุบัน...
ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันพูดกับเขาน้อยลง เรื่องราวที่เคยทำด้วยกันอย่างเช่น ออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะในตอนเช้า บีบยาสีฟันให้กัน ยืนแปรงฟันด้วยกันในห้องน้ำ คำบอกรักที่ฉันพูดอยู่บ่อยครั้ง และอีกหลาย ๆ อย่างที่ฉันได้เคยกระทำ บัดนี้มันค่อย ๆ เลือนหายเพราะฉันเลือกที่จะเพิกเฉยเพื่อปกป้องหัวใจที่เจ็บปวดของตัวเอง
“มันหลอกกูทำไมวะ มันทำแบบนี้ได้ยังไง” ฉันยังคงยืนฟูมฟายไม่อายใคร และคงจะร้องไห้ดังเกินไปจึงเป็นจุดสนใจของใครหลาย ๆ คน จุดที่ฉันอยู่สามารถมองเห็นคู่รักที่เพิ่งจะขอกันแต่งงานหมาด ๆ ได้เป็นอย่างดี และฮันเตอร์กอดฉันอยู่ เหล่านักศึกษาจึงเข้าใจว่าเรากำลังงอนง้อพลอดรักกัน เสียงโห่แซวจึงดังขึ้น พร้อมกับการตกเป็นเป้าสายตา ซึ่งในสายตาหลาย ๆ คู่มีดวงตาที่ฉันคุ้นชินเป็นอย่างดี เขามองมาที่ฉัน เสี้ยวหนึ่งของการมองมาคือความตกใจ แต่จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเมื่อแฟนสาวของเขากระตุกชายเสื้อ
“เลิกมองมันเถอะ เห็นแค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่ามันเลือกอะไร ปะกูจะพากลับบ้าน” เสื้อยีนส์ถูกปกคลุมที่หัวของฉันอีกครั้ง จากนั้นร่างบางของฉันก็ลอยละลิ่วขึ้นเหนือพื้น เสียงโห่แซวจากนักศึกษาดังขึ้นอีกรอบ ฉันจึงยกแขนสองข้างคล้องที่ต้นคอของฮันเตอร์
“เดี๋ยวไอ้เตอร์” เสียงทุ้มนี้ฉันจำได้ดี เป็นเสียงของเขา คนหลอกลวง ฮันเตอร์หยุดเดินเมื่อมีเสียงเอ่ยทัก ฉันแนบใบหน้าซบหน้าที่อกแกร่ง กลัวเหลือเกินว่าเจ้าของเสียงจะเปิดเสื้อยีนส์ที่คลุมใบหน้าของฉันอยู่
ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา
“ว่า” ฮันเตอร์ถามเสียงห้วนชวนหาเรื่อง
“มึงใช่ไหมที่เป็นคนทำ” ฉันที่อยู่ภายใต้เสื้อยีนส์ไม่รู้หรอกว่าใบหน้าของเขาเป็นแบบไหน รู้แค่ว่าน้ำเสียงของเขากำลังหาเรื่อง
“มึงต่างหากที่ทำตัวเอง” ฮันเตอร์ตอบกลับอย่างไว
“เสือกไม่เข้าเรื่อง” เขาตวาดลั่น
“กูแค่ไม่อยากเห็นเพื่อนเป็นควาย” สิ้นประโยคนี้ ฮันเตอร์พาฉันเดินต่อ
หมับ ไหล่ฉันถูกบีบอย่างแรง
“ปล่อยมันลงเดี๋ยวกูพากลับเอง”
“มะ ไม่นะเตอร์” ฉันโอบต้นคอของเตอร์ไว้แน่น
“เตี้ยกูผัวมึงนะ มึงต้องกลับกับกู” ช้างบีบไหล่ฉันแรงกว่าเดิน เหอะ พูดออกมาได้ว่าเป็นผัวฉัน ผัวฉันทั้งที่ขอผู้หญิงคนอื่นแต่งงานเนี่ยนะ แบบนี้มันน่าภูมิใจตรงไหนกัน
“เตอร์กูเจ็บตรงที่มันบีบ” ความจริงเจ็บที่ใจมากกว่า มาทำเป็นหึงหวงฉันเพื่ออะไร
“เดี๋ยวกูไปส่งมันที่บ้านเอง มึงอย่ามาพูดว่าเป็นผัวมันอยู่ตรงนี้ มึงรีบไปสนใจว่าที่ภรรยาของมึงเถอะ” พูดจบฮันเตอร์ก็พาฉันเดินต่อ