สองอาทิตย์ต่อมา...
ชีวิตฉันยังคงวนเวียน ถูกกักขังไว้ในคอนโดแห่งนี้ดังเดิม โดยที่ผู้ชายหลอกลวงอยู่กับฉันตลอดเวลา เขาเลือกที่จะทำงานผ่านอีเมล เขาไม่ออกไปไหน อาหารถูกกักตุนโดยคนของเขาที่นำมาส่งทุก ๆ สองวัน
ถามว่าเป็นแบบนี้ฉันมีความสุขไหม
ตอบได้เต็มปากเลยว่า ไม่
ถึงฉันจะรักเขา แต่เขาคือของคนอื่น ฉันจึงไม่อยากฝืนชะตาตัวเอง ไม่อยากรั้งหัวใจให้รักเขา ฉันกำลังพยายามเลิกรักเขา ถึงแม้มันจะยากมากมายเพียงใดก็ตาม ฉันต้องทำให้ได้ ฉันไม่อยากเป็นชู้
“ไม่คิดจะออกไปหาว่าที่เจ้าสาวบ้างเหรอ” เอ่ยปากถามในขณะที่เขานอนหนุนตักและหันหน้ามาซุกสูดดมหน้าท้องของฉัน เอาจริง ๆ ฉันก็แปลกใจนะ ทำไมเขาถึงไม่ไปหาว่าที่เจ้าสาวเลย
จะมาให้ความสำคัญกับฉันเพื่ออะไร
“อยากอยู่กับมึง” เขาว่าพลางกอดรอบเอวของฉันไว้แน่น เขาจะพูดแบบนี้ประจำทุกครั้งที่ฉันเอ่ยถาม แต่ฉันไม่คิดจะเชื่ออะไรเขาอีกแล้ว เพราะสองปีที่ผ่านมามีแต่คำหลอกลวง ตอนนี้ก็คงจะไม่ต่างกัน
“จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน ของที่ไม่ใช่ของเราสักวันก็ต้องส่งคืนเจ้าของ” ฉันตัดพ้อ ก็ที่ทำอยู่ตอนนี้เหมือนรอแค่เวลาที่เขาจะไปเป็นของคนอื่นแบบเต็มตัว ถึงเวลานั้นเราคงจะได้จากกัน แบบจริง ๆ จัง ๆ สักที
“ไม่ร้องดิ แล้วไหนเขียนถึงไหนแล้วเนี่ย” มือใหญ่ปาดน้ำตาที่แก้ม ฉันแม่งอ่อนแอ ร้องไห้อยู่ได้ แล้วเขาก็เปลี่ยนจุดมาโฟกัสที่งานเขียนของฉัน งานเขียนที่เขาเพิ่งจะรู้ เพิ่งจะเข้าใจว่าฉันทำอาชีพอะไร สรุปง่าย ๆ คือเหมือนเขาเพิ่งจะใส่ใจฉัน ใส่ใจตอนที่ฉันกำลังถอยห่างจากเขา
“โอ้โห เมียใครวะโคตรเก่งเลย มาเดี๋ยวผัวให้รางวัล” หลังจากกดเข้าไปดูยอดจำนวนนักอ่านที่ซื้อนิยายของฉัน เขาก็หันมาพรมจูบทั่วใบหน้าฉัน
“ง่วงนอนว่ะ ช่วยหน่อยดิ” มือใหญ่คว้ามือของฉันไปวางที่เป้าตุง ฉันเข้าใจความหมายแต่ไม่อยากที่จะทำมันไง
“ไม่เอาหรอก ช่วยตัวเองไปเลย” ฉันบ่ายเบี่ยงเพราะไม่อยากผูกพัน อะไรที่เคยทำให้กันก็อยากจะถอย เว้นระยะห่าง ตอนนี้เหมือนเรากำลังนับถอยหลังเรื่องระหว่างเรา สร้างความทรงจำดี ๆ จะมีประโยชน์อะไร
“ไม่เอาดิ ต้องมือมึงกูถึงนอนหลับ นะครับช่วยผัวเถอะ” เขายังคะยั้นคะยอโดยที่มือใหญ่ยังคงกอบกุมมือฉันไว้ เขายังคงเรียกตัวเองว่าผัว ทั้งที่กำลังจะเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคนอื่น
“ประจำ” ฉันทำหน้าเหนื่อยหน่ายแล้วล้วงเข้าไปในกางเกงขาสามส่วนของเขา จากนั้นก็เริ่มเกาไข่ให้เขา
ใช่ค่ะ เกาไข่
ไอ้ช้างมันโรคจิต เวลามันง่วงมันชอบให้ฉันเกาไข่ให้มัน ซึ่งฉันก็โรคจิตหนักกว่าเพราะดันชอบเกา พอเกาแล้วฉันก็เพลินเผลอหลับตามมันไปติด ๆ
“เดี๋ยววันนี้เชฟจะทำข้าวผัดปูให้เมียทานนะครับ รับรองว่าอร่อยกว่าที่เคยได้กินมาเลย” นี่คือประโยคอวดอ้างหลังจากที่เราทั้งคู่เพิ่งจะตื่นจากการนอนหลับแล้วเกิดอาการหิว ซึ่งข้าวผัดปูอาหารจานโปรดของฉันที่เขาไม่เคยทำเขากำลังจะทำให้ฉันกิน
“ให้มันจริงเถอะ ไม่ช่วยนะ จะไปปั่นงานเพิ่งนึกออกเมื่อกี๊” ฉันส่ายหัวพลางอมยิ้มเล็กน้อย ที่ไม่อยากช่วยเพราะเพิ่งคิดพล็อตนิยายออกจริง ๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือไม่อยากจะสร้างความทรงจำที่มีเพียงเราให้มากไปกว่านี้
“รอแดกเถอะครับคุณเมีย” เสียงพูดตามหลังฉันมา ฉันไม่ได้หันไปตอบกลับอะไรเขา
ฉันเดินกลับมานั่งปั่นงานในโน้ตบุ๊ค นิยายเรื่องปัจจุบันที่ฉันกำลังเขียนแหวกแนวจากทุกเรื่องที่เคยลงขาย เพราะมันคือนิยายดราม่าแบบจัดเต็ม ผลพวงจากอารมณ์ในชีวิตจริงของฉัน ฉันไม่รู้ว่าผลตอบรับจะเป็นยังไง จะออกมาแบบไหน นักอ่านอาจจะงงในการเปลี่ยนแนวทาง บางคนอ่านจะเลิกตามงานฉันหรือบางคนเขาอาจจะชอบก็ได้ ในที่นี้คงสุดแล้วแต่นักอ่านที่จะเป็นผู้ตัดสินผลงานของฉัน
“อร่อยไหม” เชฟหุ่นล่ำกำลังจ้องรอลุ้นคำตอบที่จะออกจากปากของฉัน ข้าวผัดปูน่ะ อร่อยนะ อร่อยจริง ๆ และอร่อยมากตรงที่คนทำให้กินเขาเป็นคนที่ฉัน...รัก
อือ อยากเลิกรักได้ง่าย ๆ เหมือนกัน แต่ทำไมการตัดใจมันไม่ง่ายเลย
“ก็เหมือนที่เคยกิน” เพราะไม่อยากจะสร้างความหวังให้ตัวเองจึงตอบแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ฉันไม่อยากจดจำเรื่องราวระหว่างเรา อยากหนีเขาไปไกล ๆ อย่าได้เจอกันอีกเลยจะดีที่สุดสำหรับเรา
“จะเหมือนได้ไง” เขาฉุนเฉียว
“ทำไมจะไม่เหมือนล่ะ ก็เหมือนข้าวผัดปูทั่วไปที่กูเคยกิน”
“ไม่เหมือนก็เพราะกูใช้ใจทำให้กินมึงไง” พูดพลางถอดผ้ากันเปื้อนแล้วโยนลงพื้น จากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องนอนไป
“เออ ตัวก็ใหญ่ยังจะมางอนแค่เรื่องเล็กน้อย บ้าบอ” พึมพำพร้อมตักข้าวเข้าปาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะดีใจที่ได้ยินประโยคนั้นจากเขา
แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว ตอนนี้ได้ยินแล้วฉันเสียใจมากกว่า เสียใจที่ก้าวพลาดจนตกมาอยู่ในสถานะชู้
ห้าชั่วโมงผ่านไป...
หลังจากที่ฉันกินข้าวผัดปูจนหมดฉันก็มานั่งเขียนงานเงียบ ๆ ไม่คิดจะก้าวขาเข้าห้องนอน ปล่อยให้คนงอนเขาอยู่คนเดียว บางทีเขาอาจจะแค่แกล้งโกรธเพราะอยากจะคุยโทรศัพท์กับว่าที่เจ้าสาวของเขาก็ได้ ฉันไม่ควรเข้าไปขัดจังหวะของเขา
แต่แล้วก็ต้องเข้าไปอยู่ดีเนื่องจากโน้ตบุ๊คกำลังจะแบตหมด สายชาร์จอยู่ในห้องนอน ฉันเปิดประตูห้องนอนเข้ามาหยิบสายชาร์จ
“รู้แล้ว อย่าเซ้าซี้ได้ไหม ถึงเวลาก็ไปเอง” ได้ยินเขากำลังคุยโทรศัพท์ ฉันจึงรีบหยิบสายชาร์จแล้วเดินออกจากห้อง “แค่นี้ก่อนนะ”
หมับ
ช้างพลายกอดฉันไว้จากทางด้านหลัง ใบหน้าซุกที่ต้นคอของฉัน เสียงทุ้มเอ่ย “กูงอนนี่ไม่คิดจะง้อเลยนะ”
“จะไปรู้เหรอว่างอน”
“มึงรู้จักกูดีที่สุด”
“กูไม่รู้จักมึงเลยต่างหาก” จู่ ๆ ก็หาเรื่องพูดให้ฉันกัดมันซะงั้น ฉันไม่รู้จักเขาจริง ๆ นะ ถ้ารู้จักฉันก็คงจะไม่โดนเขาหลอกมานานขนาดนี้
“อะ ๆ เดี๋ยวกูหายงอนเองก็ได้ กูจะถือว่าที่มึงเข้ามาคือการง้อกูแล้วกัน” ช้างเปลี่ยนเรื่องอย่างไว เขาไม่ใช่คนโง่ต้องรู้อยู่แล้วว่าฉันหมายถึงอะไร
“เข้ามาเอาสายชาร์จ ไม่ได้คิดจะมาง้อเลย อื้อ...” หันมาเถียงคนขี้ตู่ แต่กลับโดนเขาประกบจูบอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษนะ” เขาถอนจูบออกและพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาต้องการขอโทษคือเรื่องอะไร ความผิดที่เขาทำกับฉันมันมากมายเกินจะเอ่ยแค่คำว่าขอโทษแล้วให้อภัยกันได้
“กูเขียนงานค้างไว้” ฉันผลักเขาออกห่างแล้วเดินออกจากห้องทันที
ฉันไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรทำไมตอนนี้เขาอยู่กับฉันไม่ห่างกัน ดูแลเอาใจใส่ฉันเป็นอย่างดี ทั้งที่บอกว่าไม่ได้คิดกับฉันแบบที่ฉันคิดกับเขา ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เขากำลังทำ เขาต้องการอะไร หรือที่เขาทำอยู่ต้องการเพียงแค่ร่างกายของฉันเหรอ ถ้าต้องการแค่ร่างกาย เขาก็น่าจะหยุดได้แล้ว เพราะเขาได้ฉันจนนับครั้งไม่ถ้วน ควรจะเบื่อฉันตั้งนานแล้ว แต่นี่ยังคงเกาะติดหนึบไม่ปล่อยไปไหน
หรือมันจะยังไม่ถึงเวลานั้น เขายังได้ไม่หนำใจ ฉันทำอะไรไม่ได้คงต้องรอให้เขาเป็นคนปล่อย