10 พลาดซ้ำซ้อน

1502 คำ
สองเดือนต่อมา... “เตี้ย เตี้ย เตี้ย เตี้ยครับ ไอ้เตี้ย” ฉันได้ยินเสียงของช้างพลายกำลังส่งเสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าที่ตัวของฉัน “ช้างอย่ากวน” ฉันงัวเงียบอกเพราะรู้สึกเพลียไปทั้งตัว “สายแล้ว ไหนเมื่อคืนว่าเช้ามาจะส่งงาน แล้วมานอนขี้เซาอยู่นี่ทำไม” เสียงของช้างพลายยังคงดังต่อเนื่องและเป็นประโยคย้ำเตือนว่าวันนี้ฉันต้องส่งต้นฉบับ “มันเพลียอ่ะ” ฉันลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังหลับตา ฉันรู้สึกเหนื่อยขี้เกียจที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น “ไปหาหมอดีกว่า เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว กูเป็นห่วง” มือใหญ่แตะที่หน้าผาก ใช่แล้ว ฉันมีอาการแบบนี้มาสักประมาณหนึ่งอาทิตย์ได้ ช่วงที่เป็นแบบนี้ช้างพลายดูแลฉันเป็นอย่างดี “เดี๋ยวก็หายเองแหละ ขี้เกียจไป” ปฏิเสธเพราะรู้สึกขี้เกียจไปหมดซะทุกอย่าง มันล้าทั้งร่างกาย ไม่อยากจะทำอะไรเลยจริง ๆ “เตี้ย กูเป็นห่วง ขอร้องอย่าดื้อ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่ช้างมันชวนไปหาหมอ ที่ผ่านมาก็ชวนตลอดแล้วฉันปฏิเสธทุกรอบ “เผื่อกูหนีมึงล่ะ” ก็เลยถามเพื่อให้เขาคิดระแวงจะได้เลิกชวนฉันสักที “กูก็จะตามหามึงไปทุกที่” ช้างพลายเผยรอยยิ้มร้าย สีหน้าแสดงให้รู้ว่าเขาเหนือกว่าฉัน “ไอ้บ้า” ฉันล้มตัวลงนอนดึงผ้าขึ้นมาห่ม “อย่ามาเนียน” แล้วช้างพลายก็ดึงผ้าห่มออก จากนั้นเขาก็อุ้มฉันเข้าห้องน้ำ จัดการอาบน้ำบีบยาสีฟันแปรงฟันให้ เขาทำให้ทุกอย่างเพราะฉันขี้เกียจ ไม่อยากทำ “คนไข้มีอาการแบบนี้มานานหรือยังครับ” ฉันโดนลากมาโรงพยาบาล คุณหมอวัยกลางคนเอ่ยถาม หมอถามหลังจากที่เก็บปัสสาวะของฉันไปตรวจ ตอนนี้หมอกำลังนั่งดูผลตรวจพร้อมกับซักประวัติ “ประมาณหนึ่งอาทิตย์น่าจะได้นะคะ” “ประจำเดือนไม่มาใช่ไหมครับ” คุณหมอยังคงถาม ประจำเดือนน่ะเหรอ “มันก็นานมากแล้วนะคะ เพราะประจำเดือนของฉันมาไม่ปกติอยู่แล้ว ว่าแต่หมอ...” “เมียผมเป็นอะไรครับหมอ ทำไมถึงต้องถามแบบนี้” ช้างพูดแทรก มันจะใจร้อนไปไหน ฉันเป็นเจ้าของร่างกายยังไม่ใจร้อนเลย หึ เรียกเมียได้เต็มปากทั้งที่อีกไม่นานจะไปเป็นสามีของคนอื่น พูดแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด หมู่นี้อาการของฉันมันแปลกขึ้นทุกวัน บางวันก็อยากจะอ้อนช้างทั้งที่รู้ว่ามันทำเลวใส่ แต่บางวันก็รู้สึกโกรธเกลียดที่ต้องอยู่กับมัน ช่วงนี้เหมือนอารมณ์ของฉันจะขึ้น ๆ ลง ๆ หรือว่าฉันจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า “ใจเย็น ๆ นะครับ ภรรยาของคุณไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงครับ” คุณหมออมยิ้ม “ถ้าไม่ได้เป็นอะไร เมียผมมันจะมีอาการแปลก ๆ แบบนี้ได้ยังไงครับหมอ” ส่วนอีกคนยังคงหัวร้อน “ใจเย็นหน่อยช้าง” ถึงขั้นต้องปราม ออกนอกหน้าเกินไปแล้ว “ก็กูเป็นห่วงมึง กูบอกให้มาหาหมอตั้งนานแล้วก็ไม่มา เห็นไหมล่ะทีนี้เป็นยังไง” มันฟังฉันที่ไหนล่ะ ฉันเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ จึงตัดสินใจตวาดเสียงดัง “ไอ้ช้าง” “ใจเย็น ๆ กันนะครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน คือภรรยาของคุณแค่ท้องครับ ไม่ได้มีอะไรหนักหนาขนาดนั้น” “เออ เห็นไหมหมอบอกว่ากูไม่ได้เป็นอะไรมาก กูแค่ท้องไม่ได้เป็นอะไรมาก มึงหยุดโอเวอร์ได้แล้ว รำคาญ!” เดี๋ยวนะ ท้องเหรอ ไม่ ไม่จริง ฉันจะท้องกับสามีคนอื่นได้ไง ไม่เอาแบบนี้สิ “หมอล้อเล่นใช่ไหมคะ ฉันแค่เพลีย ฉันไม่ได้ท้องใช่ไหมคะหมอ” ฉันถามเสียงสั่น กลัวมากจริง ๆ ลูกของฉันไม่ควรเกิดกับผู้ชายที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น “หมอไม่ได้ล้อเล่นครับ เรื่องแบบนี้ล้อเล่นกันไม่ได้ครับ คุณตั้งครรภ์ได้เจ็ดสัปดาห์แล้ว ยินดีด้วยนะครับ อาการที่เป็นอยู่ช่วงนี้อาจเกิดจากอาการแพ้ท้องเหมือนคนทั่วไป ยังไงเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงให้ พักผ่อนให้มาก ๆ นะครับ” คุณหมอพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันขาวโพลน ไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรต่อ ไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเป็นแบบไหน “จากนี้มึงต้องดูแลตัวเองดี ๆ เข้าใจไหม ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ในนี้มีลูกของเรานะ” ช้างพลายดึงเข็มขัดมาคาดให้ฉันแล้วก็วางมือที่หน้าท้องเบา ๆ ฉันฝากครรภ์และทำทุกอย่างด้วยอาการที่มึนงง ตอนนี้ฉันก็นั่งอยู่ในรถด้วยอาการเดิม ฉันไม่พร้อมมีลูก แต่ไม่คิดจะทำแท้ง ถึงแม้ลูกจะเกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่เขาก็เกิดมาแล้วฉันจะเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด แม้ว่าพ่อของเขาจะไปอยู่กับคนอื่นก็ตาม เด็กที่เกิดมาไม่ได้รู้เรื่องราวที่ฉันเจอ สักวันเมื่อมีโอกาสฉันจะพาลูกหนีไปให้ไกล จะไม่ให้ลูกถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ “เตี้ยครับ ไม่คิดจะพูดกับผัวจริง ๆ เหรอ” เสียงช้างพลายดังตามหลังฉันมาหลังจากที่ฉันลงจากรถเดินเข้าบ้าน ตลอดทางฉันไม่พูดกับเขา ไม่ว่าเขาจะถามอะไรฉันก็เลือกที่จะเงียบ “...” “เตี้ย กูรู้ว่ามึงกำลังรู้สึกยังไง แต่มึงอย่าเครียดดิ เดี๋ยวลูกเครียดตาม” ไม่เครียดงั้นเหรอ ถ้าทำได้ง่ายอย่างที่เขาพูดมันก็ดี คนที่มีแต่ได้แบบเขาจะเข้าใจความรู้สึกฉันได้ยังไง คนเห็นแก่ตัว “หยุดเซ้าซี้ กูอยากอยู่คนเดียว” ตวาดเสียงดังพร้อมเหวี่ยงสายตาใส่ ก็คนไม่อยากจะคุยยังจะจู้จี้อยู่ได้ น่ารำคาญ “เฮ้อ... โอเค กูจะไม่พูด แต่กูจะอยู่ข้าง ๆ” “ไม่ต้อง กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” “แต่กูเป็นห่วง” “ถ้าห่วงกูจริงมึงควรปล่อยกูไป กลับไปหาคนที่มึงรักได้แล้ว กูอยู่ของกูได้” ไม่ได้ประชดเลย เพราะอีกไม่นานเขาก็จะแต่งงาน เขาควรไปซะที แต่แปลกที่เขาไม่เคยอออกไปไหนเลยตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจ เคยถามแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงตลอด “...กูทำไม่ได้ จบนะ” ช้างพลายตีมึนไม่สนใจในสิ่งที่ฉันพูด เขาเลือกที่จะเดินเข้าไปในครัว ฉันขี้เกียจสาวความเพราะคนอย่างเขายิ่งฉันพูดเท่าไหร่ก็เหมือนยิ่งยุเขามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นฉันควรเฉยดีที่สุด ฉันไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับการที่ฉันท้อง ไม่รู้เพราะเขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำนอกจากการดูแล แสดงท่าทางเสมือนเป็นห่วงเป็นใย หลายชั่วโมงต่อมา... “กินนมก่อนแล้วค่อยเขียนต่อ” แก้วนมยื่นมาจ่อที่ใบหน้า ฉันเลือกที่จะเพิกเฉย เนื่องจากสมองกำลังแล่นจึงไม่อยากวางมือ “เพื่อลูก” โน้ตบุ๊คถูกดึงออกไป ฉันจึงจำใจยื่นมือรับแก้วนมมาดื่ม เหตุผลที่ทำเพราะฉุกคิดคำที่เขาบอกว่า ‘เพื่อลูก’ อีกหนึ่งเหตุผลคือตัดความรำคาญ หลังจากที่ดื่มนมเสร็จ ฉันมองดูนาฬิกาที่ติดฝาผนัง เข็มนาฬิกาบอกว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว ฉันจึงเดินเข้าห้องนอน ไม่ได้สนใจหรือพูดคุยกับเขาสักคำ ซึ่งเขาก็คงจะรู้ตัวเองดีว่าควรจะเงียบปากถ้าไม่อยากจะทะเลาะกับฉัน “มึงว่าลูกของเราจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายวะ” มือใหญ่ลูบที่ท้องแบนราบของฉันพร้อมกับประโยคคำถามที่ฉันไม่อยากจะตอบ “...” ฉันจึงเลือกที่จะหลับตาเป็นวิธีบอกว่าฉันจะนอน “หลับแล้วเหรอ” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับอ้อมแขนที่กำลังโอบกอด ในอดีตเราเคยวาดฝันคุยกันถึงเรื่องมีลูก ฉันเคยบอกกับเขาว่าอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากจะเติมความรู้สึกความเป็นแม่ให้ลูกได้สัมผัส เพราะตั้งแต่ฉันเกิดมาไม่เคยได้สัมผัสอ้อมกอดและความอบอุ่นจากแม่สักครั้ง ทว่าตอนนี้ฉันไม่มีความมั่นใจสักนิดว่าลูกของฉันจะมีความสุข แม้ว่าฉันอยากจะให้เขามีสุข แต่มองดูอนาคตแล้ว ลูกของฉันคงถูกตราหน้าว่า ‘ลูกชู้’ ซึ่งมันคือความจริงที่ฉันไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้ ก็ฉันเป็นชู้จริง ๆ แต่ก่อนอาจจะเป็นชู้ไม่รู้ตัว ทว่าตอนนี้ฉันรู้ตัว เพียงแต่ยังหนีออกจากสถานะนี้ไม่ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม