ใจคอพี่เสือจะมองดูฉันถูกข่มขืนจริงๆ น่ะหรอ
ไม่…..!!! อย่าจับตรงนั้น
ฉันตะโกนแต่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ใครได้ยินเพราะฉันถูกมือรุ่นพี่อุดปากไว้อย่างแน่หนา ฉันรับรู้ได้ทันทีว่ากำลังมีคนถกกระโปรงนักเรียนของฉันขึ้นจนมองเห็นขอบกางเกงชั้นใน
“โคตรขาวเลยว่ะกุขอก่อนนะ”
เสียงรุ่นพี่หนึ่งในนั้นพูดก่อนจะเอามือน่ารังเกียจมาจับก้นฉัน พี่เขาทั้งบีบทั้งคลึงส่วนรุ่นพี่อีกคนก็เริ่มแกะกระดุมเสื้อนักเรียนของฉันออก
“อื้อออ”
ฉันพยายามดิ้นขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผลถ้าคนเดียวฉันอาจจะพอสู้ได้แต่นี่มีกันตั้งสามคนแล้วฉันจะสู้ยังไงไหว
ตอนนี้กระดุมเสื้อนักเรียนถูกแกะออกจนมองเห็นชุดชั้นในสีหวานแหววของฉันแต่ที่ทำให้ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวเป็นเพราะรุ่นพี่บ้ากามนี่กำลังล้วงมือเข้าไปในเสื้อของฉันแล้วก็จับหน้าอกฉันอยู่น่ะสิ
“เล็กไปหน่อยแต่ก็นุ่มมือดีว่ะ”
ใบหน้าของพวกรุ่นพี่ที่มองฉันดูอย่างหื่นกามสุดๆ ฉันได้แต่กรีดร้องอยู่ในลำคอน้ำตาไหลรื้นออกมาทันทีเมื่อหน้าอกลมๆ ของฉันถูกรุ่นพี่คนนึงจับเต็มฝ่ามือแต่สิ่งที่ทำให้ฉันแทบสติหลุดคือตอนที่กางเกงชั้นในของฉันกำลังจะถูกดึงลง
“พวกมึงหยุดได้แล้ว”
อยู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกผลักเข้ามา ถึงจะไม่มองเห็นหน้าแต่ฉันจำได้ว่าเป็นเสียงของพี่เสือ
“อะไรของมึงวะไอ้เสือหรือว่ามึงอยากเอาน้องมันเป็นคนแรกวะ”
เพื่อนของพี่เสือพูดพร้อมกับใช้สายตาหื่นกามจ้องหน้าอกฉันไม่เลิก
“มึงจะมาเสียเวลากับเด็กที่ยังไม่โตแบบนี้ทำไมวะสู้ไปหาของที่มันเร้าใจกว่านี้ไม่ดีกว่าหรอ”
“อย่าบอกนะว่าพี่ฟ้าที่อยู่มหาลัยดังๆ คนนั้นติดต่อมึงมาแล้ว”
“พี่เขาให้เวลากุแค่ครึ่งชั่วโมงถ้ากุไปช้าเขาจะกลับบ้านก่อน”
“เยดเข้…..ไอ้เสือแม่งเจ๋งว่ะได้ล่อสาวมหาลัยแบบนี้ขอพวกกุเอี่ยวด้วยได้ไหมวะ”
ฉันไม่รู้ว่าพี่เสือตอบไปว่าไงแต่พวกรุ่นพี่ก็ยอมหยุดทุกอย่าง
“คราวนี้พวกพี่จะปล่อยน้องไปก็ได้แต่อย่าให้พี่รู้นะว่าน้องเอาเรื่องที่รู้ที่เห็นวันนี้ไปฟ้องอาจารย์ไม่งั้นน้องจะโดนเหมือนเมื่อกี้เข้าใจไหม”
รุ่นพี่คนที่จับหน้าอกฉันก้มลงมาพูดกับฉันด้วยสีหน้าที่ดูน่ากลัวสุดๆ
หลังจากที่พวกรุ่นพี่พากันออกไปฉันก็นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่คนเดียว ตัวฉันสั่นด้วยความกลัวแต่เมื่อกี้พี่เสือช่วยฉันไว้หรือเปล่านะ
ฉันกลับมาถึงบ้านก็มืดค่ำแล้ว ฉันค่อยๆ ย่องขึ้นบันไดเพราะไม่อยากให้แม่มาเห็นสภาพในตอนนี้ของฉัน
“ข้าว”
แต่เสียงคุ้นเคยของแม่ที่เรียกฉันจากทางด้านหลังก็ทำให้ฉันตกใจจนสะดุ้ง
“ข่ะ…คะ”
ฉันตอบกระอึกกระอักโดยที่ยังไม่กล้าหันไปหาแม่
“ทำไมกลับเอาป่านนี้รู้ไหมว่าแม่กับคุณลุงเป็นห่วง”
ถึงแม่ไม่พูดฉันก็พอรู้เพราะปกติฉันถึงบ้านก่อนห้าโมงทุกวันแต่ว่าตอนนี้มันเกือบจะทุ่มนึงแล้ว
“เอ่อ….คือข้าวทำความสะอาดห้องน้ำโรงเรียนกับพวกเพื่อนๆ ค่ะเลยกลับช้า”
ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยเลือกที่จะโกหกเพราะขืนให้แม่รู้ว่าวันนี้ฉันไปเจอกับอะไรมาต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แล้วเรื่องแบบนี้ฉันก็ไม่กล้าบอกแม่ด้วย
“แล้วนี่เป็นอะไรทำไมไม่หันมาคุยกับแม่ดีๆ”
แม่เริ่มทำเสียงดุใส่ฉัน
“คือข้าวเหนื่อยนิดหน่อยน่ะค่ะเลยอยากรีบไปอาบน้ำงั้นข้าวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
พูดแล้วฉันก็รีบขึ้นไปบนห้องทันที ฉันจะให้แม่เห็นเสื้อนักเรียนหน้าด้านที่มันยับยู่ยี่ไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากที่ฉันอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยแล้วฉันก็ลงมากะว่าจะหาอะไรข้าวกินแต่ฉันก็ต้องแปลกใจที่เห็นทุกคนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร มีแม่ คุณลุงแล้วก็พี่เสือนั่งอยู่
“หนูข้าวมานั่งสิพอดีวันนี้ลุงงานยุ่งเลยกลับบ้านช้าแต่ก็พอดีเลยนะจะได้กินข้าวพร้อมหน้ากัน”
คุณลุงยิ้มให้ฉัน แม่ฉันคงจะออกไปข้างนอกด้วยตามเคยส่วนพี่เสือก็คงจะพึ่งถึงบ้านเพราะพี่เขายังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย
“เห็นมลบอกว่าหนูต้องอยู่ทำความสะอาดห้องน้ำหรอ”
คำถามของคุณลุงทำให้ฉันที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอยู่เกือบจะสำลักออกมา
“กินดีๆ หน่อยสิข้าว”
ไม่วายที่แม่จะดุเพราะปกติฉันไม่ใช่คนซุ่มซ่าม
“ค่ะ”
ฉันพยักหน้ารับคุณลุง
“ไม่ได้การแล้วให้เด็กอยู่กันมืดค่ำแบบนี้ได้ยังไงสงสัยผมต้องไปคุยกับ ผอ.โรงเรียนสักหน่อย”
“อย่านะคะ”
ฉันรีบห้ามคุณลุงทันที ขืนคุณลุงไปพูดเรื่องนี้กับ ผอ.ทุกคนก็ก็รู้น่ะสิว่าที่ฉันกลับบ้านช้าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องล้างห้องน้ำอย่างเดียว
“ทำไมล่ะแม่ว่าให้คุณลุงไปช่วยพูดก็ดีเหมือนกันโรงเรียนไม่ควรให้เด็กอยู่จนมืดค่ำขนาดนี้นะ”
แม่ฉันรีบพูดเสริม
“หรือว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ถ้าหนูข้าวมีอะไรก็บอกลุงได้เลยนะเดี๋ยวลุงจัดการให้”
ทันทีที่คุณลุงพูดจบพี่เสือก็มองมาที่ฉันสายตาของพี่เสือเหมือนกำลังข่มขู่ไม่ให้ฉันบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ
“เอ่อ….คือว่า…...”
“ว่าไงข้าวมัวอ้ำอึ้งอยู่ได้มีอะไรก็พูดมาสิ”
แม่หันมาพูดกับฉันด้วยความเป็นห่วง
“คือว่า…..ความจริง…..อาจารย์ใช้ให้ข้าวทำวความสะอาดห้องน้ำตั้งแต่โรงเรียนยังไม่เลิกค่ะแต่ข้าวมัวแต่ทำงานส่งอยู่เลยไปทำความสะอาดห้องน้ำช้าแล้วข้าวก็นั่งรถเมล์ผิดสายด้วยค่ะ”
ฉันก้มหน้าอธิบาย บอกตามตรงว่าคนที่ฉันกลัวที่สุดตอนนี้ไม่ใช่แม่หรือคุณลุงแต่เป็นพี่เสือต่างหาก
“เอาล่ะต่อไปก็บริหารจัดการเวลาให้มันดีๆ หน่อยแม่กับคุณลุงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
แม่ลูบผมฉัน
“ค่ะ”
ฉันพยักหน้ารับก่อนจะลงมือกินข้าวต่อ
“คราวหลังถ้าต้องกลับเย็นก็บอกให้พี่เขารอนะส่วนเราก็หัดรอน้องหน่อยสิ”
พอพูดกับฉันเสร็จคุณลุงก็หันไปพูดกับพี่เสือต่อแต่พี่เขากลับนั่งกินข้าวเฉยเหมือนทุกคนในนี้เป็นอากาศธาตุ
หลังจากทานข้าวอิ่มฉันก็รีบขึ้นมาบนห้องเพราะมีการบ้านที่ต้องทำแต่ในตอนที่ฉันกำลังจะผ่านห้องพี่เสือฉันก็ถูกฉุดแขนเข้าไปในนั้น
“ตอนนั้นเธอคิดจะบอกเรื่องวันนี้กับพ่อฉันใช่ไหม”
พี่เสือจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง
“เปล่านะคะข้าวไม่กล้าพูดหรอก”
ฉันก้มหน้าตอบเพราะไม่กล้ามองหน้าพี่เขา
“ก็ดี”
“ก็ดี…..หรอคะ”
ฉันทวนคำพูดของพี่เสือด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย เรื่องที่รุ่นพี่พวกนั้นทำกับฉันฉันไม่ควรจะบอกใครแม้แต่แม่ของฉันหรอ ฉันรู้ว่าพี่เขาไม่ชอบขี้หน้าฉันรังเกียจที่ฉันมาอาศัยอยู่ที่นี่แต่ถึงยังไงพี่เสือก็ไม่น่าจะใจร้ายกับฉันถึงขนาดนี้
ตอนนี้ฉันไม่สงสัยแล้วว่าตอนนั้นพี่เสือตั้งใจช่วยฉันไว้หรือมีเป้าหมายอื่นเพราะทั้งคำพูดและแววตาของพี่เสือมันก็ฟ้องอยู่ทนโท่แล้วว่าพี่เขาไม่ได้เป็นห่วงฉันเลยสักนิด
“ทำไม…..ฉันควรจะสงสารเธอหรอหรือเธอคิดว่าฉันช่วยเธอ หึ…..ฉันขอบอกไว้เลยนะว่าที่ฉันชวนเพื่อนฉันออกไปตอนนั้นฉันไม่ได้ช่วยเธอเพราะสำหรับฉันเธอจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
น้ำตาฉันหยดแหมะลงอาบสองแก้มเมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายปรากฎบนใบหน้าเย็นชาของพี่เสือ ต่อให้ฉันจะถูกรุ่นพี่พวกนั้นขืนใจจริงๆ พี่เสือก็คงจะแค่ยืนมองความน่าสมเพสของฉันสินะ
“ออกไปได้แล้ว”
พี่เสือผลักฉันออกมาจากห้องโดยที่ไม่กลัวว่าฉันจะเจ็บก่อนที่พี่เขาจะปิดประตูใส่หน้าฉันเสียงดัง
ตั้งแต่ฉันกับแม่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านคุณลุงก็เป็นเวลาสองเดือนแล้วฉันเริ่มคุ้นชินกับอะไรใหม่ๆ ของที่นี่ เวลาจะนั่งรถเมล์ไปไหนมาไหนเดี๋ยวนี้ฉันขึ้นลงถูกป้ายแล้วนะ สังคมใหม่ๆ ที่โรงเรียนฉันก็ปรับตัวได้บ้างแล้วฉันเริ่มรู้จักเพื่อนเยอะขึ้นแต่มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่ฉันยังไม่ชินสักทีนั่นก็คือสายตาเย็นชาที่พี่เสือมองฉัน สายตาที่ทำเหมือนฉันเป็นตัวประหลาด
“ที่โรงเรียนเป็นไงบ้างหนูข้าวมีปัญหาอะไรไหม”
คุณลุงถามฉันระหว่างที่นั่งทานข้าว
“ก็ดีค่ะไม่มีปัญหาอะไร”
ฉันตอบคุณลุงก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต่อ แม่นั่งอยู่ข้างคุณลุงส่วนฉันนั่งวตรงข้ามกับแม่และคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันก็คือพี่เสือเพราะแบบนี้แหละฉันถึงไม่กล้าพูดอะไร
“ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่เขานะ”
คุณลุงมองไปที่พี่เสือที่เอาแต่นั่งกินข้าวไม่สนใจจะคุยกับใคร ขนาดอยู่บ้านหลังเดียวด้วยกันฉันยังได้ยินเสียงพี่เสือแทบนับครั้งได้
“ค่ะ”
ฉันพยักหน้ารับ
“ยังไงน้าก็ฝากให้เสือช่วยดูแลน้องด้วยนะ”
ครืดดด!!!
“ผมอิ่มแล้วครับ”
อยู่ๆ พี่เสือก็ลุกขึ้นแถมยังเลื่อนเก้าอี้เสียงดังโดยที่พี่เสือไม่เคยคิดจะพูดกับแม่ฉันเลย
“ไอ้ลูกคนนี้นิ ผมต้องฃอโทษแทนเสือมันด้วยนะมลผมเลี้ยงลูกไม่ดีเอง”
คุณลุงหันไปพูดกับแม่ฉันคงเพราะพี่เสือไม่เคยจะให้เกียรติแม่ฉันอย่าว่าแต่คุยดีๆ เลยแค่ให้พี่เสือมองหน้าแม่ฉันยังยาก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะมลต่างหากที่ไปจู้จี้กับลูกชายคุณเกินไปมลผิดเองค่ะ” แม่ก้มหน้าลงเหมือนรู้สึกแย่มากๆ
“ข้าวไปเรียนก่อนนะคะ” ฉั
นยกมือไหว้แม่กับคุณลุงก่อนจะรีบวิ่งตามพี่เสือออกไป
“พี่เสือรอข้าวด้วยค่ะ”
ฉันตะโกนตามหลังพี่เสือไปจนตามทัน คนบ้าอะไรอยู่แค่ม .6แต่สูงอย่างกับเสาไฟฟ้าดูเอาเหอะในขณะที่ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งแต่คนขายาวกลับเดินชิวมาก
“มีอะไร”
เป็นน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เหมือนทุกครั้งที่อ้าปากพูดกับฉันแต่ฉันก็ยังอยากคุยกับพี่เขาอยู่ดี ฉันยังเชื่อว่าความจริงใจของฉันกับแม่จะชนะใจพี่เสือได้ในสักวัน
“พี่เสือได้ลงแข่งบาสไหมคะ”
ฉันไปหยุดยืนตรงหน้าของพี่เสือก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเพราะพี่เขาตัวสูงกว่าฉันมาก วันมะรืนนี้ที่โรงเรียนมีงานกีฬาสีแล้วฉันได้ยินว่ารุ่นพี่ ม.6จะลงแข่งกันหลายคนฉันเลยถามดูเพราะเคยเห็นพี่เสือเล่นบาสที่โรงเรียนหลายครั้งอีกอย่างพี่เสือก็อยู่สีเดียวกับฉันด้วย
"ฉันจะลงแข่งหรือไม่ลงแข่งเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย"
พี่เสือพูดกับฉันอย่างกับจะท้าฉันต่อยทำให้ความกล้าที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้ลดหายไปกว่าครึ่งแต่ฉันก็ยังใจสู้ยิ้มให้พี่เขา
"เกี่ยวสิคะคือว่าข้าวเป็นเชียร์หลีดเดอร์ค่ะ"
ฉันยัดความกลัวกลับลงไปแล้วพูดด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร ถึงฉันจะเป็นคนเล่นกีฬาอะไรก็ไม่เก่งแต่ฉันถนัดพวกเต้นแร้งเต้นกางานกีฬาสีครั้งนี้ฉันเลยลงสมัครเป็นกองเชียร์แทน
“แล้วยังไง”
เจ้าของใบหน้าเย็นชาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ต่างจากใบหน้าหล่อๆ นั่น
“ก็ถ้าพี่เสือลงแข่งข้าวจะได้รอเชียร์พี่เสืออยู่ข้างสนามไงคะ”
ฉันยืนยิ้มให้พี่เสือและเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากข้างใน
“ไม่จำเป็น อย่ามาทำตัวสนิทกับฉันแล้วตอนที่อยู่โรงเรียนก็ห้ามบอกคนอื่นว่าเธออยู่บ้านฉัน เข้าใจไหม”
พี่เสือจ้องหน้าฉันเหมือนอยากจะกินหัวฉันเข้าไป
“ทำไมล่ะคะ”
ฉันถามด้วยความไม่เข้าใจ แค่อยู่บ้านด้วยกันเพราะเหตุผลของผู้ใหญ่ทำไมจะต้องปกปิดไม่ให้คนอื่นด้วยล่ะ
"ก็เพราะว่าเธอมันน่ารังเกียจไง"
พูดจบพี่เสือก็เดินผ่านฉันไปแต่จริงๆ พี่เสือแทบจะชนไหล่ฉันออกไปด้วยซ้ำ
ตอนนี้ฉันกับพี่เสืออยู่บนรถเมล์สายที่ฉันนั่งคนแน่นทุกวันบางวันฉันต้องยืนจนถึงป้ายที่จะลงวันนี้ก็เหมือนกันคนเยอะชนิดที่ต้องยืนเบียดกันเหมือนปลากระป๋อง
“ชิดในหน่อยจ้าชิดในหน่อย”
เสียงของป้ากระเป๋ารถเมล์ดังมาจากด้านหน้ารถ ไม่รู้ว่าจะให้ชิดในไปไหนที่ยืนอยู่ตอนนี้ก็แทบจะเหยียบเท้ากันอยู่แล้ว
เอี๊ยดดด!!!
พูดยังไม่ทันขาดคำอยู่ๆ คุณลุงโชว์เฟอร์ก็เหยียบเบรกกระทันหันทำให้ทุกคนพากันเสียหลักก่อนที่ลุงแกจะทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนขับปาดซ้ายปาดขวาคันอื่นอย่างกับหนังเรื่องฟาสแปดแน่ะ“ว๊ายยย!”
พี่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างฉันร้องขึ้นด้วยความตกใจเพราะจังหวะที่รถเบรคทำให้พี่เขาถลาจนเกือบจะล้มหัวขมำส่วนฉันก็เกือบไปเหมือนกันแต่โชคดีที่มีตัวพี่เสือรับไว้ไม่อย่างนั้นป่านนี้ฉันคงล้มหน้าฟาดไปกับเบาะนั่งแล้ว
ฉันพึ่งรู้ว่าเด็กผู้ชายมอปลายหน้าอกกว้างมากแถมยังดูแข็งแรงอีกก็ตอนที่ใบหน้าของฉันซบอยู่ที่หน้าอกของพี่เสือจังๆ เพราะลีลาการขับรถของลุงโชว์เฟอร์
“ออกไปยืนห่างๆ ก่อนที่ฉันจะผลักเธอกระเด็นออกไป”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่มาพร้อมกับสายตารังเกียจฉันทำให้ฉันต้องออกมาจากความคิดเหลวไหลทันที นี่ถ้าพี่เสือพกแอลกอฮอล์มาด้วยคงจะเอาฉีดพ่นตรงที่โดนตัวฉันไปแล้วล่ะ
-----------------------------------
โอ๊ยยย อิพี่เสือจะใจร้ายกับหนูข้าวไปไหนนนน