ตอนที่ 1 สลับร่าง
"หวงกุ้ยเฟยเพคะ หวงกุ้ยเฟย"
ร่างไร้วิญญาณที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำถูกนำขึ้นมาจากสระ ใบหน้าขาวซีดไร้สีสันตอนนี้นอนแน่นิ่ง ร่างกายบอบบางไร้เรี่ยวแรงได้แต่โอนเอนไปตามแรงอย่างไร้ทิศทาง บ่าวรับใช้ในตำหนักกรูเข้ามารุมล้อมรอบร่างของเธอหากแต่ไร้วี่แววของผู้เป็นสามี
แสงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าแล้วความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง แสงสีส้มที่เคยสว่างเจิดจ้ากำลังจะถูกกลืนหายไปทีละน้อยๆ ฝูงนกน้อยใหญ่ต่างเร่งกำลังโบยบินกลับสู่รวงรังอีกครั้ง นกบางตัวส่งเสียงร้องเรียกคู่ครองให้หวนคืนประสานกับเสียงร้องไห้ของนางกำนัลเกิดทำนองโหยหวนชวนน่าขนลุก
......................
18.00 น. ไร่ข้าวโพด
"เทพสายฟ้าหนึ่ง ได้ยินแล้วตอบด้วย"
"เทพสายฟ้าหนึ่งได้ยินแล้ว" เสียงตงฟางหรงตอบรับ
"ให้บุกเข้าไปเลยไหมครับผู้กอง" เสียงผู้หมวดคนสนิทของตงฟางหรงเอ่ยถามขึ้น
"ยังก่อน ท้องฟ้าเริ่มมืดปฏิบัติการค่อนข้างลำบาก วิสัยทัศน์ไม่ค่อยดี เราต้องวางแผนให้รัดกุม"
ไร่ข้าวโพดที่มีต้นข้าวโพดเรียงรายอย่างหนาแน่น ประกอบกับท้องฟ้าเริ่มมืด ผู้ก่อการร้ายไม่ทราบจำนวนแน่ชัดพร้อมอาวุธสงครามครบมือหลบหนีการจับกุม ตอนนี้ซุกซ่อนภายในไร่ทำให้ยากจะจับกุม เป็นหน้าที่ของหน่วยรบพิเศษเทพสายฟ้าต้องออกโรง
ตงฟางหรงหญิงสาวหน้าตาสะสวย ดวงตากลมโตหางตาเฉี่ยว จมูกเล็กเรียวรับกับรูปหน้า ปากบางอมชมพู แม้ไร้การแต่งแต้มสีสันแต่คงความสวยอย่างธรรมชาติ รูปร่างของหญิงสาวค่อนข้างเล็กออกไปทางบอบบางหากแต่ได้รับการฝึกฝนจิตใจและพละกำลังมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอแข็งแกร่งไม่แพ้ชายชาตรี ในฐานะหัวหน้าหน่วยเธอได้รับมอบหมายให้นำทีมปฏิบัติการจับกุมผู้ก่อการร้าย
"รอฟังสัญญาณ เราจะเข้าชาร์จพร้อมกัน" เธอเอ่ยกับเพื่อนร่วมทีม
"ทุกหน่วยรอฟังสัญญาณ" เสียงผู้หมวดทวนคำสั่งตงฟางหรงอีกครั้ง
แสงสลัวของเวลาโพล้เพล้รอดผ่านก้อนเมฆมาเป็นระยะชวนน่าพิศวง สายลมพัดเย็นพัดโชยเข้ามาสู่พื้นกว้างดังอื้ออึงในอากาศ เสียงต้นข้าวโพดเสียดสีกันดังซ่า..ซ่าเป็นจังหวะ ไร่ข้าวโพดแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่เกินกว่าจะมองเห็นได้ทุกส่วน หญิงสาวในชุดลายพรางพร้อมทหารอีกหลายนายค่อยๆ คืบคลานในท้องทุ่ง ต้นข้าวโพดสูงท่วมหัวค่อยๆ เสียดสีไหวติงเป็นจังหวะเดียวกันกับสายลม
ปัง..ปัง..ปัง..เสียงปืนดังรัวทางด้านซ้ายของทุ่งกว้าง
"ขอกำลังเสริม ขอกำลังเสริม"
"กำลังไปๆ" ตงฟางหรงตอบรับผ่านเครื่องมือสื่อสารไร้สายที่ติดบนเสื้อ
"ผู้ก่อการร้ายแสดงตัวสองรายพร้อมอาวุธหนัก โปรดระวัง" เสียงปลายสายเครื่องส่งสัญญาณแจ้งเตือนถึงเหตุร้ายก่อนจะเงียบหายไป
"เทพสายฟ้าหนึ่งทราบแล้วเปลี่ยน"
"เทพสายฟ้าสองรายงานสถานการณ์ด้วย" เสียงตงฟางหรงพูดผ่านเครื่องส่งสัญญาณอีกครั้ง
"ตอนนี้มีทหารบาดเจ็บหนึ่งนาย" เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างร้อนรน น้ำเสียงฟังดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"ทราบแล้วกำลังเสริมใกล้ถึงแล้ว"
ปัง..ปัง..ปัง..เสียงยิงรัวสกัดกั้นเส้นทางของตงฟางหรง ตอนนี้ทั้งสองฝั่งปะทะกันอย่างดุเดือด ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เป็นอีกครั้งที่ความเงียบเข้าครอบงำ มีเพียงเสียงของต้นข้าวโพดที่เสียดสีกันจากทั่วทิศทางเท่านั้นที่ยังคงดังสะท้อน
หญิงสาวเพิ่มการมองเห็นด้วยแว่นอินฟาเรด เธอตระหนักไว้เสมอทุกย่างก้าวคือความตายหากพลาดแค่นิดเดียวไม่มีโอกาสได้แก้ตัว ในความมืดสายตาของตงฟางหรงก็พบกับบางอย่างที่กำเล็งมาทางนี้
"ผู้หมวด ระวัง" ตงฟางหรงตะโกนบอกเพื่อนร่วมทีม หากแต่เหมือนจะช้าเกินไป หญิงสาวผลักผู้หมวดคนสนิทออก มือสองข้างกำแน่นอยู่ที่ปืน
ปัง..ปัง..ปัง..ร่างผู้ก่อการร้ายทรุดตัวนอนแน่นิ่งอยู่ในความมืด
เสียงโลหะกระทบพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้ ร่างหญิงสาวกระเด็นตามแรงร่วงลงบนพื้นดินที่แห้งหนาวเหน็บ ต้นข้าวโพดที่อ่อนโอนลู่ลมตอนนี้หักล้มเป็นวงกว้าง เลือดสีแดงเข้มค่อยๆ ไหลออกมาจากร่างกายของหญิงสาวจนเปรอะเปื้อนคละคลุ้ง
"ผู้กอง ผู้กองทำใจดีๆ ไว้ //ขอกำลังเสริมๆ ขอรถพยาบาลด่วน" เสียงร้อนรนของหนานเซียวพูดผ่านเครื่องมือสื่อสารไร้สาย
"ตงฟางหรง ตื่นซิทำใจดีๆ ไว้ ลืมตาซิ ลืมตา"
ร่างของตงฟางหรงนอนนิ่งสนิทไร้สัญญาณตอบรับใดๆ ใบหน้าขาวเมื่อต้องแสงจันทร์ตอนนี้เริ่มซีดจาง ปากกระจับที่เคยอมชมพูเริ่มหายกับสายลม ผมยาวที่เคยมีหมวกสวมทับตอนนี้ปลิวไสวไปมาเมื่อต้องลม
..........
"ฮือๆ หวงกุ้ยเฟยเพคะ หวงกุ้ยเฟย" สาวใช้คนสนิทร้องไห้ครวญครางอยู่ข้างๆ ร่างของหญิงสูงศักดิ์ผู้เป็นนายไม่ห่างไปไหน
แม้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้จะเป็นเมียของฮ่องเต้ก็จริง หากแต่นางไม่เคยได้รับความรักความสงสารใดๆ จากฮ่องเต้เลย ทุกๆ วันนางเฝ้าแต่คอยไล่ตามปรนนิบัติพัดวีฮ่องเต้ หากแต่คนที่ฮ่องเต้สนใจกลับเป็นพระนางกุ้ยเฟยผิงเอ๋อเท่านั้น (คำอธิบาย : กุ้ยเฟยตำแหน่งพระภรรยาในองค์จักรพรรดิมีแต่งตั้งได้สองคนเป็นรองหวงกุ้ยเฟ่ย) ชีวิตของนางช่างผ่านไปอย่างยากลำบากและน่าสมเพช การได้รักแต่ไม่ได้รับความรักตอบช่างดูโหดร้าย แม้จะเข้ามาอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้เป็นเวลาหลายปีแล้วนางกลับไม่เคยมีโอกาสได้ร่วมหอกับฝ่าบาทเลย หากไม่เป็นเพราะว่าความดีความชอบของครอบครัวนางที่ทำให้กับราชวงศ์ จนฮ่องเต้องค์ก่อนประทานสมรสให้ นางคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้มองหน้าฮ่องเต้ด้วยซ้ำ
........
"ตงฟางหรง ตื่นได้แล้วลูก" ภาพหญิงสาววัยกลางคนผุดขึ้นจากมโนจิตของเธอ แม้จะรู้ว่านี่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงแต่ตงฟางหรงก็มีความสุขทุกครั้ง
"แม่"
"รีบตื่นเร็ว ลุกขึ้นมาซิลูก" เสียงรบเร้าให้ตงฟางหรงลืมตาตื่น
"หนูยังง่วงอยู่เลย ขอนอนอีกนิดได้ไหม"
''ตื่นเถอะลูก ลูกต้องตื่นแล้ว"
"แม่ แม่" ภาพหญิงสาววัยกลางคนเลือนหายไปในสายหมอก ตงฟางหรงสะดุ้งตื่นจากหลับฝันในห้วงนิทรา
"หวงกุ้ยเฟยเพคะ ฮือๆ" เสียงสาวใช้ยังคงร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างๆ ไม่ห่างไปไหน
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาภายในห้อง ลอดผ่านม่านบางเบาที่ปลิวไหวเพราะสายลมนำพาแสงแดดปะทะหน้าของตงฟางหรงเป็นระยะ
(ใครมาร้องไห้แถวนี้เนี่ย?..ยังไม่หยุดร้องอีก..โอ๊ยนอนไม่หลับ)
"หนวกหู ขอนอนต่อได้ไหม" เสียงตงฟางหรงตะโกนออกมาอย่างขัดใจ
กรี๊ด.....เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของสาวรับใช้ที่ดังอยู่ข้างๆ เตียง
ตงฟางหรงดีดตัวลุกขึ้นอย่างตกใจ หญิงสาวลืมตาเบิกกว้างเธอแปลกใจกับสิ่งที่เธอเห็น ทุกอย่างดูแปลกไปหมด เธอทำหน้าสงสัยกับสิ่งรอบข้างที่เห็น (ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย หรือที่นี่จะเป็นโรงพยาบาล ว่าแต่เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลตกแต่แบบนี้แล้วหรือ) เธอค่อยๆ มองสำรวจภายในห้องอย่างพินิจแต่ก็ต้องตกใจเมื่อสายตามาหยุดอยู่ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่ใกล้ๆ
"เธอเป็นใคร" ตงฟางหรงเอ่ยถามหญิงแปลกหน้าอย่างสงสัย
(แปลกเกินไปแล้วทำไมพยาบาลแต่งตัวแบบนี้ล่ะ) สายตาของเธอมองสำรวจหญิงแปลกหน้าอีกครั้งพลางก้มสำรวจตัวเองที่ตอนนี้ก็อยู่ในชุดแปลกๆ ไม่แพ้กัน
"ฉะ ฉันอยู่ที่ไหน" ดวงตาของตงฟางหรงเบิกโพรงด้วยความตกใจ
"แล้วฉันเป็นใคร"