“ผมยินดีครับ คุณเป็นครู งานหนักและเหนื่อยเป็นธรรมดาครับ ผมเข้าใจ”
“คุณธีพูดเหมือนเคยเป็นครูมาก่อนเลยค่ะ” เธอถามอย่างแปลกใจ
“แม่ผมเป็นครูครับ เลยเข้าใจ แม่ทุ่มกับการสอนเด็กนักเรียนมาก ๆ แม่เคยบอกว่านอกจากสอนวิชาความรู้แล้ว ยังต้องสอนคุณธรรมและจริยธรรมด้วย”
“แม่คุณธีเป็นครูที่ดีมากๆ เลยนะคะ” เขายิ้มเมื่อยามเธอเอ่ยถึงมารดา ความทรงจำวัยเด็กมากมายทำให้เขาอยากทำงานช่วยเหลือสังคมเหมือนมารดา
อาหารเย็นในวันนั้นสร้างความสุขให้เธอเป็นอันมาก เธออมยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“คุณนกครับ”
“คะ” เธอเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของเขา ในขณะที่นั่งมองพระจันทร์ด้วยกัน
“เราก็รู้จักกันมาสักระยะแล้ว คุณนกจะรังเกียจไหมครับ หากผมจะขอไปกราบคุณแม่ของคุณนกในวันหยุดที่จะถึงนี้”
“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ” กมลชนกพูดยิ้ม ๆ เป็นการเปิดทางให้เขา
“ผมอยากดูแลคุณนกให้มากกว่า เลยอยากจะไปฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่ของคุณนกน่ะครับ” เขาจับมือของเธอไปกุมเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตเบาๆ อย่างน่ารัก
ประโยคนั้นของเขาและการกระทำนั้นก็ทำให้เธอถึงกับเขินอายหน้าแดงขึ้นมาในทันที
หอยกับหนูนาถึงกับยิ้มตามอย่างมีความสุข และในวันหยุดสุดสัปดาห์นั้น เธอก็ได้พาเขากลับบ้านไปเจอกับมารดา
การไปมาหาสู่บ้านของเธอกับบ้านของเขา ผู้ใหญ่รับรู้ไม่นานงานแต่งงานเล็ก ๆ อบอุ่นก็เกิดขึ้น
หอยกับหนูนาร่วมยินดีกับคนทั้งคู่ ก่อนที่ทั้งสองจะไปเกิดได้เป็นผลสำเร็จ
บรรดาแม่ ๆ ก็ร่วมยินดีด้วยที่แผนการทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่คนไหนก็อยากเห็นลูกมีคู่ครองที่ดี มีลูกเต้าที่ดี
ชาตินี้ไม่ได้เคียงคู่ ขอชาติหน้าเราได้เคียงคู่กันชั่วนิรันดร์....
...จบ...
สาวน้อยพรหมจรรย์ เล่ม 2
“ต้องใส่ชุดนี้จริงๆ เหรอจ๊ะน้ารดา” พิมพ์อรเอ่ยถามขณะยกชุดซีทรูเนื้อบางเบาขึ้นมาดูด้วยใบหน้าแดงก่ำ มันโป๊จนเธอต้องเบือนหน้าหนี อย่าคิดว่าจะใส่เลย แค่จับอยากไม่อยากจับ
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ใส่ชุดนี้จะให้ใส่ชุดไหนล่ะจ๊ะ งานแบบนี้ก็ต้องยั่วยวนผู้ชายนิดนึง” รดาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจในคราแรก ก่อนจะปรับโทนเสียงให้อ่อนหวานขึ้น เพราะลูกเลี้ยงสาวในเวลานี้คือตัวเงินตัวทองของนาง จะพูดจากระโชกโฮกฮากจิกด่าไม่ได้
เธอยึดคติที่ว่าน้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย...
“แต่หนูคิดว่ามันโป๊ไปน่ะค่ะน้ารดา” พิมพ์อรเอ่ยกับมารดาเลี้ยงเพราะไม่อยากสวมใส่ชุดนั้นและงานที่มารดาเลี้ยงจะให้ไปทำเธอก็ไม่อยากทำด้วย
“พ่อของเราน่ะไม่สบาย นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่แบบนี้ เราเองก็ไม่มีเงินเลย ทั้งเงินจะรักษาพ่อ ทั้งเงินจะเรียนต่อ ถ้าไม่ทำงานแบบนี้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมารักษาพ่อ แล้วก็มาเรียนต่อล่ะ” เหตุผลของมารดาเลี้ยงทำให้พิมพ์อรต้องกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างครุ่นคิด
“น้ารดาคะ พิมพ์ตัดสินใจที่จะทำงานนี้ก็ได้ค่ะ แต่ขอแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะคะ” เธอพูดกับมารดาเลี้ยงอย่างตัดสินใจ เพราะเช่นไรชีวิตของบิดาและการศึกษาของเธอก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
มารดาเลี้ยงของเธอบอกว่าแค่มาดูแลเอาใจลูกค้า พูดคุยด้วย เอาอกเอาใจไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงินเรือนแสน แถมท่านยังบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย เธอจึงตอบตกลง เงินแสนนั้นมันสามารถใช้จ่ายในการเข้าเรียนต่อและเป็นเงินรักษาบิดาได้ พิมพ์อรคิดว่าพอได้เข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้ว เธอค่อยหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียน หรือรับจ้างพิมพ์งาน ทำรายงาน หรืองานอื่น ๆ ที่พอหาทำได้
รดาถึงกับอมยิ้มอย่างมาดร้ายเมื่อได้ยินประโยคของลูกเลี้ยงสาว
พิมพ์อรนั้นเป็นคนสวย แถมยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถ้านางขายพิมพ์อรให้เศรษฐีรวย ๆ สักคนได้ ก็จะได้เงินก้อนใหญ่ เรื่องค่ารักษาพยาบาลชัยยันต์ บิดาของพิมพ์อรนั้นนางไม่ได้สนใจเลยสักนิด ถ้าได้เงินก้อนใหญ่นางคิดว่าจะหอบเงินหนีไปพร้อมกับเงินอีกก้อนใหญ่ที่โกงได้จากบริษัทของชัยยันต์ ที่เธอร่วมมือกับชู้รักอย่างตรีทศ ไปเสวยสุขด้วยกันที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีใครรู้จัก แล้วก็ปล่อยให้ชัยยันต์ตายคาเตียง นังลูกเลี้ยงหน้าโง่ก็เป็นเมียเก็บของเศรษฐีต่อไป
จริง ๆ แล้ว พิมพ์อรต้องขอบคุณเธอเสียด้วยซ้ำ ถ้าลูกเลี้ยงของเธอเอาอกเอาใจลูกค้าหนุ่มคนนี้ได้ดี จนมัดใจเขาได้ เขาก็อาจจะเลี้ยงดูอย่างดีไปตลอดชีวิต ไม่ต้องเรียนหนังสือหรือทำงานให้เหนื่อยหนักอะไร ก็แค่นอนแบให้ผู้ชาย เอาอกเอาใจหน่อยขี้คร้านผู้ชายก็จะประเคนให้ทุกอย่าง รดาคิดว่านางหวังดีต่อพิมพ์อรที่สุดแล้ว
นางคิดว่าเช่นไรชัยยันต์ก็คงไม่มีทางฟื้นอีกแล้ว คงต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ป่วยติดเตียงไม่สามารถที่จะกลับไปเดินได้อีก ในขณะที่พิมพ์อรหากต้องเรียนต่อจนจบปริญญาตรี ต้องใช้เวลาถึงสี่ปี ใครจะไปส่งเสียให้เล่าเรียนกันล่ะ เธอไม่รับภาระคนพิการกับส่งลูกติดให้เรียนหรอกนะ ถ้าเป็นลูกของตัวเองก็ว่าไป นี่ไม่ใช่ลูกของตัวเสียหน่อย
แถมผัวก็ยังมาพิกลพิการนอนป่วยอยู่บนเตียงเช่นนี้อีก ใครอยากจะรับภาระก็รับไป แต่เธอขอถอยดีกว่า ชีวิตของเธอมีความสุขรอคอยกับคนที่รักอยู่ แล้วทำไมเธอจะต้องเลือกความทุกข์ด้วย
พิมพ์อรจำต้องใส่เสื้อผ้าที่มารดาเลี้ยงอย่างรดาหามาให้ แม้จะไม่ค่อยชอบเท่าใดนัก แต่เธอก็คิดว่าแค่ไปกินข้าวกับลูกค้าแล้วก็ได้เงินแค่นี้ก็คงไม่เสียหายอะไรมากนัก หลายคนก็ทำงานนี้ได้เงินดีเยอะแยะ เธอเคยได้ยิน
โดนมารดาเลี้ยงพูดเป่าหูทุกวัน เด็กสาวก็เอนเอียงตามไปด้วย เพราะเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็อยากทำงานสบายได้เงินดี ๆ แบบนี้กันแทบทั้งสิ้น
พิมพ์อรตามมารดาเลี้ยงไปบ้านหลังใหญ่หรูหราหลังหนึ่ง ซึ่งเธอก็ได้แต่นั่งบีบมือไปตลอดเส้นทางที่นั่งรถแท็กซี่ไปกับท่าน
เด็กสาวมองออกไปนอกรถ ถอนใจอย่างหนักหน่วง บางทีชีวิตคนเราก็เลือกอะไรไม่ได้ เหมือนเธอในเวลานี้ที่เลือกอะไรไม่ได้เลย สิ่งเดียวที่เลือกได้คือ เลือกที่จะทำทุกอย่างให้ได้เงินมารักษาบิดาและเป็นทุนการศึกษาในการเรียนต่อ
เธอคิดว่าในโลกใบนี้อาจจะมีเด็กผู้หญิงแบบเธออยู่ พวกหล่อนคงต้องทำงานแบบนี้เพื่อให้ชีวิตอยู่รอด ยุคสมัยนี้การทำงานแบบนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกเสียหายอะไรเสียด้วยซ้ำ เหมือนสาวไซด์ไลน์หลายคนที่ทำงานไปเรียนไป เรียนจบแล้วได้ดิบได้ดีก็มากมาย
สิ่งที่เด็กสาวคิดและประโยคที่วนเวียนอยู่ในหัวพวกนี้แท้ที่จริงแล้ว พิมพ์อรได้รับมาจากมารดาเลี้ยง รดาพูดเป่าหูทุกวันว่าเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ทำงานแบบนี้กันแทบทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเลย คนที่ไม่รู้จักทำงานหาเงินต่างหากที่ไม่ฉลาด ไม่รู้จักเอาตัวรอดในสังคมที่ต้องดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ ข้าวยากหมากแพงและมีวิกฤติโรคระบาด
พิมพ์อรได้แต่นั่งมือเย็นเฉียบอยู่ตรงโซฟาราคาแพงในห้องรับแขกอันโอ่อ่า ไม่น่าเหลือว่ามารดาเลี้ยงจะพาเธอมาทิ้งเอาไว้ที่บ้านหลังหนึ่งแล้วจากไปแบบไม่ร่ำลา
เธอได้เจอกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งถูกแนะนำตัวเองว่าเป็นเจ้าของบ้าน
เขามีรูปร่างสูงเพรียวแข็งแรง หน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวจัด ริมฝีปากนั้นหยักเป็นคันศร คิ้วเข้มพาดเฉียง ผมของเขาสีดำสนิท ดกหนายาวประบ่า ดวงตาของเขามันเต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือร้าย
พิมพ์อรได้สบตากับเขาแล้วเกิดอาการตกประหม่า ก้มหน้าก้มตาด้วยความขัดเขินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอได้แต่นั่งตัวแข็งค้างเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีมารดาเลี้ยงแค่บอกว่าให้เธอนั้นมาดูแลลูกค้าคนสำคัญ คล้ายงานเอ็นเตอร์เท็น รินเครื่องดื่ม ป้อนอาหาร นั่งคุยเป็นเพื่อนแขก แต่ไม่มีการร่วมรักหรือมีเพศสัมพันธ์กัน เพราะเธอไม่ได้ขายตัว