เขานั่งลงที่โซฟาราคาแพง ในขณะที่หันมามองเธอในวางตา เธอบีบมือเข้าหากัน ขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด ทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย
“ชื่ออะไร” พันภพเอ่ยถามเด็กสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้แท้ที่จริงแล้วเขาจะรู้ชื่อแส้แลรู้จักเธอมาก่อนแล้ว แต่เขาก็เหมือนกับต้องการชวนเธอคุย
“หนูชื่อพิมพ์อรค่ะ” พิมพ์อรเอยตอบเขาด้วยน้ำเสียงสั่นระทึก เธอไม่กล้ามองหน้าเขาเสียด้วยซ้ำขณะตอบกลับไป
“มานั่งนี่สิ” เขาเรียกให้เธอมานั่งตัก โดยการตบหน้าตักของตัวเองเบา ๆ พิมพ์อรมีท่าทีลังเล แต่เหมือนต้องมนต์สะกด ร่างน้อยอรชรอ้อนแอ้นค่อย ๆ เดินไปนั่งลงข้าง ๆ เขาอย่างเขินอาย แทนที่จะนั่งบนตักของเขาอย่างที่เขาเชื้อเชิญ
“รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไรบ้าง” พันภพเอ่ยถามสาวน้อยตรงหน้า
“ไม่รู้ค่ะ” เธอเอ่ยตอบออกไปเพราะไม่แน่ใจว่าหากพูดออกไปนั้นจะเข้าใจเหมือนอย่างที่เธอรับรู้มาจากมารดาเลี้ยงหรือไม่
“คนที่พามาไม่ได้บอกหรือว่าต้องทำอะไรบ้าง” เขาเอ่ยถามเหมือนแปลกใจอยู่มากเหมือนกัน
“ไม่ได้บอกค่ะ” ประโยคของสาวน้อย ทำให้พันภพมองโดยสายตาเอ็นดู
“รู้ไหมว่า คนที่พามาน่ะ เขาพาเธอมาขายให้ฉัน”
พันภพบอกกับเด็กสาวไปตรง ๆ ทำเอาคนฟังถึงกับใบหน้าถอดสี
“จริงเหรอคะ” พิมพ์อรเอ่ยถามด้วยใบหน้าเหลอหลา
“จริงสิ ฉันจะโกหกเธอทำไมล่ ะฉันอยากบอกให้เธอรู้เอาไว้ ไม่ใช่ให้เธอไม่รู้อะไรเลยแบบนี้” เขาพูดเหมือนหวังดีจนเธอต้องกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น
พันภพสั่งซื้อเด็กสาวด้วยเหตุผลบางอย่าง เหตุผลของเขาในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการที่เขาเคยสั่งซื้อผู้หญิงมาคลายเหงา ตามประสาผู้ชายทั่วไปที่ไม่อยากผูกพันกับผู้หญิงคนใดที่ยังไม่ถูกใจ
ความต้องการของผู้ชายเป็นเรื่องธรรมดา และการที่ผู้หญิงขายเรือนร่างก็เป็นเรื่องธรรมดาด้วยหากหล่อนเต็มใจ เขาเน้นสะอาดไม่ผูกพันและไม่ข่มเหงรังแกกันเพราะเช่นไรผู้หญิงก็คือเพศแม่ผู้ให้กำเนิดเขา
หากหญิงคนใดไม่ให้ยินยอมพร้อม เขาก็ไม่บังคับ เรื่องการฉุดกระชากลากถู ข่มเหงรังแกหรือบีบบังคับนั้น เขาไม่ทำมันอย่างแน่นอน
เขาต้องการแค่ความบันเทิงใจผ่อนคลายและได้ปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศตามธรรมชาติของมนุษย์เท่านั้น
“น้ารดาเป็นแม่เลี้ยงของหนูค่ะ” เงียบไปหลายนาที เธอก็เอ่ยขึ้น
“ฉันรู้แล้ว เขาคงพาเธอมาขายเป็นครั้งแรก”
“ใช่ค่ะ น้ารดาบอกว่าไม่มีเงินที่จะรักษาคุณพ่อ แถมหนูก็ยังไม่มีเงินเรียนต่อด้วย น้ารดาเลยบอกว่าต้องหางานพิเศษทำ และถ้าไม่ทำงานนี้ก็ไม่มีเงินก้อน บ้านของเรากำลังจะอดตาย” ประโยคของเด็กสาวมันเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยจนพันภพรู้สึกเวทนาไม่น้อย เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งไม่มีทางออก ไม่มีที่ไป โดนหลอกมาขายตัวโดยที่เธอไม่มีทางรู้เลย มารู้อีกทีก็ตอนที่โดนพามาแล้ว
“ คุณพ่อก็จะไม่มีเงินรักษาตัวเลยค่ะ ทางโรงพยาบาลทวงเงินค่ารักษาพยาบาลหลายรอบแล้ว”
พิมพ์เล่าทุกอย่างให้คนตรงหน้าฟัง เขามองเธอด้วยความเห็นใจในขณะที่เธอนั่งน้ำตาซึม เธอไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรดี
เธอเห็นว่าผู้ชายตรงหน้าดูท่าทางใจดีอบอุ่นไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย เธอจะกล้าเปิดปากเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
บิดานั้นแต่งงานกับมารดาของเธอ มารดาจึงตามบิดามาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ เพราะบิดานั้นมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มีเงินมีทองพอสมควร ทั้งสองฝากเธอเอาไว้กับผู้เป็นยายที่บ้านสวนที่อยุธยา วันหยุดถึงจะกลับมาเยี่ยมเยียน
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มารดาของเธอไปหาคุณยายที่บ้านสวนและทั้งสองขับรถกันออกไปข้างนอกก่อนจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ในขณะที่วันนั้นเธอไปโรงเรียน กลับมาก็เจอเข้ากับข่าวร้าย
เหตการณ์นั้นทำให้เธอต้องย้ายมาอยู่กับบิดาที่กรุงเทพฯ หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่หกและย่างเข้าวัยสิบแปดปีเมื่อไม่กี่เดือนมานี้
ในช่วงที่เธอย้ายมาอยู่กับบิดานั้น เธอไม่มีเพื่อนเลยเพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
แต่เรื่องเลวร้ายในครอบครัวของเธอไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากมารดาเสียได้ไม่กี่วัน บิดาก็พาภรรยาใหม่เข้าบ้าน หล่อนเป็นเลขาของท่าน ซึ่งเธอก็รู้จักเป็นอย่างดี
หลังจากนั้นเพียงไม่ถึงเดือน บิดาของเธอก็มีปัญหาด้านการเงิน ท่านจึงขายบ้านสวนของคุณยายเพื่อเอาเงินมาพยุงกิจการเอาไว้ สร้างความเสียใจให้เธอเป็นอันมาก
เธอเป็นเพียงแค่ลูก ไม่รู้ว่าจะพูดหรือห้ามปรามอย่างไรดี งานการก็ยังไม่มีทำ เรียนก็ยังไม่จบ เมื่อยื้อเอาไว้ที่สุดแล้ว เธอก็ได้แค่ขอร้องท่าน แต่สุดท้ายท่านก็ขายที่ดินผืนสุดท้ายของคุณยายทิ้งอย่างไม่ไยดี
เธอเป็นเด็กบ้านนอกเขาอยู่ในเมืองก็ไม่รู้อะไรเลย อยู่แต่ในบ้าน จะออกไปเที่ยวเล่นเหมือนอยู่บ้านสวนก็ทำไม่ได้ ที่นี่รถรามากมาย ถนนตรอกซอกซอยก็เยอะ เธอไปไหนไม่ถูกเพราะกลัวหลง เวลาจะไปไหนก็ต้องไปกับมารดาเลี้ยง เนื่องด้วยบิดารักมารดาเลี้ยงเป็นอันมาก จึงฝากฝังเธอไว้กับรดาอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
เธอไม่รู้เลยว่านอกจากคุณยายและมารดาจะจากไปอย่างไม่หวนคืนแล้ว บิดาก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปอีกคน นั่นทำให้เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว มีบิดาก็เหมือนไม่มีเพราะท่านไม่รับรู้อะไร นอนสลบไสลอยู่บนเตียง
การจากไปของมารดาว่าแย่แล้ว แต่การที่บิดาไม่ได้จากไปแต่กลับมีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นยิ่งแย่มากกว่า
เมื่อไม่มีเงินเรียนสิ่งที่ต้องทำก็คือออกมาหางานทำแต่ด้วยวุฒิการศึกษาของเธอทำให้ไม่สามารถที่จะหางานที่ไหนทำได้ มารดาเลี้ยงจึงเสนองานนี้ให้แก่เธอ นั่งเป็นเพื่อนลูกค้าดูแลแขกจนเสร็จงาน แล้วเธอก็ได้เงินมาใช้จ่ายในครอบครัว
รดาบอกว่าไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยอะไร ในขณะที่เธอขอร้องว่าอยากจะไปสมัครงานดูอีกสักครั้ง ถ้าไม่ได้จริง ๆ ถึงจะตัดสินใจมาทำงานนี้
ความพยายามของเธอเหมือนกับว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย เพราะว่าเธอไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ
เมื่อเคยรับปากเอาไว้ว่าหากหางานทำไม่ได้ ก็จะยอมมาทำงานด้วย เธอจึงต้องทำงานนี้อย่างที่เคยรับปากเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฉันจ่ายเงินไปแล้ว ฉันก็ต้องการในสิ่งที่ฉันอยากได้” ประโยคของพันภพทำให้เด็กสาวหลุดจากภวังค์ความคิดอันสับสนวุ่นวายของตัวเอง
“แต่หนูไม่ได้คิดจะขายตัวนะคะ” พิมพ์อรเอ่ยออกมาเพื่อให้เขาเห็นใจ
“ฉันก็ไม่ได้บังคับเธอหรอกนะ แต่ถึงเธอจะไม่ขายตัวให้ฉัน แม่เลี้ยงของเธอก็คงจะพาไปขายที่อื่น แล้วเงินที่แม่เลี้ยงของเธอบอกว่าจะนำไปรักษาพ่อ ฉันก็คิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะถ้าเขาบริสุทธิ์ใจจริงๆ เขาก็คงจะไม่หลอกเธอมาขายแบบนี้” ประโยคขอพันภพทำให้พิมพ์อรต้องกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
เธอคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นคือเรื่องจริง แม่เลี้ยงของเธอไม่มีวันที่จะนำเงินจำนวนนั้นมารักษาบิดาหรือส่งเธอเรียนอย่างแน่นอน เพราะอย่างที่พันภพพูด นางหลอกเธอมาขายเพื่อหาผลประโยชน์เอากับเธอ แล้วไฉนเลยจะเอาเงินนั้นมาทำประโยชน์ให้เธอกันเล่า
เด็กสาวกัดปากอย่างครุ่นคิดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจทำเช่นไรดี ในเวลานี้มันช่างมืดแปดด้านไปหมด
“ฉันให้เธอเป็นคนตัดสินใจ ถ้าเธอยอมฉัน ฉันก็จะให้เงินเธอก้อนหนึ่งเอาไปรักษาพ่อของเธอ และให้เงินเธอเรียนหนังสือต่อด้วย” ประโยคของเขาทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง อย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมเสียเงินอีกก้อนให้เธอเพื่อรักษาพ่อ หลังจากที่เขาจ่ายให้รดามารดาเลี้ยงของเธอไปแล้ว