“โรงเรียนไม่ไกลจากบ้านแบบนี้ นกว่านกรอเงินเดือนออกแล้วเอาเงินไปซื้อจักรยานปั่นไปทำงานดีกว่าค่ะ ได้ออกกำลังกายด้วย”
“ก็ดีนะครับ ที่นี่อากาศดี อยู่ใกล้ท้องไร่ท้องนา แถมยังไม่ไกลด้วย แต่ถ้าวันไหนปั่นไม่ไหวเดี๋ยวผมขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งเองครับ”
“แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ นกไม่อยากรบกวนคุณธีมากน่ะค่ะ” เธอลงจากท้ายรถมอเตอร์ไซค์ขณะเอ่ยขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ มีอะไรก็ช่วย ๆ กัน เราอยู่บ้านเดียวกัน”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ” เธอกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าโรงเรียน เธอยกมือไหว้คุณครูที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน
“สวัสดีค่ะ”
“ครูนกมาทำงานเช้ามาก ๆ เลยนะคะ”
“อยากมาเช้า ๆ น่ะค่ะ ทำอะไรได้เยอะค่ะ”
“มาทำงานเช้าดีแล้วค่ะ” คุณครูอารีย์ยิ้มแย้มแจ่มใส เธอยืนคุยกับครูท่านนั้นจนสนิทกันพอสมควร ก่อนจะขอตัวเข้าโรงเรียน ผอ.ของโรงเรียนแห่งนี้มาทำงานตั้งแต่เช้า
เธอมาทำงานหลายวันแต่ยังไม่ได้เจอกับผู้อำนวยการโรงเรียนเพราะท่านไปประชุมเพิ่งกลับมา วันนี้เธอจะได้เจอกับท่านเป็นครั้งแรก
เธอเข้าไปพบผอ.ที่ห้องตามคำบอกเล่าของครูฝ่ายวิชาการที่มาทำงานก่อนเธอเช่นกัน รู้สึกเกร็งๆ นิดหน่อย พอไปถึงก็ต้องเซ็นต์ชื่อมาทำงาน ผอ.เชิญเธอเข้าไปด้านใน
กมลชนกยกมือไหว้ผอ. ท่านอมยิ้ม แล้วก็เอ่ยทักทายเธออย่างเป็นกันเอง พูดคุยกันได้พักใหญ่ เลยรู้ประวัติของท่านเสียละเอียดยิบ ท่านเรียนจบวิทยาศาสตร์ก่อนจะไปเรียนต่อปริญญาโทบริหารการศึกษา เคยเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียน และเคยเป็นศึกษานิเทศก์ก่อนมาเป็นผอ.โรงเรียนแห่งนี้ เธอนึกชื่นชมความสามารถของท่านนัก
จำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนมาทำงานวันแรก เธอยังไม่ได้สอนหนังสือหรอก แต่ได้รับมอบหมายงานให้ทำงานฝ่ายวิชาการ หัวหน้าฝ่ายวิชาการเป็นพี่เลี้ยงพาเธอไปแนะนำให้เด็ก ๆ ได้รู้จักหน้าเสาธง เธอกล่าวทักทายอย่างยินดีเพราะเป็นคนกล้าแสดงออก เลยไม่ได้รู้สึกขัดเขินเท่าที่ควร
เธอได้รับมอบหมายงานให้สอนคณิตศาสตร์ประถมศึกษาปีที่สี่ถึงหก และยังได้สอนวิชาวิชาวิทยาศาตร์อีกด้วย
เนื่องจากวิชาความรู้ระดับชั้นประถมศึกษา เป็นความรู้ระดับพื้นฐานที่คุณครูจำนวนมากสามารถสอนได้ ครูสมัยก่อนยังสอนได้ทุกวิชาเลย แถมเด็กยังอ่านหนังสือได้คล่องกว่าเด็กสมัยนี้เสียอีก
เมื่อหลายวันก่อนเธอได้รับตารางสอนวิชาที่จะสอน พอรุ่งขึ้นของอีกวันเธอก็ได้เริ่มสอนหนังสือเป็นครั้งแรก
เธอได้ทำงานฝ่ายวิชาการซึ่งคอยช่วยเหลือหัวหน้าฝ่ายวิชาการ ครูวิทยาหรือพี่วิทย์เป็นผู้ชายที่พูดเพราะ ปากหวานและดูใจดี เธอได้โต๊ะด้านในสุดของห้องพักครูในแผนกฝ่ายวิชาการ ด้านหน้ามีครูคนหนึ่งซึ่งอายุมากกว่าเธอสอนวิชาภาษาอังกฤษชื่อบุษบา ท่าทางก็ใจดีหรอกนะ แต่หยิ่งชะมัด เธอแอบคิดในใจคนเดียว
ในห้องยังมีครูสอนคณิตศาสตร์อีกสองคน คนหนึ่งเป็นรุ่นน้องของเธอปีหนึ่งชื่อครูจำปา อีกคนคือครูมะลิ ซึ่งอายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว
เธอมองเสาธงแล้วยิ้ม เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น เพราะวันนั้นหลังจากที่เธอทำความรู้จักกับนักเรียนหน้าเสาธงในตอนเช้าและทำความรู้จักกับครูทั้งโรงเรียนไปแล้ว ครูมะลิกับครูจำปาก็กลายเป็นเพื่อนครูที่น่ารักในทันทีเพราะอีกฝ่ายแนะนำอะไรหลายอย่าง ทั้งเรื่องงานวิชาการและเทคนิคการสอนเด็ก ๆ
พักกลางวัน ทางโรงเรียนมีอาหารกลางวันให้แก่ครูและนักเรียน เธอไม่ได้มีเงินติดตัวมากนัก เลยโล่งใจที่จะประหยัดค่าอาหารกลางวันไปได้อีกหลายมื้อกว่าเงินเดือนจะออก
“ไปส่งไหมพี่นก” จำปาเป็นคนพื้นเพแถบนั้น เรียนจบก็มาบรรจุที่โรงเรียนใกล้บ้าน เดินทางมาโรงเรียนด้วยรถมอร์เตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่
“ก็ดีเหมือนกัน”
“คุณนกครับ”
“อ้าว... คุณธี”
“ผมมารับครับ”
“กำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”
“พี่นกรู้จักกับพี่ธีด้วยเหรอคะ” จำปาเอ่ยถาม เพราะธีระเป็นพัฒนากรของที่นี่จึงเป็นที่รู้จักของคนในชุมชน
“ค่ะ เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมบ้านน่ะค่ะ”
“เพื่อนร่วมบ้าน” จำปาทวนคำของอีกฝ่าย ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน
“พี่ไปก่อนนะคะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” กมลชนกตัดบทเสียเพราะถ้ายังขืนอยู่ต่อคงโดนถามยาว
“ค่ะพี่ โชคดีนะคะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” จำปาโบกมือให้ครูใหม่ที่เพิ่งมาบรรจุหลังจากเธอไม่นานนัก แต่อายุของเธอกับกมลชนก็ไล่เลี่ยกัน เกิดปีเดียวกันแต่กมลชนกแก่เดือนกว่า เธอจึงเรียกพี่เสียเลย
“ทำงานเป็นยังไงบ้างครับ” ธีระชวนหญิงสาวที่นั่งข้างคนขับคุยอย่างเป็นกันเอง เขามีรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่อยู่อีกคันหนึ่ง ซื้อไว้ตั้งแต่ทำงาน
“ก็ดีนะคะ ผอ.ใจดี ครูที่นี่ก็อัธยาศัยดีค่ะ แต่เพิ่งรู้นะคะว่าบรรจุใหม่ เงินตกเบิกตั้งสามเดือนแน่ะค่ะ” เธอทำท่าเป็นกังวลขณะเล่าให้เขาฟัง
“ธรรมดาของงานราชการครับ คุณนกขัดสนอะไรก็บอกผมได้นะครับ ผมพอมีให้หยิบยืม”
“เกรงใจจังเลยค่ะ” เธอพูดอย่างเกรงใจจริงๆ
“พอเงินตกเบิกออกก็ค่อยใช้คืนครับ ตอนนั้นคุณนกก็ได้เงินก้อนเลยนะครับ”
“ขอบคุณล่วงหน้านะคะ” เกรงใจอยากปฏิเสธแต่เธอมีภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ทางบ้านก็มีน้องอีกสามคนที่ต้องส่งเสียให้เล่าเรียน เขาแสดงน้ำใจอยากช่วยเหลือ เธอเลยแบ่งรับแบ่งสู้ ยังไม่อยากปฏิเสธเขาในเวลานี้
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี เย็นนี้อยากกินอะไรครับ”
“อะไรก็ได้ค่ะ เอาง่าย ๆ สะดวกแล้วกัน เพราะเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”
“งั้นกระเพราไก่ไข่ดาวไหมครับ”
“ก็ดีนะคะ ไม่ได้กินกระเพราะไก่มานานแล้ว”
“กระเพรากำลังแตกยอดอ่อนครับ พอดีผมซื้ออกไก่สด ๆ กลับมาด้วย”
“คุณธีคะ เงินเดือนออกจะเลี้ยงคุณธีกลับนะคะ นกเกรงใจจังเลยค่ะ เหมือนมาเป็นภาระให้คุณธีเสียอย่างนั้น”
“อย่าคิดมากสิครับ ผมยินดีและเต็มใจครับ ป้าจันทร์พิศฝากคุณเอาไว้กับผม อีกอย่างคุณก็เป็นเพื่อนร่วมบ้านของผมด้วย เราต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอประทับใจความเอื้ออารีของเขาเป็นอันมาก ตกเย็นวันนั้นเธอกับเขาช่วยกันทำกระเพราไก่ไข่ดาวรับประทานกัน
“คุณนกเอ่อ... ไม่เห็นอะไรแปลกๆ แล้วใช่ไหมครับ”
ธีระเอ่ยถามยามที่เขาเดินมาส่งเธอที่ห้องพัก เธอต้องเตรียมการสอนและอ่านหนังสือ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เขาเลยไม่รบกวนอะไรเธออีก
“ไม่เห็นค่ะ คุณธีกลัวเหรอคะ” เธอไขว้นิ้วไปด้านหลังก่อนจะยิ้มให้เขา เอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างขำ ๆ
“ดีแล้วครับ ผมไม่ได้กลัวหรอกครับ แต่เกรงใจ”
เขามองรอบกายก่อนจะทำท่าหวาดเสียว กมลชนกเกือบจะหลุดปากไปแล้วว่าจริง ๆ เธอไม่ได้เห็นผี แต่คิดว่าให้เขาเข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ
“เอ่อ... คุณธีคะ” เธอเรียกเขาเอาไว้ กัดปากตัวเองเหมือนมีเรื่องอะไรอยากจะถามเขาแต่ก็เกรงใจ
“คุณนกมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“นกมีเรื่องจะถามคุณธีน่ะค่ะ แต่คุณธีสัญญากับนกก่อนนะคะว่าจะไม่โกรธนก” เธออยากถามว่าเขาเป็นเกย์ไหม ที่อยากรู้เพราะอยากรู้จากปากของเขาเอง ใจของเธอน่ะสิ มันไม่รักดี ตกหลุมรักเขาไปแล้ว แถมยังอยากพาเขาไปให้ที่บ้านดูตัวอีก แถมทุกค่ำคืนก็ยังฝันวาบหวามว่าได้ร่วมรักกับเขาอย่างเร่าร้อน แบบนี้เธอก็ต้องเคลียร์ใจกับเขากันไปเลย
“ถามอะไร ถามได้เลยครับ ผมยินดีตอบทุกคำถามครับ” เขารับคำด้วยรอยยิ้ม ใจลุ้นระทึกคิดว่าเธออาจจะถามเขามีลูกมีเมียซุกซ่อนเอาไว้หรือเปล่า ถ้าเธอถามแบบนั้นเขาก็จะบอกเธอว่าไม่มี
“คุณธีเป็นเกย์จริง ๆ หรือเปล่าคะ” ประโยคของเธอทำเอาเขาแทบสำลัก
“คุณนกคิดว่าผมเป็นเกย์เหรอครับ”
“นกไม่ได้คิดเลยนะคะ แค่ได้ยินมา”
“ผมเป็นผู้ชายแท้ครับ” ประโยคของเขาเหมือนเสียงสวรรค์
“จริง ๆ เหรอคะ” เธอเข้าเขย่ามือของเขาเอาไว้ เอ่ยถามอย่างดีใจ